คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ในยุคที่เศรษฐกิจเข้าสู่ห้วงเวลายากลำบาก ข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ผู้ประกอบการรายย่อยพากันทยอยม้วนเสื่อปิดฉากธุรกิจกันเป็นอันมาก ขณะที่รายใหญ่หลายเจ้าก็มีแต่ทรงกับทรุด เนื่องจากทุกคนต่างต้องรัดเข็มขัด จะมาสนุกสนานกับการใช้จ่ายเหมือนเช่นเคยเป็นเรื่องยาก ภาวะเงินฝืดจึงเกิดขึ้น จริงๆ ไม่ต้องบอกหลายท่านก็ทราบดี แต่ที่อยากบอกเนื่องจากสิ่งเหล่านี้ส่วนตัวมองว่ามีผลต่อการสนับสนุนกีฬาชาติไม่น้อย ยกตัวอย่างเมื่อสักพักใหญ่ๆ นักยิงปืนเป้าบินทีมชาติไทย ที่ว่ากันตามตรงถือว่าเป็น 1 ในนักกีฬาหลายคนที่มีลุ้นถึงเหรียญรางวัลโอลิมปิกมาตลอด ออกมาเปิดประเด็นต่อสื่อมวลชนว่า ปัจจุบันต้องควักเนื้อสำหรับเดินทางแข่งขันฝึกซ้อมในต่างประเทศด้วยเงินของตัวเองทั้งสิ้น เหตุผลหลักก็เนื่องมาจากไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์เจ้าเดิม ขณะที่สมาคมเองก็ไม่มีเงินให้นั้น ตกเป็นข่าวครึกโครมเรียกความสงสารจากแฟนกีฬาทั่วทุกสารทิศ
การพูดจากดังกล่าวส่งให้ผู้บริหารสมาคมยิงปืนเป้าบินแห่งประเทศไทย กลายเป็นเป้าโจมตี เป็นเหยื่ออันโอชะของเหล่าบรรดานักเลงคีย์บอร์ดผู้หิวกระหาย รุมฉีกทึ้งกันอย่างสนุกปากว่าทำไมปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ มีการบริหารที่ไม่โปร่งใสกันหรือเปล่า เงินที่นักกีฬาควรได้หายไปไหนกัน แต่แทนที่จะตอบโต้ด้วยอารมณ์ผู้บริหารสมาคม กลับยอมยืดอกยอมรับว่าเป็นความผิดของตนเองที่ทำเรื่องเอกสารขอเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ในปีนี้ล่าช้า
เมื่อยังไร้เงินสนับสนุน ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย จึงต้องออกหน้าแสดงความประสงค์จะช่วยเหลือ ตามสไตล์ของคนจริงใจอย่าง "บิ๊กเสือ" สกล วรรณพงษ์ นายใหญ่ค่ายหัวหมาก ที่หยิบยื่นเงินจำนวน 4 ล้านบาทมอบให้ ถามว่ามากไหมกับนักกีฬา 1 คน ต้องบอกเลยว่ามากมายมหาศาล คนบางคนเงินขนาดนี้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาได้เลยทีเดียว
แต่สิ่งที่เราต้องไม่ลืมว่า นักกีฬาคนดังกล่าวผ่านการแข่งขันโอลิมปิกมา 2 สมัย ทำผลงานได้ระดับที่เรียกว่ามีลุ้นเหรียญทองแดงมาแล้ว เท่าที่ทราบเคยรับเงินระดับ 7 ล้านบาทต่อปีจากสปอนเซอร์รายเดิม เพื่อเป็นการสนับสนุนการเดินทางแข่งขัน และจ้างโค้ชในต่างประเทศ ทว่าหลังโอลิมปิกครั้งนั้น ผลงานอื่นๆ ก็ยังไม่เรียกว่าเป็นชิ้นเป็นอันมาก ฝ่ายผู้สนับสนุนเท่าที่เพียรพยายามถามมาก็ไม่อยากตอบอะไรมาก เพราะเงินระดับนี้ถือว่ามากโขที่เดียวจึงมีทีท่าว่าอาจไม่ควักให้อีก
เท่าที่คุยกับคนวงในบางรายก็บอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอดีตผู้สนับสนุนหลักเขาไม่ค่อยสบายใจนักที่ตัวนักกีฬาไม่มีผลงานเป็นที่จับต้อง หากจะบอกว่าเป็นคนที่คว้าตั๋วไปโอลิมปิก 2016 ได้ด้วยการเดินสายแข่งขันในต่างประเทศ ด้วยจำนวนเงินมหาศาล เมื่อลงลึกในรายละเอียดมันก็มีเรื่องแปลก อาทิ จ้างนักจิตวิทยาทีเดียว 2 คน รวมถึงทีมงานอีกหลายชีวิต ขณะที่สมาคมกีฬายิงปืนซึ่งยังไม่มีตัวนายกสมาคมเลย แถมวุ่นวายไม่รู้จบก็ทำผลงานได้ดีในซีเกมส์ ครั้งที่ผ่านมา โดยนักกีฬาจำนวนมากก็เป็นหนี้เป็นสินจากการควักกระเป๋าตัวเองเบิกเงินซื้อกระสุนมาฝึกซ้อม ที่สำคัญแม้งบน้อยแต่กลับสามารถคว้าโควต้าโอลิมปิกครั้งนี้ได้เหมือนกัน จึงเกิดการเปรียบเทียบ
ส่วนเรื่องงบของสมาคมมีน้อยนั้น อันนี้ต้องชี้แจงว่าเงินจาก กกท.แต่ละปีสมาคมไม่ใช่ว่าได้มามากมายแต่อย่างใด แถมมีนักกีฬาดาวรุ่งอีกหลายรายที่ต้องดูแล และส่งไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศเช่นกัน จึงไม่อาจเอามาเทกองไว้ที่นักกีฬาคนใดคนหนึ่งได้ ถือว่าเป็นคำตอบที่ต้องยอมรับ และรักษาน้ำใจกันมากทีเดียว
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ในยุคที่เศรษฐกิจเข้าสู่ห้วงเวลายากลำบาก ข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ผู้ประกอบการรายย่อยพากันทยอยม้วนเสื่อปิดฉากธุรกิจกันเป็นอันมาก ขณะที่รายใหญ่หลายเจ้าก็มีแต่ทรงกับทรุด เนื่องจากทุกคนต่างต้องรัดเข็มขัด จะมาสนุกสนานกับการใช้จ่ายเหมือนเช่นเคยเป็นเรื่องยาก ภาวะเงินฝืดจึงเกิดขึ้น จริงๆ ไม่ต้องบอกหลายท่านก็ทราบดี แต่ที่อยากบอกเนื่องจากสิ่งเหล่านี้ส่วนตัวมองว่ามีผลต่อการสนับสนุนกีฬาชาติไม่น้อย ยกตัวอย่างเมื่อสักพักใหญ่ๆ นักยิงปืนเป้าบินทีมชาติไทย ที่ว่ากันตามตรงถือว่าเป็น 1 ในนักกีฬาหลายคนที่มีลุ้นถึงเหรียญรางวัลโอลิมปิกมาตลอด ออกมาเปิดประเด็นต่อสื่อมวลชนว่า ปัจจุบันต้องควักเนื้อสำหรับเดินทางแข่งขันฝึกซ้อมในต่างประเทศด้วยเงินของตัวเองทั้งสิ้น เหตุผลหลักก็เนื่องมาจากไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์เจ้าเดิม ขณะที่สมาคมเองก็ไม่มีเงินให้นั้น ตกเป็นข่าวครึกโครมเรียกความสงสารจากแฟนกีฬาทั่วทุกสารทิศ
การพูดจากดังกล่าวส่งให้ผู้บริหารสมาคมยิงปืนเป้าบินแห่งประเทศไทย กลายเป็นเป้าโจมตี เป็นเหยื่ออันโอชะของเหล่าบรรดานักเลงคีย์บอร์ดผู้หิวกระหาย รุมฉีกทึ้งกันอย่างสนุกปากว่าทำไมปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ มีการบริหารที่ไม่โปร่งใสกันหรือเปล่า เงินที่นักกีฬาควรได้หายไปไหนกัน แต่แทนที่จะตอบโต้ด้วยอารมณ์ผู้บริหารสมาคม กลับยอมยืดอกยอมรับว่าเป็นความผิดของตนเองที่ทำเรื่องเอกสารขอเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ในปีนี้ล่าช้า
เมื่อยังไร้เงินสนับสนุน ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย จึงต้องออกหน้าแสดงความประสงค์จะช่วยเหลือ ตามสไตล์ของคนจริงใจอย่าง "บิ๊กเสือ" สกล วรรณพงษ์ นายใหญ่ค่ายหัวหมาก ที่หยิบยื่นเงินจำนวน 4 ล้านบาทมอบให้ ถามว่ามากไหมกับนักกีฬา 1 คน ต้องบอกเลยว่ามากมายมหาศาล คนบางคนเงินขนาดนี้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาได้เลยทีเดียว
แต่สิ่งที่เราต้องไม่ลืมว่า นักกีฬาคนดังกล่าวผ่านการแข่งขันโอลิมปิกมา 2 สมัย ทำผลงานได้ระดับที่เรียกว่ามีลุ้นเหรียญทองแดงมาแล้ว เท่าที่ทราบเคยรับเงินระดับ 7 ล้านบาทต่อปีจากสปอนเซอร์รายเดิม เพื่อเป็นการสนับสนุนการเดินทางแข่งขัน และจ้างโค้ชในต่างประเทศ ทว่าหลังโอลิมปิกครั้งนั้น ผลงานอื่นๆ ก็ยังไม่เรียกว่าเป็นชิ้นเป็นอันมาก ฝ่ายผู้สนับสนุนเท่าที่เพียรพยายามถามมาก็ไม่อยากตอบอะไรมาก เพราะเงินระดับนี้ถือว่ามากโขที่เดียวจึงมีทีท่าว่าอาจไม่ควักให้อีก
เท่าที่คุยกับคนวงในบางรายก็บอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอดีตผู้สนับสนุนหลักเขาไม่ค่อยสบายใจนักที่ตัวนักกีฬาไม่มีผลงานเป็นที่จับต้อง หากจะบอกว่าเป็นคนที่คว้าตั๋วไปโอลิมปิก 2016 ได้ด้วยการเดินสายแข่งขันในต่างประเทศ ด้วยจำนวนเงินมหาศาล เมื่อลงลึกในรายละเอียดมันก็มีเรื่องแปลก อาทิ จ้างนักจิตวิทยาทีเดียว 2 คน รวมถึงทีมงานอีกหลายชีวิต ขณะที่สมาคมกีฬายิงปืนซึ่งยังไม่มีตัวนายกสมาคมเลย แถมวุ่นวายไม่รู้จบก็ทำผลงานได้ดีในซีเกมส์ ครั้งที่ผ่านมา โดยนักกีฬาจำนวนมากก็เป็นหนี้เป็นสินจากการควักกระเป๋าตัวเองเบิกเงินซื้อกระสุนมาฝึกซ้อม ที่สำคัญแม้งบน้อยแต่กลับสามารถคว้าโควต้าโอลิมปิกครั้งนี้ได้เหมือนกัน จึงเกิดการเปรียบเทียบ
ส่วนเรื่องงบของสมาคมมีน้อยนั้น อันนี้ต้องชี้แจงว่าเงินจาก กกท.แต่ละปีสมาคมไม่ใช่ว่าได้มามากมายแต่อย่างใด แถมมีนักกีฬาดาวรุ่งอีกหลายรายที่ต้องดูแล และส่งไปหาประสบการณ์ในต่างประเทศเช่นกัน จึงไม่อาจเอามาเทกองไว้ที่นักกีฬาคนใดคนหนึ่งได้ ถือว่าเป็นคำตอบที่ต้องยอมรับ และรักษาน้ำใจกันมากทีเดียว
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *