ปิดฤดูกาล “แอลพีจีเอ” สวิงสาวกิมจิครองเมือง

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - รูดม่านแล้วสำหรับศึก แอลพีจีเอ ทัวร์ ฤดูกาล 2015 โดยเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมารายการสุดท้าย “ซีเอ็มบี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปียนชิป” แชมป์ตกเป็นของ คริสตี เคอร์ จอมเก๋าชาวอเมริกันวัย 38 ปี แต่แทบไม่มีใครพูดถึงเพราะตลอดทั้งปีถูกกลบด้วยความยอดเยี่ยมของก้านเหล็กสาวเกาหลี

ศึก แอลพีจีเอ ทัวร์ ปี 2015 ทั้งหมด 32 รายการผู้เล่นเกาหลีที่นับรวม ลิเดีย โค ชาวนิวซีแลนด์ที่เกิดในโซลและ มินจี ลี ชาวออสเตรเลียเกิดในเพิร์ธ คว้าแชมป์ทั้งสิ้น 21 อีเวนต์

ภายหลังได้มีการประกาศรางวัลต่างๆ ออกมาดังนี้ ลิเดีย โค กวาดคนเดียว 3 กล่องคือ ผู้เล่นทำเงิน, ผู้เล่นประจำปีและผู้ชนะ เรซ ทู เดอะ ซีเอ็มอี โกลบ ที่เหลือตกเป็นของ ปาร์ค อินบี ทำสกอร์ดีที่สุดและ คิม เซ-ยอง รุคกีแห่งปี แน่นอนว่าทั้งหมดถือเป็นคนเกาหลี โดย โค อย่างที่ทราบไปแล้วว่าเกิดที่โซลก่อนอพยพไปนิวซีแลนด์จนได้เป็นพลเมืองตอนอายุ 12 ปี

สิ่งที่ยากที่สุดของนักกีฬาก็คือการรักษาระดับการเล่นและพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง ลิเดีย โค วัย 18 ปีทำให้เห็นจากปีที่แล้วคือปี 2014 ซิว รุคกี ออฟ เดอะ เยียร์ ถัดมาปีนี้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยม รวมถึงสร้างสถิติเป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดในโลกทั้งฝ่ายชายและหญิงที่ขึ้นเป็นมือ 1 โลก

สำหรับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีที่ ลิเดีย โค ได้รับนั้นถือเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดนับเฉพาะกีฬาระดับเมเจอร์ยอดฮิตฝั่งสหรัฐฯ คือ เอ็นบีเอ, เบสบอล, ฮอคกี, อเมริกันฟุตบอล และกอล์ฟทั้ง แอลพีจีเอ ทัวร์ กับ พีจีเอ ทัวร์ โดย โค วัย 18 ปีก่อนหน้านี้ทำไว้คือ เวย์น เกรตซกีย์ นักฮอคกีชายวัย 19 ปี ขนาด ไทเกอร์ วูดส์ ตำนานกอล์ฟชายชาวอเมริกันยังทำได้ตอนอายุ 21 ปี

อีเวนต์สุดท้ายแม้ว่า ลิเดีย โค จะไม่ได้แชมป์ แต่แต้มสะสมมี 6,000 แต้มมากกว่า ปาร์ค อินบี 300 แต้มจึงคว้าโบนัสเป็นเงินก้อนโตถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 35 ล้านบาท) ถือเป็นการป้องกันตำแหน่งได้สำเร็จปีที่แล้วชนะ สเตซีย์ ลูอิส ชาวอเมริกัน ส่วนเงินรางวัลทั้งสิ้นรวมเป็นแชมป์ 5 รายการปีนี้ทำไป 2,758,417 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 96.5 ล้านบาท)

ปรากฎการณ์ที่ก่อตัวขึ้นนี้ทำเอาสื่อต่างชาติฉงนไม่น้อย เพราะทั้งหมดดูเป็นรูปแบบไม่ใช่มีผู้เล่นพรสวรรค์โผล่ขึ้นมาเพียงคนเดียว แต่มีก้านเหล็กเกาหลีที่ฝีมือพอๆ กับ ลิเดีย โค เพราะแต่ละสัปดาห์จะต้องมีเล่นจากแดนกิมจิติดหน้าลีดเดอร์บอร์ด ตอนนี้ท็อป 10 ของโลกมีโปรเกาหลี 6 คนไม่นับ โค

เหลือบดูชนิดกีฬาอื่นก็แทบจะไม่มีผลผลิตผู้เล่นที่ตบเท้าขึ้นมาจากชาติเดียวกันมากขนาดนี้ โดย ปาร์ค อินบี จากเกาหลีใต้ ที่ปัจจุบันตกมารั้งมือ 2 ของโลกเปรยเอาไว้ว่า "ในความคิดของพวกเราต้องซ้อมให้มาก เราจะมาถึงที่นี่เป็นคนแรกและกลับคนสุดท้าย" ฟังดูเหมือนไม่ยากแต่ทำให้เกิดผลนั้นไม่ง่ายแน่นอน

ย้อนไปเมื่อปี 1998 ที่ ปัก เซ รี สาวเกาหลีใต้มาคว้าแชมป์เมเจอร์ ยูเอส วีเมนส์ โอเพน ก็เหมือนเป็นการเปิดประตูสู่เวทีโลกเพราะบรรดาผู้ปกครองให้การสนับสนุนจนกลายเป็นวัฒนธรรมการเล่นกอล์ฟทั่วบ้านทั่วเมืองไปเสียแล้ว ซึ่งก็ไม่มีความลับอะไรของความสำเร็จ แต่คือหลักยึดบนพื้นฐานของการทำงานมากกว่า

สำนักข่าว "เอเอฟพี" ได้มองลึกลงไปถึงอคาเดมีสอนกอล์ฟของเกาหลีที่มุ่งมั่นผลิตผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมพบว่ามีการฝึกซ้อมวันละ 8 ชั่วโมงต่อวันเด็กทุกคนฝันจะเดินตามรอยรุ่นพี่ที่ไปสร้างชื่อเสียง โดยอายุ 13 ปีหลังจากเลิกเรียนก็ฝึกกันตั้งแต่บ่าย 3 จนถึง 3 ทุ่มครึ่งทุกวัน ส่วนครอบครัวก็ต้องเสี่ยงและเดิมพันกับเงินที่ลงทุนลงแรงไป

นอกจากนี้ยังมีเวทีในประเทศที่แข็งแกร่งอย่าง เคแอลพีจีเอ ซึ่งแต่ละคนได้แชมป์มาเป็นกอบเป็นกำ ส่วน ลิเดีย โค ได้รายการเดียวเมื่อปี 2013 เหนืออื่นใดสุดท้ายแล้วเรื่องเงินนั้นถือเป็นแรงจูงใจสุดท้ายที่จะผลักดันผู้เล่นให้ก้าวไปสู่ชัยชนะเพื่อแข่งขันกับต่างชาติ ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมานั้นประกอบขึ้นจนเป็นสิ่งที่ใครก็ยากจะเลียนแบบ

ถ้าย้อนไป 17 ปีก่อน ปัก เซ รี คือแรงบันดาลใจจนส่งให้มี ลิเดีย โค ที่ประสบความสำเร็จจนถึงวันนี้ การส่งต่อแบบรุ่นสู่รุ่นก็เชื่อว่า โค จะทำให้ในอนาคตมีนักกอล์ฟสาวจากเกาหลีใต้ต่อแถวขึ้นมาสร้างชื่ออีกแน่นอน

เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล