ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “คว้าแชมป์ว่ายากแล้ว ป้องกันแชมป์ยิ่งยากกว่า” ถือเป็นประโยคคลาสสิกที่ใช้ได้กับกีฬาทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งกอล์ฟที่ จอร์แดน สปีธ ก้านเหล็กหนุ่มชาวอเมริกัน เพิ่งได้สัมผัสความรู้สึกนี้ หลังขึ้นไปนั่งบัลลังก์มือ 1 ของโลกได้เพียงแค่ 2 สัปดาห์ก็มีอันต้องถอยลงมา
สปีธ ไม่ผ่านตัดตัวซีรีส์เปิดหัว “เฟดเอ็กซ์ คัพ” รายการ “เดอะ บาร์เคลย์” ที่จบไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ รอรีย์ แม็คอิลรอย จากไอร์แลนด์เหนือ กลับขึ้นไปสูดอากาศด้านบนอีกครั้ง ส่วนแชมป์อีเวนต์ดังกล่าวได้แก่ เจสัน เดย์ จากออสเตรเลีย ถือว่าร้อนแรงหลังได้เมเจอร์สุดท้ายของปีนี้ไปครองคือ “พีจีเอ แชมเปียนชิป” จี้ติดรั้งที่ 3 จนมีลุ้นขึ้นมือ 1 ในศึก “ดอยต์ช แบงก์ แชมเปียนชิป” ระหว่างวันที่ 4-7 กันยายนนี้ ภายใต้ข้อแม้ต้องแชมป์และให้อีก 2 คนไม่ติดท็อปทรี
ส่วนกรณีของ สปีธ ขึ้นมือ 1 เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาหลังได้ที่ 2 ศึก “พีจีเอ แชมเปียนชิป” ซึ่งระยะเวลา 2 สัปดาห์บนบัลลังก์สวิงชายนั้นถือว่าไม่ได้สั้นที่สุด เพราะที่ผ่านมามีก้านเหล็กคนดังมากมายที่ประเดิมอยู่ได้เพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นดังต่อไปนี้
เฟรด คัปเปิลส์ - ชัยชนะ 2 สโตรกเหนือ เรย์มอนด์ ฟลอยด์ (สหรัฐอเมริกา) คว้าแชมป์เมเจอร์แรกและเมเจอร์เดียวในชีวิตคือ “เดอะ มาสเตอร์ส” ที่สนาม ออกัสตา เมื่อเดือนมีนาคมปี 1992 ทำให้ คัปเปิลส์ ได้ขึ้นมือ 1 ของโลก แต่ที่เท่กว่าคือเป็นโปรชาวอเมริกันคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้นั่งบัลลังก์ แม้ว่าสัปดาห์ถัดมาจะพาตัวเองตกมาอยู่ที่ 2 อย่างรวดเร็วก็ตาม
คนที่เขี่ย คัปเปิลส์ ตกเก้าอี้ที่นั่งได้เพียงแค่ 7 วันคือ นิค ฟัลโด อย่างไรก็ตามก้านเหล็กอเมริกันจบที่ 59 ในอีเวนต์ที่ตอนนี้เรียกว่า “วินด์แฮม แชมเปียนชิป” ซึ่งก็เพียงพอกลับไปอยู่ในจุดที่สูงที่สุดอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ยึดไว้ได้ถึง 15 สัปดาห์จนกระทั่งศึกเมเจอร์ “ดิ โอเพน” ณ เมอร์ฟิลด์ ที่ไม่ผ่านตัดตัว ส่วนโปรอังกฤษจบหรูกว่าคือได้ถ้วย “คลาเร็ต จัก” สมัยที่ 3 ไปครอบครอง จึงคืนมือ 1 อีกครั้งในเดือนกรกฎาคมปี 1992
ทอม เลห์แมน - ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูกันมากนัก อีกทั้งตลอดอาชีพได้ลิ้มรสการเป็นมือ 1 ของโลกเพียงแค่สัปดาห์เดียวเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนปี 1997 แต่โปรชาวอเมริกันก็เป็นคนหยุด เกร็ก นอร์แมน (ออสเตรเลีย) ที่นั่งบัลลังก์มานานติดต่อกันก่อนหน้านี้ถึง 96 สัปดาห์ เกิดขึ้นเนื่องจาก “ฉลามขาว” วืดตัดตัวในศึกเมเจอร์ “เดอะ มาสเตอร์ส” ส่วน เลห์แมน ดีกรีแชมป์เมเจอร์ “ดิ โอเพน” เมื่อปี 1996 ทำได้ดีผลงานเหนือกว่าในอีเวนต์ “อาร์บีซี เฮอริเทจ” ที่ตอนนี้รู้จักในชื่อ “เอ็มซีไอ แชมเปียนชิป” จากนั้น นอร์แมน ก็ทวงคืนจากจบอันดับรองแชมป์ที่ “โอเพน เดอ เอสปันญา” อีก 7 วันให้หลัง
ไทเกอร์ วูดส์ - เจ้าของ 14 แชมป์ระดับเมเจอร์คือคนที่ขึ้นมือ 1 สะสมมากที่สุดคือ 683 สัปดาห์ตลอดอาชีพ แต่ครั้งแรกก็ไม่ได้สวยงามเหมือนคนอื่นๆ เมื่ออยู่ได้แค่สัปดาห์เดียว โดยเจ้าของฉายา “พญาเสือ” เคยเป็นมือ 1 ของโลกอายุน้อยสุดตอน 21 ปีก่อนถูก ลิเดีย โค สาวน้อยจาก นิว ซีแลนด์ ทำลายลง
เหตุที่ วูดส์ ตกเก้าอี้มือ 1 เนื่องจากผลงานไม่ดีในศึกเมเจอร์ “ยูเอส โอเพน” ตามด้วยจบที่ 43 ในรายการ “บูอิค คลาสสิก” โดยคนที่แซงขึ้นไปในปีเดียวกันก็คือ เออร์นี เอลส์ (แอฟริกาใต้) กับ เกร็ก นอร์แมน (ออสเตรเลีย) อย่างไรก็ตามภายในเดือนเดียวก็กลับมาได้ โดยแชมป์ที่ส่งขึ้นไปก็คือ “โมโตโรลา เวสเทิร์น โอเพน” ตอนกรกฎาคม ซึ่งหนนี้อยู่นานเพิ่มขึ้นเป็น 9 สัปดาห์
เออร์นี เอลส์ - เจ้าของฉายา “บิ๊ก อีซี่ย์” คว้าแชมป์ 2 รายการติดต่อกันคือ พีจีเอ ทัวร์ “บูอิค คลาสสิก” เมื่อเดือนมิถุนายนปี 1997 ตามด้วยอีเวนต์ระดับเมเจอร์อย่าง “ยูเอส โอเพน” ส่งให้ขึ้นไปรั้งมือ 1 ของโลก แต่ก็กินลมชมวิวได้เพียงแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น เนื่องจาก เกร็ก นอร์แมน จอมเก๋าชาวออสซี่ ได้แชมป์ “เฟดเอ็กซ์ เซนต์ จู๊ด คลาสสิก” จึงแซงขึ้นมาพร้อมสะสมหลักไมล์เป็น 313 สัปดาห์ ซึ่งตอนนี้ “ฉลามขาว” ก็รั้งที่ 2 ตลอดกาลรวมทำไป 331 สัปดาห์ ทว่าไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นโปรชาวแอฟริกาใต้ดีกรีแชมป์ 4 เมเจอร์อยู่ในจุดที่สูงที่สุด เพราะปีถัดมาได้นั่งบัลลังก์อีก 2 ครั้งๆ ละ 4 สัปดาห์
รอรีย์ แม็คอิลรอย - ปิดท้ายที่โปรจากไอร์แลนด์เหนือคนนี้ขึ้นมือ 1 หนแรกอยู่ได้เพียงแค่ 2 สัปดาห์ โดยเกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมปี 2012 หลังจากคว้าแชมป์ พีจีเอ ทัวร์ รายการ “ฮอนด้า คลาสสิก” สัปดาห์ต่อมา รอรีย์ ยังคงได้นั่งบัลลังก์ เนื่องจากผลงานดีกว่า ลุค โดนัลด์ ศึก “ดับเบิลยูจีซี-คาดิลแลค แชมเปียนชิป” อย่างไรก็ตามก้านเหล็กชาวอังกฤษ ทวงคืนทันควันอีเวนต์ต่อมา เมื่อจบเหนือกว่าที่ “แทรฟเวิลเลอร์ แชมเปียนชิป” จากนั้นทั้งคู่ก็ขับเคี่ยวผลัดกันขึ้นผลัดกันลงอยู่หลายครั้งอย่างถึงพริกถึงขิงจนกระทั่งเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน
เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***