xs
xsm
sm
md
lg

หมดยุคนักกีฬาจอมสวาปาม / ชมณัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”

เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การกีฬา ในวงการกีฬาบ้านเราพัฒนาขึ้นไปมาก แต่ทุกวันนี้ยังคงมีนักกีฬาจำนวนมากที่ละเลยและไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ โดยเฉพาะด้าน “โภชนาการ” ซึ่งถือเป็นพื้นฐานและบ่อเกิดของพลังขั้นต้น

หลายครั้งที่เรามักเห็นนักกีฬาขวัญใจถ่ายรูปเซลฟี อวดมื้ออาหารชวนลิ้มลองผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหารญี่ปุ่น สเต๊กในภัตราคารหรู ลาบ น้ำตก คอหมูย่าง ตลอดจนขนมหวานนานาชนิดที่สีสันสดใส แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้มีแต่จะบั่นทอนศักยภาพร่างกายให้ลดน้อยถอยลง

ผิดกับนักกีฬาระดับโลกที่ให้ความสำคัญต่อการกิน เพราะรู้ดีว่านั่นจะช่วยให้ร่างกายมีประสิทธิภาพและอายุการใช้งานที่เหนือกว่ารายอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น คริสเตียโน โรนัลโด สตาร์ลูกหนังระดับโลก ที่ขึ้นชื่อว่ามีสมรรถภาพร่างกายเหนือมนุษย์ นอกจากเคล็ดลับการออกกำลังกายแล้ว เจ้าตัวยังต้องควบคุมอาหารคู่กันไปด้วย ต้องเลือกกินอาหารที่มีโปรตีนสูง เลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลรวมถึงไขมัน ไม่เว้นแม้แต่ยามพักผ่อนที่ต้องกำชับเชฟโรงแรมให้จัดเมนูอาหารตามตำรา

หรือแม้แต่โคตรกำปั้นแชมป์ไร้พ่ายอย่าง ฟลอยด์ เมเวทเธอร์ จูเนียร์ ที่แม้จะมีเงินมหาศาลกองอยู่ตรงหน้า แต่กลับหาได้ลิ้มรสแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโต ชีสเค้กรสหวาน หรือ เบค่อนร้อนๆได้ โดยอาหารหลักของ “เดอะ มันนี” กลับเป็นจำพวกอาหารชีวจิตและธัญพืช อาทิ มันฝรั่ง ผัก ถั่วแดง สลับกับ สเต็กแห้งๆไร้ความมัน เพราะต้องควบคุมน้ำหนัก ให้ร่างกายมีพลังแต่ไร้ไขมัน

โดยเรื่องนี้ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ ดร.นพ. ประวีร์ สิริเธียรทรรศน์ รองผู้อำนวยการศูนย์ Royal Life โรงพยาบาลกรุงเทพ ที่เข้ามาประจำการดูแลด้านโภชนาการให้กับทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ยุคบุกเบิกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จนกลายเป็นยอดทีม นักฟุตบอลวิ่งสู้ฟัดไม่มีหมดแรง ทัดเทียมระดับเอเชียไม่น้อยหน้า ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

คุณหมอประวีร์ ได้ให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่า หลายครั้งที่อาหารถูกทำออกมาตามตำรา อาจจะไม่อร่อยถูกปาก แต่นักกีฬาระดับโลกจะรู้ตัวว่าสิ่งนี้คืออาชีพ ต้องดูแลร่างกายตัวเอง ดังนั้นอาหารที่กินจึงไม่ใช่เพื่อความอร่อย แต่กินเพื่อนำไปใช้ทำมาหากิน ซึ่งแข้งปราสาทสายฟ้ามีภาษีเหนือกว่าทีมอื่นๆ เนื่องจากเก็บตัวอยู่กันในระบบแคมป์ กินนอนที่สโมสร จึงสามารถที่จะควบคุมด้านโภชนาการได้ง่ายกว่า ทุกคนต้องกินตามเมนูที่ทีมจัดสรรเลือกมาแล้วอย่างดี มีคุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน ไม่มีส่วนประกอบที่จะมาทำลายร่างกาย โดยปีแรกๆนักเตะอาจจะยังไม่ชิน แต่ทีมเชฟก็พยายามที่จะทำอาหารให้มีรสชาติใกล้เคียงกับทั่วไป แต่ยังถูกหลักโภชนาการ หลังจากนั้นไม่นานนักเตะก็จะค่อยๆเรียนรู้ว่าสิ่งไหนกินได้สิ่งไหนกินไม่ได้

อย่างไรก็ตามยังมีนักกีฬาไม่น้อย ที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญมาดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งคุณหมอประวีร์ ย้ำว่าต้องขึ้นอยู่กับทัศนคติของแต่ละคน พร้อมยกตัวอย่างยามที่ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ต้องยกพลไปต่างแดน หลายครั้งที่ต้องฝากท้องกับบุฟเฟต์ของโรงแรมที่เต็มไปด้วยอาหารล่อปาก ไม่สามารถกำหนดเมนูเองได้ แต่แข้งอย่าง โก ซึล กิ มิดฟิลด์พลังโสม ที่แม้จะตักเค้กมาทาน แต่เลือกที่จะปาดหน้าครีมซึ่งมีความมันออก หรือ ดิโอโก ดาวยิงบราซิเลียน ที่บอกลาของทอด เลือกกินเฉพาะสปาเก็ตตีที่ไร้ไขมัน เพราะความมันจะทำให้ร่างกายอ่อนพลัง

ซึ่งเรื่องการกินนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญขั้นพื้นฐานที่นักกีฬาทุกวงการต้องให้ความใส่ใจมากขึ้น หากหวังที่จะก้าวสู่ระดับโลก ถ้าใครต้องการรายละเอียดต่างๆว่าสิ่งไหนกินได้สิ่งไหนไม่ควรกิน สามารถค้นตำรา หรือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หมดยุคแล้วที่จะสวาปามเน้นแต่ความอร่อยโดยไม่คำนึงถึงผลร้ายที่จะตามมา

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น