เอสิคส์ (ASICS) แบรนด์กีฬาระดับโลก จับมือกับ บริษัท สเปกตรัม เวิร์ล ไวด์ ร่วมเปิดประสบการณ์วิ่งรูปแบบใหม่ จัดการแข่งขัน "ASICS City Relay Bangkok 2016" การวิ่งพลัดเป็นทีมในช่วงเวลากลางคืน มาตรฐานระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุดครั้งแรกในประเทศไทย ณ บริเวณโดยรอบสนามหลวงและรอบพระบรมหาราชวัง ในวันที่ 26 มีนาคม 2559 เวลา 18.00 - 24.00 น. ซึ่งคาดจะมีน่องเหล็กเข้าร่วมกว่า 3,500 คน คาดบัตรขายหมดภายในสัปดาห์แรกที่เปิดจำหน่าย
มร.เคนจิ โอ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอสิคส์ เอเชีย เปิดเผยว่า การแข่งขัน "ASICS City Relay" คืองานวิ่งมาตรฐานระดับโลก ที่ เอสิคส์(ASICS) ได้สนับสนุนการจัดที่ต่างประเทศมาแล้วอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ได้ถูกดึงมาจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย จากความร่วมมือกันของ กรุงเทพมหานคร ภาครัฐ และภาคเอกชน ในชื่องาน "ASICS City Relay Bangkok 2016" ซึ่งกรุงเทพมหานคร ที่ได้รับเลือกให้เป็นประเทศแรกของปี 2559
ในการจัดงาน ซึ่งมีกำหนดการการจัดกิจกรรมนี้ใน 3 เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ, กัวลาลัมเปอร์ และ สิงคโปร์ นอกจากนี้นักวิ่งยังจะได้สัมผัสกับการวิ่งผลัดแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น คือ "Ekiden" หรือ การแข่งขันวิ่งผลัดระยะไกล และเราหวังว่าจะได้เห็นนักวิ่งร่วมงานกันคับคั่งที่สนามหลวงเดือนมีนาคม
สำหรับ "ASICS City Relay Bangkok 2016" เป็นการวิ่งผลัดทีม 4 คน ช่วงกลางคืน (Night Run) แบ่งเป็น 2 ระยะทาง คือ 10.5 กม. (ระยะทางรวม 4 คน 42 กม.) และ 5.25 กม. (ระยะทางรวม 4 คน 21 กม.) โดยมีบริเวณโดยรอบสนามหลวงและรอบพระบรมหาราชวัง เป็นสังเวียนแข่งขัน ซึ่งเส้นทางวิ่งจะผ่านวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และบริเวณโดยรอบที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นประจำชาติไทย พร้อมกันนี้ยังมีการจัดโซน "Live Tracking" อัพเดทการวิ่งไปยังจอแอลอีดีขนาดยักษ์เพื่อทราบว่าใครเป็นผู้นำ และช่วยนักวิ่งในการเตรียมความพร้อมก่อนการออกวิ่ง ขณะที่ผู้ร่วมชมคนอื่นๆ สามารถสนุกสนานกับบรรยากาศได้ใน "Race Village" โดยจะมีดีเจและการแสดงต่างๆ คอยให้ความบันเทิงตลอดทั้งคืน ตั้งแต่เวลา 18.30 น. คาดจะมีนักวิ่งอาชีพและสมัครเล่นเข้าร่วมกว่า 3,500 คน จาก875 ทีม และมีการเผยแพร่ไฮไลท์ไปกว่า 10 ประเทศทั่วโลก
ด้าน มร.คริส ไอเวอรี่ ร็อบ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สเปกตรัม เวิร์ล ไวด์ กล่าวว่า งาน "ASICS City Relay Bangkok 2016" เป็นงานวิ่งที่แปลกใหม่ เน้นถึงความเป็นทีม ถือเป็นการวิ่งผลัดกลางคืนที่สมบูรณ์แบบที่สุดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย มีมาตรฐานเดียวกันกับที่เคยจัดมาแล้วในประเทศสิงคโปร์ ทั้งเรื่องระบบการจัดการ อุปกรณ์ การเซฟตี้ และการคอนโทรลต่างๆ มีการใช้แบล็กไลท์ครอบคลุมตลอดทั้งงาน รวมถึงจัดกิจกรรมให้ผู้เข้าแข่งขันและผู้ติดตามได้มีส่วนร่วมกับความ สนุกสนานตลอดเวลา ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างเป็นทางการจากกรุงเทพมหานครในการปิดถนนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มตลอดระยะเวลา 6 ชั่วโมง จึงเชื่อว่าจะเป็นอีเวนท์ที่มีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่และแตกต่างกับอีเวนท์อื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีดีไซน์เหรียญรางวัลที่โดดเด่นเฉพาะตัวโดยเป็นออกแบบเป็นรูปสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานครและวัดพระแก้ว ซึ่งเหรียญของทั้ง 4 คนที่เข้าเส้นชัยสามารถนำมาต่อรวมเป็นเหรียญเดียวกันได้ เพื่อแสดงถึงชัยชนะของความเป็นทีมอย่างแท้จริง เพราะนักวิ่งทุกคนต้องวางแผนในการบริหารเวลา เตรียมพร้อม และวอร์มร่างกายในช่วงที่ขณะรอเพื่อนร่วมทีมวิ่งด้วยเช่นกัน ซึ่งงานนี้เป็นที่นิยมมาแล้วในหลายประเทศที่เคยจัดการแข่งขัน เชื่อว่าสำหรับประเทศไทยจะมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกันอย่างคึกคัก และการลงทะเบียนสมัครจะเต็มตั้งแต่ภายในสัปดาห์แรก ที่สำคัญงานนี้จะเป็นการช่วยพัฒนาและยกระดับนักวิ่งสมัครเล่นให้มีส่วนร่วมในการแข่งขันระดับนานาชาติ และเป็นการเปิดประตูแสดงศักยภาพการจัดการงานที่ได้มาตรฐานให้ทั่วโลกได้เห็นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้การแข่งขันทั้ง 2 ระยะทาง สามารถจัดทีมได้ทั้งรูปแบบ ชายล้วน หญิงล้วน และทีมผสม โดยผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะได้รับ เสื้อASICS RUNNING T-SHIRT, ป้ายติดหน้าอกดิจิตอล RACE RIB และสายรัดข้อมือ RELAY TOKEN ทีมละ 1 อัน เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่2 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป จำกัดเพียง 875 ทีม หรือรวมนักวิ่งทั้งหมด 3,500 คน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้รับประสบการณ์การวิ่งที่ดีที่สุด ค่าลงทะเบียน ระยะ 10 กม. 3,200 บาทต่อทีม (800 บาทต่อคน) และ 5.25 กม. 2,600 บาทต่อทีม (650 บาทต่อคน) โดย 150ทีมแรกที่สมัครก่อนจะได้ส่วนลดพิเศษ ระยะ 10 กม. เหลือ 2,800 บาท และ 5.25 กม. เหลือ 2,200 บาท
สำหรับการแข่งขัน "ASICS City Relay Bangkok 2016" การวิ่งพลัดเป็นทีมในช่วงเวลากลางคืน มาตรฐานระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุดครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 26 มีนาคม 2559 เวลา 18.00 - 24.00 น. ณ บริเวณโดยรอบสนามหลวงและรอบพระบรมหาราชวัง สนใจสมัครออนไลน์เข้าแข่งขันได้ที่ www.cityrelay.co.th ถึงวันที่ 16 มีนาคมนี้ ติดตามข่าวสารได้ที่ facebook.com/cityrelay และInstagram : @cityrelay
