ล้วงเรื่องลับ “โรนัลโด้” กว่าจะสับได้สะเด่าโลก

ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ – ถือเป็นธรรมเนียมของกุนซือหรือไม่ก็นักฟุตบอลเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งของอาชีพก็ต้องคลอดหนังสืออัตชีวประวัติเปิดเผยเรื่องราวที่โลกลูกหนังไม่เคยลูก ล่าสุดถึงคิวของ คริสเตียโน โรนัลโด ปีกจอมสับของ รีล มาดริด ที่ขอวางแผงหนังสือตนเองชื่อว่า Cristiano Ronaldo: The Biography โดยมอบหมายให้ กิลเลม บาลาเก กูรูลูกหนังชาวสเปนเป็นผู้ถ่ายทอดคำบอกเล่าทุกช่วงเวลาชีวิตทั้งในและนอกสนามออกมาเป็นตัวหนังสือ ซึ่งตอนนี้ก็มีสื่อหลายสำนักหยิบบางส่วนมาเผยแพร่บ้างแล้ว จะมีเรื่องเด่นอะไรบ้างนั้นไปดูกันหน่อย

เกือบเป็นตำนานของ “ปืนโต”
โรนัลโด ย้ายจาก สปอร์ติง ลิสบอน มาสร้างตำนานหมายเลข 7 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างยิ่งใหญ่จากสถิติซัด 118 ประตู ใน 292 นัดที่ลงสนามภายใต้การดูแลของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมในเวลานั้น แต่หารู้ไม่ว่าช่วง 7 เดือนก่อนย้ายมา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เคยเกือบได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะของ อาร์เซนอล แล้ว หลังเดินทางมาที่สนามซ้อมที่ ลอนดอน เมื่อปี 2003 แต่ดีลก็ล่มไปเพราะ “ปืนโต” ของ อาร์แซน เวนเกอร์ กำลังวุ่นกับการสร้างสนามใหม่ เอมิเรตส์ สเตเดียม แทนที่ ไฮบิวรี ของเดิม และไม่อยากเสียเงินแลกกับดาวรุ่งอนาคตไกลอย่างเขา ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่า เวนเกอร์ จะรู้สึกเช่นไรบ้างที่พลาดจับนักเตะชั้นยอดแบบนี้ไปอีกคนต่อจาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงร่างโย่งชาว สวีเดน

โดน “ป๋า” ด่าจนร้องไห้มาแล้ว
ปีกทีมชาติโปรตุเกส เป็นที่รู้กันดีว่านอกจากฝีเท้าอันเอกอุแล้ว บุคลิกความมั่นใจแบบ 100 เปอร์เซนต์ (หรืออาจจะมากกว่านั้น) ยังเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นเลย โดยหากจำกันได้ช่วงที่ย้ายมาเล่นให้ “ผีแดง” ใหม่ๆ มักจะโชว์ฟอร์มลากเลื้อยตะลุยเดี่ยวแบบไม่สนเพื่อนร่วมทีมอยู่บ่อยครั้ง แถมยังเสียบอลมากเกินไปจนเพื่อนร่วมทีมเริ่มไม่เชื่อใจจะผ่านบอลให้ และในที่สุดเกมที่แพ้ เบนฟิกา ศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มก็ทำให้ความอดทนของ “เฟอร์กี” หมดลงถึงกับตวาดใส่หลังเกมว่า “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? กำลังเล่นฟุตบอลเพื่อตัวเองอยู่ใช่ไหม? บอกเลยนะว่าแกจะไม่มีวันเป็นนักเตะที่ดีได้ถ้ายังทำแบบนี้อีก!!” ทำเอาน้ำตาลูกผู้ชายถึงกับหยดลงมาและเริ่มปรับเปลี่ยนสไตล์หันมาเล่นเพื่อทีมมากขึ้น

คู่เกาเหลาของ รุด ฟาน นิสเตลรอย
ในหนังสือชีวประวัติของ เฟอร์กี เจ้าตัวเคยเขียนเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่าง โรนัลโด และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ศูนย์หน้าจอมถล่มประตูว่าเข้าขั้นย่ำแย่ โดยเฉพาะ รุด ที่ไม่ชอบปีกชาวโปรตุกีสอย่างรุนแรงเพราะเล่นสไตล์เห็นแก่ตัวแถมไม่ชอบเปิดบอลให้เจ้าตัวสังหารประตูแบบที่ เดวิด เบ็คแฮม คอยป้อนให้ตลอด ซึ่ง บาลาเก ก็บรรยายเรื่องราวลงหนังสือว่า รุด ถึงกับทนไม่ได้และประกาศทั่วว่าไม่ต้องการร่วมงานกับเด็กเมื่อวานซืนที่ย้ายจาก สปอร์ติง ลิสบอน แบบนี้

แน่นอนว่าเพื่อนร่วมค่าย “ผีแดง” ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับหัวหอกเลือดดัตช์กับความคิดที่ว่า แม้แต่ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ นายทวารร่างโย่งถึงกับต้องออกมาปกป้องด้วยการเตะ รุด ในสนามซ้อมหลังเห็นอีกฝ่ายไปเล่นงาน โรนัลโด ก่อน แต่ก็โดนสวนคืนจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตและในที่สุดก็กลายเป็นดาวยิงแดนกังหันลม เก็บของย้ายไปเล่นให้ รีล มาดริด เวลาต่อมา

เกือบแลกหมัดกับ มูรินโญ
เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ กลายเป็นประโยคที่บรรยายความบาดหมางของ โรนัลโด และ โชเซ มูรินโญ ผู้จัดการทีม รีล มาดริด ตอนนั้นได้เป็นอย่างดี โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในศึก โคปา เดล เรย์ รอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรกที่เจอกับ บาเลนเซีย ปี 2013 ซึ่งเกมนั้นจบลงที่ มาดริด ชนะ 2-0 แต่กุนซือเจ้าของฉายา “เดอะ สเปเชียล วัน” ไม่พอใจกับการเล่นของดาวยิงหมายเลข 7 ในช่วงครึ่งหลัง จึงได้มีการต่อว่ากันหลังฉาก และนั่นก็ทำให้ CR7 ถึงกับฟิวส์ขาดลุกขึ้นมาตอบโต้กลับ

บาลาเก เขียนบรรยายว่า โรนัลโด รู้สึกหงุดหงิดมากกับคำพูดของ มูรินโญ ที่บอกว่าตนเองทุ่มเทไม่มากพอและคิดจะบุกท่าเดียวโดยไม่ห่วงเรื่องลงมาช่วยตั้งรับ ทั้งที่พยายามช่วยทีมมาตลอด 90 นาทีแต่กลับถูกต่อว่า ก่อนเรื่องราวจะเริ่มบานปลายต่อหน้าทีมงานและเพื่อนนักเตะทั้ง อิเกร์ คาซิยาส กับ อัลวาโร อาร์เบลัว ต้องเข้าไปช่วยกันแยก และจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทว่าสุดท้ายแล้วคนที่ต้องไปก็คือ “เดอะ สเปเชียล วัน” ที่ย้ายไปคุม เชลซี ในภายหลัง

เรื่องโดย : วัลลภ สวัสดี