ฟลาเวีย เพนเน็ตตา นักเทนนิสมือ 26 ของโลกชาวอิตาเลียน ยอมรับไม่เคยคาดฝันถึงการสัมผัส รอบชิงชนะเลิศ แกรนด์ สแลม รายการสุดท้ายของปี "ยูเอส โอเพน 2015" ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังเคยผ่านจุดต่ำสุดของชีวิตรักอันแสนขมขื่น เมื่อ 8 ปีที่แล้ว
3 สัปดาห์ก่อนหน้า เพนเน็ตตา เคยถูกนักกายภาพ กระซิบถามจะมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ทัวร์นาเมนต์ระดับ แกรนด์ สแลม หรือไม่อย่างไรก็ตาม วันเสาร์ที่ 12 กันยายนนี้ ตามวัน-เวลาท้องถิ่น เพนเน็ตตา มีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง และเทรนเนอร์คู่ใจว่าคิดผิด เมื่อ เจ้าตัว เตรียมเข้าสังเวียน ฟลัชชิง เมโดว์ส ในฐานะผู้หญิงอายุมากสุุดที่ลงเล่นรอบชิงฯ แกรนด์ สแลม ครั้งแรก
หวดวัย 33 ปี ที่เพิ่งเข้ารอบชิงฯ แกรนด์ สแลม จากความพยายามทั้งหมด 49 ครั้ง กล่าว "ฉันคิดว่าคำตอบของฉัน คือ ไม่ แต่เหมือนกับสิ่งที่คุณพูดเสมอว่า คุณไม่มีวันรู้อนาคต ฉันหมายถึง คุณต้องพยายามเต็มที่ และสิ่งดีๆ จะมาถึงแบบไม่ทันตั้งตัว"
ประเด็นที่น่าสนใจนอกสนามของ เพนเน็ตตา น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หลังจากเคยคบหาดูใจกับ คาร์ลอส โมยา อดีตมือ 1 โลกชาวสเปน และแชมป์ เฟรนช์ โอเพน 1998 แต่ความสัมพันธ์อันยาวนาน 3 ปี สิ้นสุดลง เมื่อปี 2007 เป็นเหตุให้น้ำหนักตัวลดลง 10 กิโลกรัม และเขียนบันทึกความทรงจำอันปวดร้าว
"บางทีสิ่งหนึ่งที่ฉันสูญเสียไปไม่ใช่ คาร์ลอส แต่เป็นตัวเอง เขา (โมยา) เป็นคนน่ารังเกียจ แต่หากฉันทำอะไรพลาดพลั้ง คงเป็นเพราะฉันทุ่มเททุกอย่างแก่เขามากเกินไปจนสูญเสียความเป็นตัวเอง"
ปัจจุบัน เพนเน็ตตา ทำท่าจะมีรอยยิ้มกลับมา เนื่องจากมีข่าวพัวพันกำลังปลูกต้นรักกับ ฟาบิโอ ฟ็อกนินี รุ่นน้องคนบ้านเดียวกัน ซึ่งเขี่ย ราฟาเอล นาดาล ตกรอบ 3 ยูเอส โอเพน ขณะเดียวกัน หากสามารถเอาชนะ โรแบร์ตา วินชี สุดสัปดาห์นี้ ก็จะทุบสถิติรอแชมป์ แกรนด์ สแลม นานสุดของ มาริยง บาร์โตลี ที่ต้องพยายามถึง 47 ครั้ง และขยับขึ้นมือ 8 ของโลก
นับเป็นความสำเร็จที่เหลือเชื่อของ ผู้เล่นที่กำลังจะรีไทร์ เมื่อปีที่แล้ว เพราะอาการบาดเจ็บข้อมือ "ฉันเกือบตัดสินใจอำลาวงการมากๆ แต่มันไม่ยากเลยสำหรับฉันที่จะดำเนินชีวิตแบบนี้ เพราะมันเป็นชีวิตที่สวยงาม บางครั้งฉันเจอเรื่องแย่ๆ เหมือนทุกคน ฉันไม่ได้เป็นแค่นักเทนนิส แต่ยังรวมถึงคนธรรมดา"
"ตลอด 3 ปีล่าสุด ฉันพยายามเล่นต่อไปเพื่อตัวเอง มันเป็นกีฬาที่ฉันรัก ฉันไม่สามารถจินตนาการว่า ตัวเองจะเป็นอย่างไร หากต้องดำรงชีวิตโดยไม่ได้เล่นเทนนิส มันไม่ง่ายเลยสำหรับนักกีฬาที่จะตัดสินใจ หรือบอกว่ามันจบแล้ว มันเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริง เพราะชีวิตต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่หวังว่าช่วงเวลาส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางที่ดี"
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
3 สัปดาห์ก่อนหน้า เพนเน็ตตา เคยถูกนักกายภาพ กระซิบถามจะมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ทัวร์นาเมนต์ระดับ แกรนด์ สแลม หรือไม่อย่างไรก็ตาม วันเสาร์ที่ 12 กันยายนนี้ ตามวัน-เวลาท้องถิ่น เพนเน็ตตา มีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง และเทรนเนอร์คู่ใจว่าคิดผิด เมื่อ เจ้าตัว เตรียมเข้าสังเวียน ฟลัชชิง เมโดว์ส ในฐานะผู้หญิงอายุมากสุุดที่ลงเล่นรอบชิงฯ แกรนด์ สแลม ครั้งแรก
หวดวัย 33 ปี ที่เพิ่งเข้ารอบชิงฯ แกรนด์ สแลม จากความพยายามทั้งหมด 49 ครั้ง กล่าว "ฉันคิดว่าคำตอบของฉัน คือ ไม่ แต่เหมือนกับสิ่งที่คุณพูดเสมอว่า คุณไม่มีวันรู้อนาคต ฉันหมายถึง คุณต้องพยายามเต็มที่ และสิ่งดีๆ จะมาถึงแบบไม่ทันตั้งตัว"
ประเด็นที่น่าสนใจนอกสนามของ เพนเน็ตตา น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หลังจากเคยคบหาดูใจกับ คาร์ลอส โมยา อดีตมือ 1 โลกชาวสเปน และแชมป์ เฟรนช์ โอเพน 1998 แต่ความสัมพันธ์อันยาวนาน 3 ปี สิ้นสุดลง เมื่อปี 2007 เป็นเหตุให้น้ำหนักตัวลดลง 10 กิโลกรัม และเขียนบันทึกความทรงจำอันปวดร้าว
"บางทีสิ่งหนึ่งที่ฉันสูญเสียไปไม่ใช่ คาร์ลอส แต่เป็นตัวเอง เขา (โมยา) เป็นคนน่ารังเกียจ แต่หากฉันทำอะไรพลาดพลั้ง คงเป็นเพราะฉันทุ่มเททุกอย่างแก่เขามากเกินไปจนสูญเสียความเป็นตัวเอง"
ปัจจุบัน เพนเน็ตตา ทำท่าจะมีรอยยิ้มกลับมา เนื่องจากมีข่าวพัวพันกำลังปลูกต้นรักกับ ฟาบิโอ ฟ็อกนินี รุ่นน้องคนบ้านเดียวกัน ซึ่งเขี่ย ราฟาเอล นาดาล ตกรอบ 3 ยูเอส โอเพน ขณะเดียวกัน หากสามารถเอาชนะ โรแบร์ตา วินชี สุดสัปดาห์นี้ ก็จะทุบสถิติรอแชมป์ แกรนด์ สแลม นานสุดของ มาริยง บาร์โตลี ที่ต้องพยายามถึง 47 ครั้ง และขยับขึ้นมือ 8 ของโลก
นับเป็นความสำเร็จที่เหลือเชื่อของ ผู้เล่นที่กำลังจะรีไทร์ เมื่อปีที่แล้ว เพราะอาการบาดเจ็บข้อมือ "ฉันเกือบตัดสินใจอำลาวงการมากๆ แต่มันไม่ยากเลยสำหรับฉันที่จะดำเนินชีวิตแบบนี้ เพราะมันเป็นชีวิตที่สวยงาม บางครั้งฉันเจอเรื่องแย่ๆ เหมือนทุกคน ฉันไม่ได้เป็นแค่นักเทนนิส แต่ยังรวมถึงคนธรรมดา"
"ตลอด 3 ปีล่าสุด ฉันพยายามเล่นต่อไปเพื่อตัวเอง มันเป็นกีฬาที่ฉันรัก ฉันไม่สามารถจินตนาการว่า ตัวเองจะเป็นอย่างไร หากต้องดำรงชีวิตโดยไม่ได้เล่นเทนนิส มันไม่ง่ายเลยสำหรับนักกีฬาที่จะตัดสินใจ หรือบอกว่ามันจบแล้ว มันเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริง เพราะชีวิตต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่หวังว่าช่วงเวลาส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางที่ดี"
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *