ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การเลือกเชียร์สโมสรฟุตบอล บางครั้งก็เหมือนเลือกนับถือศาสนา เพราะไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ บ้างก็ต้องมีศาสดาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว เช่นกันคุณอาจจะชอบทีมนี้ เพราะลีลาของนักเตะเพียงคนเดียวก็เป็นได้ แต่ก็มีไม่น้อยที่ชอบรูปแบบการเล่นของทีมและเกียรติประวัติแต่นานนม
สไตล์นักฟุตบอลทั้งในและนอกสนามถือว่ามีส่วนอย่างมาก เปรียบเสมือนคำสอนของผู้นำแต่ละศาสนา ทำให้ตื่นตาตื่นใจ หลงเชื่อ จนนำมาสู่การเลื่อมใสศรัทธา แต่โลกลูกหนังอาจใช้คำรุนแรงกว่าอย่างเช่น “คลั่งไคล้”
เรากำลังเอ่ยถึงผู้เล่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง อันเดรีย ปิร์โล ตอนนี้อายุ 36 ปีแล้วและวันที่ 6 มิถุนายนนี้จะเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญในชีวิตที่ต้องนำทัพ ยูเวนตุส ลงเตะรอบชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก พบ บาร์เซโลนา ที่ โอลิมปิก สเตเดียม กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ซึ่งที่แห่งนี้เคยมีความทรงจำอันดีคว้าแชมป์โลก 2006 กับทีมชาติอิตาลี ด้วยการชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส 5-3 หลัง 120 นาทีเสมอ 1-1
แชมป์ยุโรป ปิร์โล เคยคว้ามาแล้ว 2 สมัยกับ เอซี มิลาน ฤดูกาล 2002-03 กับ 2006-07 แต่ถ้าได้กับ ยูเวนตุส ก็อาจเป็นการปิดฉากค้าแข้งที่อิตาลีอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะนับตั้งแต่ย้ายมาสวมเสื้อ “ม้าลาย” ก็ได้ สคูเด็ตโต 4 ปีติดต่อกัน ส่วนอนาคตคงรอเฉลยหลังนัดชิง ซึ่งมีลุ้นทริปเปิลแชมป์ หลังปีนี้ได้ถ้วยลีกกับ โคปปา อิตาเลีย
แต่ทำไมทุกคนถึงชอบ ปิร์โล? แน่นอนแค่ไม่กี่นาทีจากทั้งหมด 90 นาทีในหนึ่งเกมเขาสามารถทำให้คุณติดตาตรึงใจนำไปพูดต่อ 3 วัน 7 วัน เช่นฟรีคิกที่ชี้ขาดผลการแข่งขัน นักฟุตบอลทุกคนอยากอาสาทำหน้าที่นี้ ทว่าน้อยคนนักจะทำได้อย่างสุดฉมัง ไม่ใช้ความแรง ทุกลูกเกิดจากเทคนิคที่เล็งเป้าหมายไว้อย่างดิบดี
นักเตะที่ช่ำชองลูกนิ่งมักจะเยือกเย็นพอที่จะยิงจุดโทษด้วย ปิร์โล ก็เช่นกัน แถมเป็นการซัดแบบพิเศษที่วัดใจนายทวารด้วยการชิปไปกลางประตูเรียกว่า “พาเนนกา” เคยทำให้เห็นไปแล้วหลอก โจ ฮาร์ท จนหลงทางเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายศึก ยูโร 2012 ที่เอาชนะดวลเป้า อังกฤษ 4-2 หลังบด 120 นาทีกินกันไม่ลงเสมอ 0-0
เท้าความหน่อย “พาเนนกา” มาจากชื่อของกองกลาง เช็กโกสโลวาเกีย ช่วงปี 1973-1982 คิดค้นที่จะยิงเป็นคนแรกเกิดขึ้นในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูโร 1976 ที่เอาชนะ เยอรมันตะวันตก 5-3 ในการดวลเป้าหลังเสมอกัน 2-2 ที่สำคัญเขาเป็นคนยิงคนสุดท้ายเรียกได้ว่าแบกรับความกดดันอีกทวีคูณ แต่ก็สามารถทำได้สำเร็จ
พาเนนกา พยายามหาการยิงจุดโทษที่แปลกใหม่ โดยเกิดขึ้นจากการซ้อมอย่างหนักกับ ซเดเน็ค ฮรุสกา ผู้รักษาประตู มีการเดิมพันติดปลายนวมด้วยเบียร์และช็อคโกแลตบาร์เพื่อความตื่นเต้นเร้าใจ ช่วงแรกไม่สามาถยิงผ่านมือเพื่อนร่วมค่ายได้เลยเนื่องจากว่ากฎคือจะต้องหลอกและชิปเพียงอย่างเดียว แต่พอฝึกฝนเข้าเรื่อยๆ ก็ชำนาญและสามารถเอาเครื่องดื่มและขนมนมเนยที่เสียพนันคืนมาได้ทั้งหมด
ไม่แค่นั้น ปิร์โล ยังมีการจ่ายบอลด้วยน้ำหนักแม่นยำ ไม่ใช่แอสซิสต์ธรรมดาแต่คือ “คิลเลอร์ พาส” หมายถึงส่งให้เพื่อนแล้วสามารถยิงประตูได้ทันทีไม่ต้องไปแต่งให้เสียเวลา ดังนั้นกองหน้าน่าจะชอบมิดฟิลด์ลักษณะนี้
ทุกจังหวะ ปิร์โล ต้องคิดล่วงหน้าวางแผนก่อนที่จะเล่น โดยเคยออกหนังสืออัตชีวประวัติที่ชื่อ “Penso Quindi Gioco” (ผมคิด ก่อนที่จะเล่น) ยิ่งตอนอยู่ ยูเวนตุส มีตัวสกรีนให้คล้ายควอเตอร์แบ็ค
ส่วนไลฟ์สไตล์นอกสนาม ปิร์โล ไม่มีอะไรหวือหวาเหมือนซูเปอร์สตาร์อย่าง เดวิด เบ็คแฮม หรือ คริสเตียโน โรนัลโด ผมไม่ได้เซตปล่อยยาวหนวดเครารุงรัง ไม่มีเรื่องแฟชันดั่งเช่นเสื้อยืดที่เคยใส่สกรีน “No Pirlo, No Party” แต่ก็ฮิตติดลมบน ส่วนสาวๆ ไม่ค่อยมีข่าว แต่เคยแต่งงานมีลูกผ่านการหย่าร้าง ครอบครัวพ่อมีบริษัทเกี่ยวกับโลหะ ซึ่งตนมีหุ้นอยู่ เรียกได้ว่ามีฐานะมั่งคั่งระดับหนึ่ง ทว่าไม่ค่อยพูดเรื่องเงินๆ ทองๆ ชอบดื่มไวน์มีไร่องุ่น ทั้งหมดนี้คือชีวิตของ “ศิลปินลูกหนังตัวจริง” ที่ทุกคนอยากเดินรอยตามมากกว่าที่จะเป็น “ซูเปอร์สตาร์ลูกหนัง”
เรื่อง สรเดช เพชรแสงใสกุล
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *