เอเยนซี - เวลานี้สื่ออังกฤษกำลังจับตาอยากเห็นแผงกองกลางโฉมใหม่ในฤดูกาลหน้าของ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าหน้าตาจะออกมาเป็นเช่นไร หลังจากได้ 2 แข้งใหม่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กับ มอร์แกน ชไนเดอแลง เข้ามาเสริมทัพ ค่าตัวรวมกันอยู่ที่ราว 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,160 ล้านบาท)
ตอนนี้ แมนฯยู เหินฟ้าไปทัวร์ช่วงปรีซีซันที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่ชาวดัตช์ ต้องใช้ประโยชน์ตรงนี้ทดลองนักเตะใหม่รวมถึงทั้งหมดที่มีว่าจะเข้ากับระบบไหนมากที่สุด เริ่มตั้งแต่พบ คลับ อเมริกา วันที่ 18 กรกฎาคมนี้ ตามด้วย ซาน โฮเซ เอิร์ธเควกส์ วันที่ 22 ก.ค. บาร์เซโลนา วันที่ 25 ก.ค.ปิดท้าย ปารีส แซงต์-แชร์กแมง วันที่ 30 ก.ค.
ชไวน์สไตเกอร์ ดีกรีทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์โลก 2014 จาก บาเยิร์น มิวนิค จะเข้ามาประสานงานกับ ไมเคิล คาร์ริค ที่กำลังจะเข้าวัย 34 ปีแล้วหรือเล่นเคียงข้างกัน แต่อย่าลืมว่ามี ชไนเดอแลง แข้งชาวฝรั่งเศส รวมถึง อันเดร เอร์เรรา กับ มารูยาน เฟลไลนี ดังนั้น “สกาย สปอร์ตส์” จึงลองเดาใจ ฟาน กัล ว่าน่าจะเล่น 3 รูปแบบดังต่อไปนี้ โดยมี “ชไวนี่” เป็นตัวหลัก นำแชมป์คืนสู่ถิ่น เธียเตอร์ ออฟ ดรีม
3-5-2
ระบบแรกที่ ฟาน กัล นำมาทดลองใช้เมื่อคุมทัพถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เนื่องจากเพิ่งประสบความสำเร็จมาหมาดๆ นำทัพ เนเธอร์แลนด์ส คว้าอันดับ 3 เวิลด์ คัพ 2014 ซึ่งทำให้นักเตะ แมนฯยู กระเสือกกระสนพอสมควร ซึ่งกว่าจะค้นชัยแรกในลีกเจอต้องรอถึงเกมที่ 4 เปิดบ้านถล่ม ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส 4-0 การปรับตัวครั้งนี้ทำให้ทีมสตาร์ทย่ำแย่ชนะ 3 จาก 10 นัดเท่านั้นเอง
ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ฤดูกาล 2015-16 จะเจอปัญหาลักษณะเดียวกัน เพราะนักเตะใหม่ตอนนี้ก็ 4 รายเข้าให้แล้ว บวกกับที่มีอยู่เดิมอีกบานตะไท ซึ่งระบบ 3-5-2 ชไวน์สไตเกอร์ อาจจะยืนตรงกลางฝั่งซ้ายประสานกับ ไมเคิล คาร์ริค และ ชไนเดอแลง เพราะสมัยเริ่มค้าแข้งก็เล่นปีกซ้ายมาก่อน
แนวทางนี้ ชไวน์สไตเกอร์ จะเติมเกมรุกได้ดีอีกด้วย เพราะแต่เดิมก็คือกองกลางแถวสองที่ขึ้นมาส่องประตูสวยๆ หลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้สามารถประสานงานกับวิงแบ็คที่อาจเป็นหน้าที่ของ แอชลีย์ ยัง แถมจะมีอิสระในการตัดเกม โดยแท็กเกิลให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ปีที่แล้วอยู่ที่ 1.7 เปอร์เซนต์ต่อเกม เทียบกับ คาร์ริค คือ 1.4 เปอร์เซนต์ต่อเกม
4-1-4-1
ชัยชนะติดต่อกัน 6 นัดเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเมษายน โดยมีการบุกชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 รวมอยู่ด้วย ทำให้ได้โควตาอันดับ 4 ไปคัดเลือก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก นอกจากนี้ระบบดังกล่าวยังทำให้เปิดบ้านถล่ม ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ 3-0 กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี 4-2 แบบนี้ ชไวน์สไตเกอร์ ยังไม่ต้องกังวลเกมรับที่เป็นหน้าที่ของ คาร์ริค หรือ ชไนเดอแลง ที่ยืนต่ำหน้าแผงแบ็คโฟร์ไปเลย
เพราะประสบการณ์ของ ชไวน์สไตเกอร์ จะช่วย แมนฯยู ในเรื่องของการพังประตู โดย แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายเดือนมีนาคมปี 2014 ก็ยิงได้รวม 2 นัดชนะ 4-2 นำ บาเยิร์น มิวนิค เขี่ย “ผีแดง” ตกรอบมาแล้ว เรียกได้ว่ายืนตำแหน่งได้ถูกที่ถูกเวลา สถิติจาก WhoScored.com ระบุแข้งวัย 30 ปียิงตรงกรอบ 0.9 ต่อเกมเมื่อปีที่แล้วเรตติงแม่นยำอยู่ที่ 7.38 ดีกว่า มารูยาน เฟลไลนี ที่ตรงกรอบ 0.6 เรตติงอยู่ที่ 7.16
4-3-3
จุ๊ปป์ ไฮย์เกส กุนซือที่เคยนำ บาเยิร์น เป็นทริปเปิลแชมป์ฤดูกาล 2012-13 ยกย่องว่า ชไวน์สไตเกอร์ คือกองกลางที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งก็สามารถรีดศักยภาพของนักเตะออกมาได้เยี่ยมที่สุด ดังนั้น แมนฯยู ต้องให้บทบาทผ่านบอลแก่ “ชไวนี่” ปีที่แล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 66 เปอร์เซนต์ต่อเกม รวมผ่านจังหวะสำคัญ 1.6 ต่อเกม ขนาด คาร์ริค ที่ว่าเจ๋งๆ เทียบกันยังด้อยกว่าคือ 60.5 กับ 0.4 ตามลำดับ
ปีที่แล้วก็มีช่วงที่ แมนฯยู ของ ฟาน กัล ทำผลงานยอดเยี่ยมด้วยการเล่นระบบ 4-3-3 ยามที่ คาร์ริค ต้องหายหน้าหายตาไปเพราะอาการบาดเจ็บ ดังนั้นการมาของ ชไวน์สไตเกอร์ อาจส่งสัญญาณว่ากองกลางทีมชาติอังกฤษต้องนับถอยหลังหมดเวลาแล้ว เนื่องจากหนุ่มกว่า 2 ปียิงประตูได้มากกว่า ผ่านบอลดีกว่า ดังนั้นอาจได้ประสานกับ เฟลไลนี กับ ชไนเดอแลง ก็เป็นได้
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *