คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
จบสิ้นไปแล้วสำหรับมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยชัยชนะอันสดสวยของทัพนักกีฬาไทย ที่คว้ามาได้ 95 เหรียญทอง ซึ่งก่อนออกเดินทางก็มีการประเมิณว่าน่าจะได้ 90-100 เหรียญทอง แต่พอเริ่มแข่งขันจริงช่วงแรกตามหลังทัพนักกีฬาเจ้าภาพจนขาใหญ่อย่าง "บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ถึงกับออกมายอมรับว่าอาจต้องลดเป้าหมายมาอยู่ที่ 80 เหรียญทองแทน เพราะผลงานหนืดเหลือเกิน กอรปกับเจ้าภาพก็เล่นบรรจุชนิดกีฬาที่ตนถนัดมาชิงชัยช่วงต้นๆ ทว่าหลังจากนั้นดูเหมือนว่าทัพนักกีฬาไทยจะเริ่มจูนเครื่องติด โดยเฉพาะสมาคมกรีฑาที่วันแรกๆ ออกลูกป้อแป้ แต่สุดท้ายก็มากู้ชื่อคืน พร้อมกับคว้า 17 เหรียญทอง ส่วนที่สร้างความประหลาดใจคงไม่พ้นกีฬายิงปืน ที่ตอนนี้มีสมาคม แต่วุ่นวายไร้ผู้นำ เนื่องจากขาใหญ่ในสมาคมยังฟ้องกันไม่เสร็จ แต่สุดท้ายทำผลงานเกินเป้า 5 เหรียญทอง ไปแตะที่ 12 เหรียญทอง
ซึ่งการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้หลายสมาคมมีผลงานที่น่าพอใจ แต่ที่อยากพูดถึงคือสมาคมเทนนิสแห่งประเทศไทย ที่ครั้งก่อนซีเกมส์ที่พม่า ไม่มีให้แข่งขัน คราวนี้จัดเต็มทั้งตัวเก๋าอาทิ ดนัย อุดมโชค, แทมมารีน ธนสุกาญจน์, สนฉัตร - สรรค์ชัย รติวัฒน์ ผสานกับ นพวรรณ เลิศชีวกานต์, ลักษิกา คำขำ, กิตติพงษ์ วชิรมโนวงศ์, วรัชญา วงศ์เทียนชัย และ วริศ สอนบุตรนาค มาช่วยกันโกย 6 เหรียญทอง จากทั้งหมด 7 เหรียญทอง
โดยเฉพาะในรายของ "เจ้าแชมป์" วริศ สอนบุตรนาค ที่คว้าเหรียญทองประเภทชายเดี่ยวมาอย่างสมภาคภูมิ และเป็นเหรียญทองชายเดี่ยวเป็นครั้งแรกของนักกีฬาไทยในรอบ 12 ปี ซึ่งคนสุดท้ายที่ทำได้ก็คือ "ปิ๊ก-ดนัย" นี่แหละ ที่สำคัญ วริศ วัย 22 ปีรายนี้ถือเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะเป็นหลานแท้ๆ ของ อุดมศิลป์ สอนบุตรนาค อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เคยทำแฮตทริกในกีฬาแหลมทองปี 1966 มาแล้ว
แต่คนที่อยากพูดถึงที่สุดเป็น "นก-นพวรรณ" ที่เป็นกำลังหลักอย่างแท้จริงในการนำทีมคว้าเหรียญทองซีเกมส์ครั้งนี้ โดยหวดสาววัย 23 ปี คว้ามาได้ถึง 3 เหรียญทอง จากประเภททีมหญิง, หญิงคู่ ที่จับคู่กับ "เพี๊ยซ-วรัชญา" และ ประเภทหญิงเดี่ยว ซึ่งแม้ชื่อชั้นจะเป็นที่คุ้นหูแฟนกีฬามานาน ด้วยการสร้างผลงานสุดยอดเมื่อครั้งแข่งขันระดับเยาวชน อาทิ รองแชมป์ วิมเบิลดัน 2008 (หญิงเดี่ยว), แชมป์ยูเอส โอเพน 2008 (หญิงคู่), แชมป์เฟรนช์ โอเพน 2009 (หญิงคู่), แชมป์วิมเบิลดัน 2009 (หญิงเดี่ยว) และ แชมป์วิมเบิลดัน 2009 (หญิงคู่) จำได้ว่าช่วงนั้นเป็นปีทองของน้องเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ชื่อของเธอหายไปพักใหญ่ๆ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ลงแข่งขัน หากแต่ผลงานโดยรวมแล้วยังไม่น่าประทับใจ เมื่อขึ้นมาเล่นระดับอาชีพ ขนาดก่อนแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ เธอเองยังมาบ่นกับสื่อให้ฟังว่าท้อๆ ก็หลายครั้ง บางทีก็คิดหันหลังให้วงการเทนนิสเลยก็มี แต่การกลับมาเป็นกำลังหลักคว้า 3 เหรียญทองได้ในครั้งนี้ น่าจะทำให้ความมั่นใจของตัวเองกลับมา วันนี้ นพวรรณ อายุ 23 ปีแล้ว น่าจะถึงเวลากลับสู่เส้นทางความสำเร็จได้เสียที
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
จบสิ้นไปแล้วสำหรับมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยชัยชนะอันสดสวยของทัพนักกีฬาไทย ที่คว้ามาได้ 95 เหรียญทอง ซึ่งก่อนออกเดินทางก็มีการประเมิณว่าน่าจะได้ 90-100 เหรียญทอง แต่พอเริ่มแข่งขันจริงช่วงแรกตามหลังทัพนักกีฬาเจ้าภาพจนขาใหญ่อย่าง "บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ถึงกับออกมายอมรับว่าอาจต้องลดเป้าหมายมาอยู่ที่ 80 เหรียญทองแทน เพราะผลงานหนืดเหลือเกิน กอรปกับเจ้าภาพก็เล่นบรรจุชนิดกีฬาที่ตนถนัดมาชิงชัยช่วงต้นๆ ทว่าหลังจากนั้นดูเหมือนว่าทัพนักกีฬาไทยจะเริ่มจูนเครื่องติด โดยเฉพาะสมาคมกรีฑาที่วันแรกๆ ออกลูกป้อแป้ แต่สุดท้ายก็มากู้ชื่อคืน พร้อมกับคว้า 17 เหรียญทอง ส่วนที่สร้างความประหลาดใจคงไม่พ้นกีฬายิงปืน ที่ตอนนี้มีสมาคม แต่วุ่นวายไร้ผู้นำ เนื่องจากขาใหญ่ในสมาคมยังฟ้องกันไม่เสร็จ แต่สุดท้ายทำผลงานเกินเป้า 5 เหรียญทอง ไปแตะที่ 12 เหรียญทอง
ซึ่งการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้หลายสมาคมมีผลงานที่น่าพอใจ แต่ที่อยากพูดถึงคือสมาคมเทนนิสแห่งประเทศไทย ที่ครั้งก่อนซีเกมส์ที่พม่า ไม่มีให้แข่งขัน คราวนี้จัดเต็มทั้งตัวเก๋าอาทิ ดนัย อุดมโชค, แทมมารีน ธนสุกาญจน์, สนฉัตร - สรรค์ชัย รติวัฒน์ ผสานกับ นพวรรณ เลิศชีวกานต์, ลักษิกา คำขำ, กิตติพงษ์ วชิรมโนวงศ์, วรัชญา วงศ์เทียนชัย และ วริศ สอนบุตรนาค มาช่วยกันโกย 6 เหรียญทอง จากทั้งหมด 7 เหรียญทอง
โดยเฉพาะในรายของ "เจ้าแชมป์" วริศ สอนบุตรนาค ที่คว้าเหรียญทองประเภทชายเดี่ยวมาอย่างสมภาคภูมิ และเป็นเหรียญทองชายเดี่ยวเป็นครั้งแรกของนักกีฬาไทยในรอบ 12 ปี ซึ่งคนสุดท้ายที่ทำได้ก็คือ "ปิ๊ก-ดนัย" นี่แหละ ที่สำคัญ วริศ วัย 22 ปีรายนี้ถือเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะเป็นหลานแท้ๆ ของ อุดมศิลป์ สอนบุตรนาค อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เคยทำแฮตทริกในกีฬาแหลมทองปี 1966 มาแล้ว
แต่คนที่อยากพูดถึงที่สุดเป็น "นก-นพวรรณ" ที่เป็นกำลังหลักอย่างแท้จริงในการนำทีมคว้าเหรียญทองซีเกมส์ครั้งนี้ โดยหวดสาววัย 23 ปี คว้ามาได้ถึง 3 เหรียญทอง จากประเภททีมหญิง, หญิงคู่ ที่จับคู่กับ "เพี๊ยซ-วรัชญา" และ ประเภทหญิงเดี่ยว ซึ่งแม้ชื่อชั้นจะเป็นที่คุ้นหูแฟนกีฬามานาน ด้วยการสร้างผลงานสุดยอดเมื่อครั้งแข่งขันระดับเยาวชน อาทิ รองแชมป์ วิมเบิลดัน 2008 (หญิงเดี่ยว), แชมป์ยูเอส โอเพน 2008 (หญิงคู่), แชมป์เฟรนช์ โอเพน 2009 (หญิงคู่), แชมป์วิมเบิลดัน 2009 (หญิงเดี่ยว) และ แชมป์วิมเบิลดัน 2009 (หญิงคู่) จำได้ว่าช่วงนั้นเป็นปีทองของน้องเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ชื่อของเธอหายไปพักใหญ่ๆ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ลงแข่งขัน หากแต่ผลงานโดยรวมแล้วยังไม่น่าประทับใจ เมื่อขึ้นมาเล่นระดับอาชีพ ขนาดก่อนแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ เธอเองยังมาบ่นกับสื่อให้ฟังว่าท้อๆ ก็หลายครั้ง บางทีก็คิดหันหลังให้วงการเทนนิสเลยก็มี แต่การกลับมาเป็นกำลังหลักคว้า 3 เหรียญทองได้ในครั้งนี้ น่าจะทำให้ความมั่นใจของตัวเองกลับมา วันนี้ นพวรรณ อายุ 23 ปีแล้ว น่าจะถึงเวลากลับสู่เส้นทางความสำเร็จได้เสียที
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *