เอเยนซี – ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบ โมโตจีพี ฤดูกาล 2015 จากนี้เหลืออีก 6 สนามก็จะได้รู้แล้วว่าใครจะได้ครอบครองโทรฟีจ้าวความเร็วประจำปีนี้ หลังออกสตาร์ทกันมาแบบคู่คี่สูสีตั้งแต่ครึ่งแรก แต่แล้วกลับกลายเป็นรถหมายเลข 46 ของ วาเลนติโน รอสซี นักบิดจอมเก๋าของ โมวิสตาร์ ยามาฮ่า ที่เร็วแรงเกินห้ามใจยิ่งจนทำเอาเหล่านักซิ่งรุ่นน้องได้แต่วิ่งตามท้าย ก่อนขึ้นนั่งเป็นจ่าฝูงตารางชิงแชมป์โลกอยู่ในขณะนี้
ช่วงออกสตาร์ทต้นฤดูกาล มี 3 ทีมที่สื่อมองว่ามีโอกาสส่งนักบิดคว้าแชมป์ปีนี้คือ เรปโซล ฮอนด้า ที่มี มาร์ค มาร์เกวซ กับ ดานี เปโดรซา คู่หูคู่เก่า, โมวิ สตาร์ ยามาฮ่า ที่ได้ วาเลนติโน รอสซี ผนึกกำลังคู่ ฆอร์เก ลอเรนโซ และ ดูคาติ ของ อันเดรีย เอียนโนเน กับ อันเดรีย โดวิซิโอโซ แต่เมื่อผ่านไป 12 เรซ ผู้ท้าชิงค่อยๆหายไปทีละรายจนตอนนี้เหลือเพียง ยามาฮ่า ทีมเดียวที่กำลังแย่งชิงกันอยู่แบบไม่มีใครยอมใครทั้ง รอสซี และ ลอเรนโซ
โดย “เดอะ ด็อกเตอร์” ตอนนี้เป็นจ่าฝูงนำโด่ง 236 แต้ม มากกว่าคู่หู 12 แต้ม แม้ว่ายังไม่ห่างกันมากแต่ใครที่ติดตามชมการถ่ายทอดสดอยู่ตลอดจะเห็นได้ว่านักบิดวัย 36 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างไร้เทียมทานเพียงใดขึ้นโพเดียมทุกสนามพร้อมคว้าแชมป์ไปแล้ว 4 สนามที่ กาตาร์, อาร์เจนตินา, เนเธอร์แลนด์ส และล่าสุดที่สหราชอาณาจักร ซึ่งปัจจัยหลักๆคือการที่ต้นสังกัดที่ยังคงใช้รถ ยามาฮ่า โมเดล YZR-M1 ตัวเดิมจากปีก่อนที่แรงอยู่แล้วและไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรมาก
ขณะที่ฝั่งของ เรปโซล ฮอนด้า คู่แข่งตัวฉกาจที่มี มาร์ค มาร์เกวซ เป็นนักบิดนำโชคหยิบแชมป์โลก 2 สมัยล่าสุด เลือกใช้รถโมเดลใหม่ RC213V-RS แทนที่ตัวเดิม RCV1000R ที่เคยส่งให้นักบิดชาวคาตาลันประสบความสำเร็จเมื่อ 2 ปีก่อน ทว่ากลับมีปัญหาเกี่ยวกับเกียร์บ็อกซ์แถมความเร็วตก จนกลายเป็นตัดกำลังตัวเอง แม้จะหวนกลับมาใช้เครื่องตัวเก่าแต่ก็ดูจะไม่ทันการเพราะถูกค่ายคู่แข่งทิ้งห่างไปไกลแล้ว
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้นักบิดหมายเลข 46 วิ่งฉิวขนาดนี้คือการร่วมงานกับหัวหน้าช่างคู่ใจคนใหม่อย่าง ซิลวาโน กัลบูเซรา ที่เข้ามาทำงานแทน เจเรอมี เบอร์เกส ช่างคู่บุญที่เคยส่งให้เป็นแชมป์โลกรุ่นใหญ่ 7 สมัย แล้วปรับเซ็ตรถใหม่ได้เข้าที่เข้าทางกว่าเดิม โดยตอนแรก กัลบูเซรา เข้ามาทำงานกับทีมตั้งแต่ปีที่แล้ว ทว่าก็ยังไม่ผลิดอกออกผลทีเดียวอาศัยเรียนรู้ไปก่อนจนรู้วิธีปรับเซ็ตรถให้นักแข่งแบบลงตัวที่สุดเหมือนที่เห็นปัจจุบัน
เหนืออื่นใดนอกจากฝีมือ, ทีมงาน และรถที่สมบูรณ์แบบ จิตใจก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะ รอสซี ถูกตั้งคำถามจากสื่อและคนดูอยู่ประปรายว่าทำไมอายุ 36 ปีแล้วยังเลือกที่จะลงสนามเสี่ยงอันตรายอยู่ แม้มีเงินรางวัลที่สะสมมาตลอดชีวิตก็มากพอที่จะเอาไปถลุงเล่นได้แบบไม่มีหมดแต่ก็ยังไม่หยุดกอบโกยรางวัลและความสำเร็จ แต่เจ้าตัวก็ได้ตอบคำถามนี้อย่างชัดเจนว่าการย้ายกลับมาอยู่กับ ยามาฮ่า คือการเติมเชื้อไฟสำคัญ
“ยามาฮ่า ได้ปลุกความเชื่อมั่นของผมกลับมา ถือเป็นความรู้สึกที่ขาดหายไปในช่วงที่ผมอยู่กับ ดูคาติ ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะบิดต่อไปได้อีกนานเพราะปีหน้าก็จะ 37 แล้ว ไม่แน่หากได้แชมป์โลกแล้วก็คงหยุดตัวเองไปเลยก็ได้เพราะผมอยากจบอาชีพของตัวเองกับ ยามาฮ่า แต่เหนืออื่นใดก็คือผมรักความตื่นเต้นและชอบเจอกับความท้าทายใหม่ๆในสนาม นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมยังมีไฟที่จะแข่งต่อไปเรื่อยๆจนกว่าร่างกายจะไม่ไหว” เดอะ ด็อกเตอร์ กล่าว
สำหรับศึก โมโตจีพี ผ่านพ้นครึ่งทางไปแล้ว โดยยังเหลืออีก 6 สังเวียนคือ ซาน มาริโน, อารากอน, โมเตกิ, ฟิลิปป์ ไอส์แลนด์, เซปัง และ บาเลนเซีย ถึงแต้มยังไม่ห่างจาก ลอเรนโซ แต่ก็ใช่ว่า รอสซี จะไม่สามารถพาตัวเองขึ้นโพเดียมได้เพราะเห็นกันแล้วว่าต่อให้ต้องไปสตาร์ทจากกริดแถวสองก็ยังอัดสปีดขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้ตลอด ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกใจนักหากปีนี้เราจะได้เห็นเจ้าตัวหยิบแชมป์โลกสมัยที่ 8 ทาบ เจียโคโม อากอสตินี ที่ทำไว้มากสุดในประวัติศาสตร์
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***