ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - "ฟอร์บส์" นิตยสารด้านธุรกิจและเงินๆ ทองๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา เพิ่งเปิดโผ 100 เซเลบริตีส์หรือคนดังที่ทำเงินมากที่สุดในโลกประจำปี 2015 ซึ่งคาบเกี่ยวย้อนไปปี 2014
ปรากฎว่ามีคนหลากหลายวงการทั้งนักดนตรี, ดารา, พิธีกรทีวี และนักกีฬา พาเหรดกันมีชื่อเพียบ อันดับ 1 และ 2 เป็นของ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ (สหรัฐอเมริกา) กับ แมนนี ปาเกียว (ฟิลิปปินส์) 2 กำปั้นที่เพิ่งอุบัติเมกะไฟต์จึงฟันเงินไปมหาศาล แต่จุดนี้จะเอ่ยถึงก้านเหล็กที่มีติด 41 คนแรก 3 รายดังนี้
อันดับ 1 นับเฉพาะกีฬากอล์ฟได้แก่ ฟิล มิคเคลสัน จอมเก๋าชาวอเมริกัน ทำเงินไปทั้งสิ้น 51 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,734 ล้านบาท) รวมทั้งหมดอยู่ที่ 36 ถือว่ากระเตื้องจากการประกาศเมื่อปี 2014 ที่อยู่ 44 แต่ถ้านับรวมเฉพาะนักกีฬาอยู่ที่ 8
มิคเคลสัน มีรายได้นอกสนามสูงถึง 48 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,632 ล้านบาท) กับการเป็นพรีเซนเตอร์ให้ Callaway, Barclays, KPMG, Exxon Mobil, Rolex และ Amgen โปรวัย 45 ปีเจ้าของแชมป์ 5 เมเจอร์ เมื่อปีที่แล้วเพิ่งทำข้อตกลงใหม่กับผลิตภัณฑ์กอล์ฟ Callaway ถือเป็นพันธมิตรชั้นเยี่ยมที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี 2004 มีส่วนในความสำเร็จคว้าแชมป์ พีจีเอ ทัวร์ 42 รายการสูงที่สุดตลอดกาลเป็นอันดับ 9 แต่แชมป์ครั้งสุดท้ายต้องย้อนไป 2 ปีก่อนคือ บริติช โอเพน
ส่วนอีกคนที่หายหน้าหายตาไปพร้อมกับผลงานที่ดำดิ่งพอๆ กับ มิคเคลสัน ก็คือ ไทเกอร์ วูดส์ อย่างไรก็ตาม "พญาเสือ" เกาะที่ 2 นักกีฬากอล์ฟทำเงินไปทั้งสิ้น 50.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,700 ล้านบาท) แต่ถ้ารวมทั้งหมดอยู่ที่ 37 ถือว่าตกจากช่วงที่แล้วคือที่ 21 นับรวมเฉพาะนักกีฬาอยู่ที่ 9
ไทเกอร์ ผ่านตัดตัวแค่ 7 จาก 13 อีเวนต์ระหว่างปี 2014 และครึ่งแรกของปี 2015 ถือเป็นช่วงยากลำบากของผู้เล่นที่เคยทำสถิติผ่านตัดตัว 142 รายการมากกว่า 7 ปีก่อนสิ้นสุดลงเมื่อปี 2005 เพราะปัญหาหลากหลายไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บข้อศอกและหลัง ซึ่งขัดขวางเจ้าของแชมป์ 14 เมเจอร์ให้ยากคืนฟอร์มช่วง 2 ปีมานี้ สำหรับเมเจอร์สุดท้ายคือ ยูเอส โอเพน เมื่อปี 2008
แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บทำให้ตัวเลขเงินเข้าธนาคารของ ไทเกอร์ ไม่น่ามองนัก ช่วงที่ผ่านมาทำเงินรางวัลจากเกมกอล์ฟไปแค่ 600,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 20.4 ล้านบาท) ทว่าเงินจากนอกสนามมากถึง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,700 ล้านบาท) ทั้งจาก MusclePharm และ India's Hero motorcycles ถือเป็นสปอนเซอร์ทัวร์นาเมนต์จึงช่วยได้เยอะ โดยเฉพาะจัดขึ้นทุกปลายปีให้ก้านเหล็กวัย 39 ปีรับหน้าเสื่อที่ ฟลอริดา
นอกจากนี้ ไทเกอร์ ยังรับงานออกแบบสนามกอล์ฟ โดยแห่งแรกที่เปิดให้บริการคือเมื่อปี 2014 ที่ คาโบ ซาน ลูคัส ในประเทศเม็กซิโก ส่วนแห่งแรกในสหรัฐอเมริกาจะเปิดนอก ฮุสตัน เดือนตุลาคมนี้ ยังไม่หมดยังมีที่ จีน และ ดูไบ อีกด้วย
ที่ 3 ของกีฬากอล์ฟคือ รอรี แม็คอิลรอย ทำเงินไปทั้งสิ้น 48.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,649 ล้านบาท) ถ้านับรวมทั้งหมดอยู่ที่ 41 แต่ถ้านับรวมเฉพาะนักกีฬาอยู่ที่ 12 นอกจากนี้ยังเป็นอันดับ 8 ของบรรดาเซเล็บอายุน้อยที่สุดที่ติดโผ อีกคนที่อันดับดีกว่าอายุพอๆ กันคือ 26 ปีได้แก่ เควิน ดูแรนท์ นักบาสเกตบอลตำแหน่งสมอลฟอร์เวิร์ดของ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ส ทำไป 54 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,836 ล้านบาท) อยู่ที่ 30
แม็คอิลรอย คว้าแชมป์ พีจีเอ ทัวร์ 5 รายการ รวม 2 เมเจอร์คือ บริติช โอเพน กับ พีจีเอ แชมเปียนชิป ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้โกยเงินรางวัล 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 554 ล้านบาท) ขณะเดียวกันก็ได้เงินโบนัสจากผู้สนับสนุนหลักคือ "ไนกี้" รวมถึงกระโดดลงเกมค่ายดัง "EA" (Electronic Arts Inc) แทนที่ของรุ่นพี่อย่าง ไทเกอร์ วูดส์ ที่ผูกขาดมา 16 เวอร์ชันระหว่างปี 1998-2013 นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นอย่าง Omega, Bose และ Upper Deck
อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม็คอิลรอย เสียศูนย์ไปไม่น้อย เพราะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเคลียร์คดีกับอดีตบริษัทตัวแทน พร้อมต้องชดใช้เงินหลายล้านเหรียญสหรัฐ
เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***