แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มหาอำนาจลูกหนังแห่งเกาะอังกฤษ แทบขาดใจ ยามไร้ ไมเคิล คาร์ริค ห้องเครื่องประสบการณ์สูง หลังสถิติระบุว่า ต้นสังกัดจะกำชัย 72 เปอร์เซ็นต์ เกม พรีเมียร์ ลีก หาก เจ้าตัว ลงสนาม สูงสุดอันดับ 3 ของฤดูกาล 2014-15
คาร์ริค กองกลางผู้ทรงอิทธิพลแบบเงียบๆ คอยปกป้องแผงแบ็กโฟร์, ตัดช่องทางลำเลียงเกมรุกของคู่แข่ง และจ่ายบอลอย่างแม่นยำ ขับเคลื่อนพลพรรค “ปิศาจแดง” บุกทะลวงตาข่าย ซึ่งแฟนๆ อย่าได้สบประมาทฝีเท้า เมื่อพิจารณาโอกาสเก็บ 3 คะแนนแต่ละเกม
เหล่าสาวก “เรด เดวิลส์” ย่อมคิดถึง กองกลางวัย 33 ปี ตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังปราชัย 3 เกมรวด แก่ เชลซี, เอฟเวอร์ตัน และ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน จนบัลลังก์อันดับ 4 ของตาราง เริ่มสั่นคลอน แถมถูก ลิเวอร์พูล คู่ปรับตัวฉกาจ ไล่กวดอยู่ 4 แต้ม กับโปรแกรมที่เหลืออีก 3 เกม
หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือจอมเฮี้ยบ ออกมายืนยัน หลังพ่าย “เดอะ แบ็กกีส์” ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด วันเสาร์ที่ผ่านมา (2 พ.ค.) ว่า อดีตผู้เล่น ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ น่าจะฟื้นตัวจากการบาดเจ็บน่อง รับมือ คริสตัล พาเลซ ที่เซลเฮิร์สต ปาร์ก วันที่ 9 พฤษภาคม
สถิติบ่งบอกความสำคัญของ คาร์ริค ต่อ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจนว่า เปรียบดั่งลมหายใจของ แชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัย ด้วยอัตราส่วนช่วยทีมชนะ 13 จาก 18 เกม ซึ่งเจ้าของยูนิฟอร์มหมายเลข 16 ลงสนามตลอดซีซันนี้ (คิดเป็น 72.22 เปอร์เซ็นต์)
โดย ผลผลิตจากอะคาเดมี เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กุมสถิติเปอร์เซ็นต์ชนะของทีมสูงสุดรองจาก ฟรานซิส โคเกอแลง มิดฟิลด์ดาวรุ่ง อาร์เซนอล (14 จาก 18 เกม คิดเป็น 77.78 เปอร์เซ็นต์) และ เซซาร์ อัซปิลิคูเอตา ฟูลแบ็กชาวสเปนของ เชลซี (21 จาก 28 เกม คิดเป็น 75 เปอร์เซ็นต์)
ส่วนนักเตะคนอื่นๆ ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย ยายา ตูเร จอมทัพ ไอวอรี โคสต์ ค่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี 18 จาก 26 เกม (69.23 เปอร์เซ็นต์) และ เอ็มเร คาน ของ ลิเวอร์พูล 14 จาก 24 เกม (58.33 เปอร์เซ็นต์) , แยน แฟร์ตองเกน ของ สเปอร์ส 16 จาก 29 เกม (55.17 เปอร์เซ็นต์) และ มอร์แกน ชไนเดอร์แลง ของ เซาแธมป์ตัน 14 จาก 26 เกม (53.85 เปอร์เซ็นต์)
สำหรับสถิติสูงสุดตลอดกาล ตกเป็นของ อาร์เยน ร็อบเบน จอมเลื้อยชาวดัตช์ ที่ทำไว้ สมัยอยู่ เชลซี 88.90 เปอร์เซ็นต์ (16 จาก 18 เกม) ฤดูกาล 2004-2005 ตามด้วย ดิดิเยร์ ดร็อกบา อดีตเพื่อนร่วมทีม 86.20 เปอร์เซ็นต์ (25 จาก 29 เกม) ฤดูกาล 2005-2006 และ แดเนียล แอ็กเกอร์ อดีตเซ็นเตอร์แบ็ก ลิเวอร์พูล 85 เปอร์เซ็นต์ (17 จาก 20 เกม) ฤดูกาล 2013-14
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
คาร์ริค กองกลางผู้ทรงอิทธิพลแบบเงียบๆ คอยปกป้องแผงแบ็กโฟร์, ตัดช่องทางลำเลียงเกมรุกของคู่แข่ง และจ่ายบอลอย่างแม่นยำ ขับเคลื่อนพลพรรค “ปิศาจแดง” บุกทะลวงตาข่าย ซึ่งแฟนๆ อย่าได้สบประมาทฝีเท้า เมื่อพิจารณาโอกาสเก็บ 3 คะแนนแต่ละเกม
เหล่าสาวก “เรด เดวิลส์” ย่อมคิดถึง กองกลางวัย 33 ปี ตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังปราชัย 3 เกมรวด แก่ เชลซี, เอฟเวอร์ตัน และ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน จนบัลลังก์อันดับ 4 ของตาราง เริ่มสั่นคลอน แถมถูก ลิเวอร์พูล คู่ปรับตัวฉกาจ ไล่กวดอยู่ 4 แต้ม กับโปรแกรมที่เหลืออีก 3 เกม
หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือจอมเฮี้ยบ ออกมายืนยัน หลังพ่าย “เดอะ แบ็กกีส์” ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด วันเสาร์ที่ผ่านมา (2 พ.ค.) ว่า อดีตผู้เล่น ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ น่าจะฟื้นตัวจากการบาดเจ็บน่อง รับมือ คริสตัล พาเลซ ที่เซลเฮิร์สต ปาร์ก วันที่ 9 พฤษภาคม
สถิติบ่งบอกความสำคัญของ คาร์ริค ต่อ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจนว่า เปรียบดั่งลมหายใจของ แชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 20 สมัย ด้วยอัตราส่วนช่วยทีมชนะ 13 จาก 18 เกม ซึ่งเจ้าของยูนิฟอร์มหมายเลข 16 ลงสนามตลอดซีซันนี้ (คิดเป็น 72.22 เปอร์เซ็นต์)
โดย ผลผลิตจากอะคาเดมี เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กุมสถิติเปอร์เซ็นต์ชนะของทีมสูงสุดรองจาก ฟรานซิส โคเกอแลง มิดฟิลด์ดาวรุ่ง อาร์เซนอล (14 จาก 18 เกม คิดเป็น 77.78 เปอร์เซ็นต์) และ เซซาร์ อัซปิลิคูเอตา ฟูลแบ็กชาวสเปนของ เชลซี (21 จาก 28 เกม คิดเป็น 75 เปอร์เซ็นต์)
ส่วนนักเตะคนอื่นๆ ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย ยายา ตูเร จอมทัพ ไอวอรี โคสต์ ค่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี 18 จาก 26 เกม (69.23 เปอร์เซ็นต์) และ เอ็มเร คาน ของ ลิเวอร์พูล 14 จาก 24 เกม (58.33 เปอร์เซ็นต์) , แยน แฟร์ตองเกน ของ สเปอร์ส 16 จาก 29 เกม (55.17 เปอร์เซ็นต์) และ มอร์แกน ชไนเดอร์แลง ของ เซาแธมป์ตัน 14 จาก 26 เกม (53.85 เปอร์เซ็นต์)
สำหรับสถิติสูงสุดตลอดกาล ตกเป็นของ อาร์เยน ร็อบเบน จอมเลื้อยชาวดัตช์ ที่ทำไว้ สมัยอยู่ เชลซี 88.90 เปอร์เซ็นต์ (16 จาก 18 เกม) ฤดูกาล 2004-2005 ตามด้วย ดิดิเยร์ ดร็อกบา อดีตเพื่อนร่วมทีม 86.20 เปอร์เซ็นต์ (25 จาก 29 เกม) ฤดูกาล 2005-2006 และ แดเนียล แอ็กเกอร์ อดีตเซ็นเตอร์แบ็ก ลิเวอร์พูล 85 เปอร์เซ็นต์ (17 จาก 20 เกม) ฤดูกาล 2013-14
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *