ASTV ผู้จัดการรายวัน – ทัพนักเตะทีมชาติไทย ชุดใหญ่ มีคิวลงประเดิมสนาม ศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ค่ำวันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคมนี้ เวลา 19.00 น. เปิดราชมังคลากีฬาสถาน รับมือ เวียดนาม ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความได้เปรียบทุกประตู ต้องเก็บชัยชนะตุน 3 แต้มให้ได้สถานเดียว หากหวังเข้ารอบต่อไป ทว่าสภาพทีมก็ยังมีหลายจุดที่ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะเกมรุกที่ใช้โอกาสเปลือง
ทีมชาติไทย ได้ออกสตาร์ทในรอบแบ่งกลุ่ม ศึก ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ร่วมสาย เอฟ กับ เวียดนาม ไต้หวัน อินโดนีเซีย และ อิรัก โดยจะประเดิมสนามรับมือทัพ “เหงียน” วันที่ 24 พฤษภาคมนี้ เพื่อคัด 12 ทีม จาก แชมป์แต่ละกลุ่ม 8 ทีม และอันดับ 2 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม ไปเล่นรอบต่อไป เพื่อเฟ้น 4+1 ทีมไปเล่นรอบสุดท้ายที่รัสเซีย โดยผลงานที่ดีที่สุดของไทยคือก้าวถึงรอบ 10 ทีมสุดท้ายเมื่อปี 2002
สำหรับโปรแกรมกับ เวียดนาม นั้นเลื่อนมาจากวันที่ 11 มิถุนายน เนื่องจากทั้งสองชาติต้องลงเล่นใน ซีเกมส์ ที่เวลาทับซ้อนกัน ส่งให้ “ช้างศึก” จะได้จัดทัพแบบฟูลทีม มี 6 แข้งที่มีชื่อติดสองชุด คือ “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, สารัช อยู่เย็น, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ ชนินทร์ แซ่เอียะ มาประสานงานกับสตาร์ตัวหลักอย่าง “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายกัปตันทีม และ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าตัวเก่ง ดังนั้นเมื่อบวกกับชื่อชั้นที่เหนือกว่า จึงไม่มีข้ออ้างใดๆที่จะปราชัยในเกมนี้
โดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย กล่าวถึงความพร้อมหลังเพิ่งลับแข้งพ่ายคาบ้านต่อ เกาหลีใต้ 0-1 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า ยังมีอีกหลายอย่างต้องปรับปรุง “เกมที่ผ่านมาเราได้ลองทีมกันแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งผู้เล่นทุกคนมีความกระหายที่จะทำผลงานออกมาให้ได้เห็น เพื่อหวังเป็นตัวจริงในเกมกับ เวียดนาม แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการที่เราเจอกับทีมที่มีมาตรฐานอย่างเกาหลีเหนือ ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องเกมรับที่แพ็คเกมมาแน่น ทำให้เราพบหลายจุดที่ยังต้องแก้ไข โดยเฉพาะเกมรุก ที่เห็นได้ชัดว่ายังขาดๆเกินๆ มีโอกาสเซตเกมขึ้นไปจบสกอร์หลายครั้งแต่ทำไม่ได้ ดังนั้นจากนี้ก็จะเร่งซ้อมแทคติกเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด โดยตอนนี้ผู้เล่นทุกคนก็มีสภาพร่างกายที่ดี รวมถึง มุ้ย-ธีรศิลป์ แดงดา ที่ได้ลงเต็มเกมในนัดที่ผ่านมา”
ขณะที่ “เจ้าอุ้ม” ธีราทร ยอมรับว่าทีมยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร “การเล่นเรายังจับจังหวะกันได้ไม่ดี แต่จากนี้ยังพอมีเวลาอีก 2 วัน ในการปรับความสัมพันธ์ในทีม ส่วนตัวผมหลังจากได้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องก็มีสภาพความฟิตที่ดีขึ้นมาก เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้เล่นและไม่ได้ซ้อมกับทีมเลย ช่วงเวลาที่เหลือก็จะต้องเร่งปรับจังหวะเล่นกับเพื่อนร่วมทีมให้เร็วที่สุด ซึ่งมองว่าเรายังมีศักยภาพที่ดีพอที่จะเอาชนะเวียดนามในนัดเปิดสนามได้”
ด้าน เวียดนาม ที่สามารถเปิดบ้านยันเสมอ “โสมแดง” 1-1 ในเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุดได้เดินทางถึงประเทศไทยแล้ว โดยทีมชุดนี้จะมี โทชิยะ มิอูระ กุนซือชาวญี่ปุ่น คุมทัพ พร้อมฝากความหวังไว้ที่ เล คอง วินห์ ศูนย์หน้าตัวเก๋าวัย 29 ปี และ เหงียน วาน เควียต มิดฟิลด์ตัวเก่ง โดยไร้เงา เหงียน คอง เฟือง เจ้าของฉายาเมสซีแห่งเวียดนาม
ซึ่ง “ซิโก้” กล่าวถึงคู่แข่งว่าไม่น่ากลัวเท่าไหร่ “เราไม่ได้เน้นว่าจะต้องระวังใครเป็นะพิเศษ เราจะดูระบบทีมเป็นหลัก เพราะเวียดนามมีจุดเด่นในเรื่องทีมเวิร์ก จากเดิมพวกเขาจะเล่นระบบ 4-5-1 แต่หลังจากที่กุนซือชาวญี่ปุ่นเข้ามา ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-4-2 ซึ่งส่งผลให้การคุมพื้นที่ยังไม่ดีนัก เราจึงหวังฉวยโอกาสจากจุดนี้ ที่สำคัญเกมรับของพวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่าเกาหลีเหนือ เมื่อเราไม่ประมาทและเล่นได้ตามมาตรฐาน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้ 3 คะแนนแน่นอน”
“ส่วนเกมหลังจากนี้ เรามีการวางแผนไว้คร่าวๆแล้ว เช่นเกมต่อไปที่จะบุกเยือน ไต้หวัน ที่เรียก 6 ผู้เล่นเข้ามาเสริมแทนที่นักเตะที่ไปเล่นซีเกมส์ แต่ทั้งนี้เราต้องก้าวทีละก้าว ยังไม่อยากมองข้ามไปถึงแมตช์ต่อไป ขอเน้นทีละนัด ตามเป้าหมายที่วางไว้คือในบ้านต้องเก็บชัยชนะให้ได้ทุกนัด ส่วนเกมเยือนก็ต้องได้ผลการแข่งขันตามที่ต้องการกลับมา” กุนซือช้างศึก กล่าว ซึ่งหากสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะมีเงินอัดฉีดให้จำนวน 30 ล้านบาท
สำหรับ 11 ผู้เล่นคนแรกของทัพ “ช้างศึก” ที่คาดว่าจะลงสนามในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู สินทวีชัย หทัยรัตนกุล กองหลัง ธีราทร บุญมาทัน, สุทธินันท์ พุกหอม, ธนบูรณ์ เกษารัตน์ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม กองกลาง สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ กองหน้า เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, มงคล ทศไกร, ธีรศิลป์ แดงดา
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *