คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
รายการศิลปะการต่อสู้แบบผสม กำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นกีฬาที่ได้รับการยอมรับจากสื่อสายหลักและจากแฟนๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ลบภาพดั้งเดิมที่หลายคนยังเข้าใจว่าเป็นกีฬาป่าเถื่อนไปได้เยอะ จากนักสู้ที่มีคุณภาพสูงหลายราย รวมทั้งกติกาที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพและสุขภาพของนักกีฬา ขนาดยอดมวยไทยโกอินเตอร์อย่าง “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ยังเตรียมก้าวเข้าสู่สังเวียน “มวยกรง” ในเร็ววันนี้
แต่ในรายการ Bellator 149 เมื่อช่วงค่ำๆ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ณ สังเวียนโตโยต้า เซ็นเตอร์ เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ก็เกือบเกิดเหตุการณ์ที่สร้างรอยด่างพร้อยให้กับวงการ MMA ซะแล้ว ในคู่รองระหว่าง คิมโบ สไลซ์ นักสู้วัย 42 กับ ดาดา 5000 วัย 38 โดยที่ทั้งคู่สร้างชื่อมาจากการเป็นนักสู้สาย “ใต้ดิน” ประเภท “สตรีทไฟต์” มาก่อน ได้รับความนิยมอย่างสูงในแวดวงการต่อสู้แบบฟรีสไตล์ จนโปรโมเตอร์รายการ MMA ไปดึงตัวมาหวังสร้างกระแสนิยมในกีฬา MMA ให้เพิ่มขึ้น ทั้งคู่ถือว่าเป็นคู่แค้นที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน เพราะต่างก็โด่งดังช่วงชิงความเป็น “ซุป’ตาร์” อยู่ในวงการสตรีทไฟต์ทั้งคู่
ทาง คิมโบ สไลซ์ มีสถิติการสู้ทั้งหมด 7 ไฟต์ ชนะ 5 แพ้ 2 เคยขึ้นสู้ในรายการของ UFC มาแล้ว แต่หลังจากขึ้นสังเวียนไฟต์ที่ 6 ในปี 2010 แล้วก็เว้นว่างไปถึง 5 ปีด้วยกัน ก่อนจะกลับมาเซ็นสัญญากับ Bellator ในปี 2015 ขึ้นสู้อีก 1 ไฟต์กับนักสู้ระดับตำนานอย่าง เคน แชมร็อก เอาชนะน็อกไปแค่ยกแรกแบบแฟนๆ กังขา เรียกว่าร้างสังเวียนไปพอประมาณ ส่วน ดาดา 5000 ออกมาสู่โลกแห่งการต่อสู้บนดินได้แค่ 2 ไฟต์ ช่วงปี 2010-2011 ชนะรวด จากนั้นก็ไม่ได้ขึ้นสู้จริงจังอะไร
ปรากฏว่าไฟต์นี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เยอะมาก เพราะทั้งคู่เหวี่ยงหมัดกันสะเปะสะปะได้แค่ครึ่งยก ก็ออกอาการเป่าปากกันเสียแล้ว ต่างฝ่ายต่างมีจังหวะจับอีกฝ่ายหนึ่ง “เทคดาวน์” ทุ่มลงไป แต่ไม่มีปัญญาเข้าทำหรือจับล็อกอะไรได้ มีแต่นอนกอดกันจนกรรมการทนดูไม่ได้ต้องเรียกให้ยืนขึ้นมาสู้กันต่อ ซึ่งต่างก็เหวี่ยงหมัดมั่วไปมา แต่ก็อุตส่าห์ยืนหยัดกันได้ถึงกลางยก 3 ขณะที่ คิมโบ สไลซ์ เดินเข้าหา ดาดา 5000 ก็หมุนตัวเอียงไปรอบเวทีก่อนเป็นลมคว่ำลงกับผืนผ้าใบ คิมโบ สไลซ์ ชนะ TKO ไปแบบงงทั้งสนามท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนๆ
จบการชกทาง ดาดา 5000 ถูกหามส่งโรงพยาบาลทันที และมีข่าวว่าช่วงคืนนั้นมีอาหารหัวใจหยุดเต้น ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว ทำให้เกิดการวิเคราะห์กันขึ้นขนานใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น นักสู้ทั้งคู่ไม่ได้มีสภาพร่างกายที่พร้อมจะขึ้นสังเวียนเลย ทั้งๆ ที่ต้องส่งผลเลือดและผลการตรวจหัวใจให้คณะกรรมาธิการกีฬารัฐเท็กซัสก่อนการสู้อยู่แล้ว ก่อนที่สุดท้ายจะมีรายงานมาว่าทาง ดาดา 5000 ต้องลดน้ำหนักกว่า 40 ปอนด์ ทำให้เลือดข้น มีโปแตสเซียมในกระแสเลือดมากเกินไป ทำให้หัวใจทำงานหนักและหยุดเต้น
ก็ถือว่าเสียหายพอสมควรสำหรับรายการ Bellator ที่ไปขุดนักสู้ใต้ดินมา แต่นักสู้เหล่านี้ไม่ได้มีการเตรียมตัวที่พร้อมและดีพอ จนเกือบเกิดเป็นเรื่องเศร้า รวมทั้งภาพการต่อสู้ก็ออกแนวน่าเวทนาและน่าขันมากกว่าที่จะเป็นศิลปะการต่อสู้ ก็ขอฝากไว้เป็นอุทธาหรณ์สำหรับนักมวยไทยที่ชอบบีบน้ำหนัก หวังอาศัยความได้เปรียบรูปร่าง และลดน้ำหนักแบบไม่มีวิชาการ อาศัยอดข้าวอดน้ำ หรือถึงขนาดกินยาขับปัสสาวะอย่างที่เคยเป็นข่าวกันมา คงต้องระวังให้มากๆ นะครับ
รายการศิลปะการต่อสู้แบบผสม กำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นกีฬาที่ได้รับการยอมรับจากสื่อสายหลักและจากแฟนๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ลบภาพดั้งเดิมที่หลายคนยังเข้าใจว่าเป็นกีฬาป่าเถื่อนไปได้เยอะ จากนักสู้ที่มีคุณภาพสูงหลายราย รวมทั้งกติกาที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพและสุขภาพของนักกีฬา ขนาดยอดมวยไทยโกอินเตอร์อย่าง “ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ ยังเตรียมก้าวเข้าสู่สังเวียน “มวยกรง” ในเร็ววันนี้
แต่ในรายการ Bellator 149 เมื่อช่วงค่ำๆ วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ณ สังเวียนโตโยต้า เซ็นเตอร์ เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ก็เกือบเกิดเหตุการณ์ที่สร้างรอยด่างพร้อยให้กับวงการ MMA ซะแล้ว ในคู่รองระหว่าง คิมโบ สไลซ์ นักสู้วัย 42 กับ ดาดา 5000 วัย 38 โดยที่ทั้งคู่สร้างชื่อมาจากการเป็นนักสู้สาย “ใต้ดิน” ประเภท “สตรีทไฟต์” มาก่อน ได้รับความนิยมอย่างสูงในแวดวงการต่อสู้แบบฟรีสไตล์ จนโปรโมเตอร์รายการ MMA ไปดึงตัวมาหวังสร้างกระแสนิยมในกีฬา MMA ให้เพิ่มขึ้น ทั้งคู่ถือว่าเป็นคู่แค้นที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน เพราะต่างก็โด่งดังช่วงชิงความเป็น “ซุป’ตาร์” อยู่ในวงการสตรีทไฟต์ทั้งคู่
ทาง คิมโบ สไลซ์ มีสถิติการสู้ทั้งหมด 7 ไฟต์ ชนะ 5 แพ้ 2 เคยขึ้นสู้ในรายการของ UFC มาแล้ว แต่หลังจากขึ้นสังเวียนไฟต์ที่ 6 ในปี 2010 แล้วก็เว้นว่างไปถึง 5 ปีด้วยกัน ก่อนจะกลับมาเซ็นสัญญากับ Bellator ในปี 2015 ขึ้นสู้อีก 1 ไฟต์กับนักสู้ระดับตำนานอย่าง เคน แชมร็อก เอาชนะน็อกไปแค่ยกแรกแบบแฟนๆ กังขา เรียกว่าร้างสังเวียนไปพอประมาณ ส่วน ดาดา 5000 ออกมาสู่โลกแห่งการต่อสู้บนดินได้แค่ 2 ไฟต์ ช่วงปี 2010-2011 ชนะรวด จากนั้นก็ไม่ได้ขึ้นสู้จริงจังอะไร
ปรากฏว่าไฟต์นี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เยอะมาก เพราะทั้งคู่เหวี่ยงหมัดกันสะเปะสะปะได้แค่ครึ่งยก ก็ออกอาการเป่าปากกันเสียแล้ว ต่างฝ่ายต่างมีจังหวะจับอีกฝ่ายหนึ่ง “เทคดาวน์” ทุ่มลงไป แต่ไม่มีปัญญาเข้าทำหรือจับล็อกอะไรได้ มีแต่นอนกอดกันจนกรรมการทนดูไม่ได้ต้องเรียกให้ยืนขึ้นมาสู้กันต่อ ซึ่งต่างก็เหวี่ยงหมัดมั่วไปมา แต่ก็อุตส่าห์ยืนหยัดกันได้ถึงกลางยก 3 ขณะที่ คิมโบ สไลซ์ เดินเข้าหา ดาดา 5000 ก็หมุนตัวเอียงไปรอบเวทีก่อนเป็นลมคว่ำลงกับผืนผ้าใบ คิมโบ สไลซ์ ชนะ TKO ไปแบบงงทั้งสนามท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนๆ
จบการชกทาง ดาดา 5000 ถูกหามส่งโรงพยาบาลทันที และมีข่าวว่าช่วงคืนนั้นมีอาหารหัวใจหยุดเต้น ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว ทำให้เกิดการวิเคราะห์กันขึ้นขนานใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น นักสู้ทั้งคู่ไม่ได้มีสภาพร่างกายที่พร้อมจะขึ้นสังเวียนเลย ทั้งๆ ที่ต้องส่งผลเลือดและผลการตรวจหัวใจให้คณะกรรมาธิการกีฬารัฐเท็กซัสก่อนการสู้อยู่แล้ว ก่อนที่สุดท้ายจะมีรายงานมาว่าทาง ดาดา 5000 ต้องลดน้ำหนักกว่า 40 ปอนด์ ทำให้เลือดข้น มีโปแตสเซียมในกระแสเลือดมากเกินไป ทำให้หัวใจทำงานหนักและหยุดเต้น
ก็ถือว่าเสียหายพอสมควรสำหรับรายการ Bellator ที่ไปขุดนักสู้ใต้ดินมา แต่นักสู้เหล่านี้ไม่ได้มีการเตรียมตัวที่พร้อมและดีพอ จนเกือบเกิดเป็นเรื่องเศร้า รวมทั้งภาพการต่อสู้ก็ออกแนวน่าเวทนาและน่าขันมากกว่าที่จะเป็นศิลปะการต่อสู้ ก็ขอฝากไว้เป็นอุทธาหรณ์สำหรับนักมวยไทยที่ชอบบีบน้ำหนัก หวังอาศัยความได้เปรียบรูปร่าง และลดน้ำหนักแบบไม่มีวิชาการ อาศัยอดข้าวอดน้ำ หรือถึงขนาดกินยาขับปัสสาวะอย่างที่เคยเป็นข่าวกันมา คงต้องระวังให้มากๆ นะครับ