คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ผมไม่ทันได้เห็นลีลาการหวดลูกฟุตบอลในสนามของ อรรถพล ปุษปาคม เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงของการเป็นมิดฟิลด์สุดคลาสสิคคนหนึ่งของไทย ก่อนจะได้มาสัมผัสเจ้าตัวในสมัยที่รับงานเป็นโค้ช และผมในฐานะสื่อที่ต้องคอยสอบถามข่าวคราวต่างๆ โดยเฉพาะช่วงที่ “โค้ชแต๊ก” คุมบังเหียน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไล่ล่าแชมป์ เรียกได้ว่าต้องต่อสายถามความเคลื่อนไหวแทบจะวันเว้นวัน เจอหน้ากันที่สนามเดือนละหลายครั้ง แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้สัมผัสได้ถึงความเป็นสุภาพบุรุษลูกหนัง และการทุ่มเททั้งชีวิตให้กับฟุตบอลของเจ้าตัว
เรื่องความสามารถไม่ต้องสาธยายถึงให้มากความ การันตีด้วยการพา บุรีรัมย์ฯ และ เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ไทย พรีเมียร์ ลีก รวมถึงพา บีอีซี เทโรศาสน คว้ารองแชมป์ เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก มีเด็กในคาถาที่เคยปลุกปั้นมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เทิดศักดิ์ ใจมั่น พิภพ อ่อนโม้ ธีรเทพ วิโนทัย ไม่เว้นแม้แต่ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์ 1 ทีมชาติไทย
ส่วนนอกสนามนั้น “โค้ชแต๊ก” เป็นบุคคลที่ทุกคนรักและนับถือ ทั้ง นักฟุตบอล เพื่อนร่วมอาชีพ เจ้านาย ผู้บริหารสโมสร ตลอดจนคนในสมาคมฟุตบอลฯ เนื่องด้วยการที่เจ้าตัวเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย เน้นการกระทำมากกว่าคำพูด จึงไม่มีข่าวเสียเรื่องการออกมาตอบโต้หรือให้ร้ายคนนู้นคนนี้ หลายครั้งที่หลังจบเกมแล้วสกอร์ออกมาไม่เป็นใจ นักข่าวพยามจี้ให้เจ้าตัววิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน แต่ก็หาได้มีถ้อยคำพาดพิงตุลาการสนามออกจากปากโค้ชรายนี้ไม่
ครั้งหนึ่งผมเคยขอนัด “โค้ชแต๊ก” สัมภาษณ์นอกรอบที่ร้านกาแฟย่านคลองเตย หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งแยกทางกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี มาหมาดๆด้วยผลงานที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แถมก่อนหน้านั้นยังมีปัญหาขัดแย้งกับประธานสโมสบุรีรัมย์ฯจนต้องถูกยกเลิกสัญญา หลายคำถามที่เอ่ยออกไปจึงเป็นการจี้ใจดำ แต่พี่แต๊กก็ไม่โกรธ พร้อมให้ความกรุณาตอบคำถามอย่างมืออาชีพ
ซึ่งความเป็นมืออาชีพนี้เองที่ทำให้คนในวงการฟุตบอลเคารพและยอมรับ ยกย่องว่าเป็นคนที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีอาชีพโค้ช ยอมหักไม่ยอมงอ ไม่ยอมให้ใครมาล้วงลูกหรือล้ำเส้นในการทำทีม ที่สำคัญยัง ตั้งใจ เอาจริงเอาจังกับการทำงานเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ในแบบที่ยากจะหาใครมาเทียบ หลายคนเคยเห็นภาพที่ “โค้ชแต๊ก” นุ่งกางเกงขาสั้น ในบรรยกาศสบายๆอยู่ที่บ้าน แต่ในมือยังมีกระดานแม่เหล็กพร้อมตัวหมากคอยคิดแผนการอยู่เสมอ
โดยความทุ่มเทให้กับเกมลูกหนังของเจ้าตัวนั้นแสดงให้เห็นมาตลอดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แม้ร่างกายจะป่วยแต่ก็ยังกัดฟันสู้เก็บอาการไม่ให้ใครได้เห็น น้อยคนที่จะทราบว่า “โค้ชแต๊ก” ต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีแล้ว และต้องเริ่มต้นเก็บตัวฝึกซ้อมปรีซีซันกับทีมเพื่อนตำรวจตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยระหว่างนั้นต้องทานยากดภูมิคุ้มกันเข้าไปด้วย เพื่อไม่ให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายตัวเองไปทำลายไตชิ้นใหม่ที่ถูกเปลี่ยนมาแทนที่ จนเป็นสาเหตุให้ร่างกายอ่อนแอและติดเชื้อในที่สุด
ลูกทีมไม่มีใครทราบถึงสภาพร่างกายที่เกินขีดจำกัดของโค้ช ไม่เว้นแม้แต่ “ลีซอ” กัปตันทีม ที่เคยร่วมงานด้วยกันมาถึง 3 สโมสร โค้ชแต๊กซ่อนความบอบช้ำไว้ภายในแล้วก้าวมายืนสั่งการข้างสนามตามปกติจนครบ 90 นาที ปล่อยให้เชื้อมรณะรุกรานไปทั่วร่างกายจนสายเกินเยียวยา
ถึงตอนนี้เมื่อทุกอย่างมันสายไปแล้ว คงไม่มีอะไรจะพูดได้มากกว่าคำว่า “หลับให้สบายนะพี่”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ผมไม่ทันได้เห็นลีลาการหวดลูกฟุตบอลในสนามของ อรรถพล ปุษปาคม เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงของการเป็นมิดฟิลด์สุดคลาสสิคคนหนึ่งของไทย ก่อนจะได้มาสัมผัสเจ้าตัวในสมัยที่รับงานเป็นโค้ช และผมในฐานะสื่อที่ต้องคอยสอบถามข่าวคราวต่างๆ โดยเฉพาะช่วงที่ “โค้ชแต๊ก” คุมบังเหียน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไล่ล่าแชมป์ เรียกได้ว่าต้องต่อสายถามความเคลื่อนไหวแทบจะวันเว้นวัน เจอหน้ากันที่สนามเดือนละหลายครั้ง แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้สัมผัสได้ถึงความเป็นสุภาพบุรุษลูกหนัง และการทุ่มเททั้งชีวิตให้กับฟุตบอลของเจ้าตัว
เรื่องความสามารถไม่ต้องสาธยายถึงให้มากความ การันตีด้วยการพา บุรีรัมย์ฯ และ เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ไทย พรีเมียร์ ลีก รวมถึงพา บีอีซี เทโรศาสน คว้ารองแชมป์ เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก มีเด็กในคาถาที่เคยปลุกปั้นมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เทิดศักดิ์ ใจมั่น พิภพ อ่อนโม้ ธีรเทพ วิโนทัย ไม่เว้นแม้แต่ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์ 1 ทีมชาติไทย
ส่วนนอกสนามนั้น “โค้ชแต๊ก” เป็นบุคคลที่ทุกคนรักและนับถือ ทั้ง นักฟุตบอล เพื่อนร่วมอาชีพ เจ้านาย ผู้บริหารสโมสร ตลอดจนคนในสมาคมฟุตบอลฯ เนื่องด้วยการที่เจ้าตัวเป็นคนเงียบขรึม พูดน้อย เน้นการกระทำมากกว่าคำพูด จึงไม่มีข่าวเสียเรื่องการออกมาตอบโต้หรือให้ร้ายคนนู้นคนนี้ หลายครั้งที่หลังจบเกมแล้วสกอร์ออกมาไม่เป็นใจ นักข่าวพยามจี้ให้เจ้าตัววิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน แต่ก็หาได้มีถ้อยคำพาดพิงตุลาการสนามออกจากปากโค้ชรายนี้ไม่
ครั้งหนึ่งผมเคยขอนัด “โค้ชแต๊ก” สัมภาษณ์นอกรอบที่ร้านกาแฟย่านคลองเตย หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งแยกทางกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี มาหมาดๆด้วยผลงานที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก แถมก่อนหน้านั้นยังมีปัญหาขัดแย้งกับประธานสโมสบุรีรัมย์ฯจนต้องถูกยกเลิกสัญญา หลายคำถามที่เอ่ยออกไปจึงเป็นการจี้ใจดำ แต่พี่แต๊กก็ไม่โกรธ พร้อมให้ความกรุณาตอบคำถามอย่างมืออาชีพ
ซึ่งความเป็นมืออาชีพนี้เองที่ทำให้คนในวงการฟุตบอลเคารพและยอมรับ ยกย่องว่าเป็นคนที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรีอาชีพโค้ช ยอมหักไม่ยอมงอ ไม่ยอมให้ใครมาล้วงลูกหรือล้ำเส้นในการทำทีม ที่สำคัญยัง ตั้งใจ เอาจริงเอาจังกับการทำงานเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ในแบบที่ยากจะหาใครมาเทียบ หลายคนเคยเห็นภาพที่ “โค้ชแต๊ก” นุ่งกางเกงขาสั้น ในบรรยกาศสบายๆอยู่ที่บ้าน แต่ในมือยังมีกระดานแม่เหล็กพร้อมตัวหมากคอยคิดแผนการอยู่เสมอ
โดยความทุ่มเทให้กับเกมลูกหนังของเจ้าตัวนั้นแสดงให้เห็นมาตลอดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แม้ร่างกายจะป่วยแต่ก็ยังกัดฟันสู้เก็บอาการไม่ให้ใครได้เห็น น้อยคนที่จะทราบว่า “โค้ชแต๊ก” ต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไต เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีแล้ว และต้องเริ่มต้นเก็บตัวฝึกซ้อมปรีซีซันกับทีมเพื่อนตำรวจตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยระหว่างนั้นต้องทานยากดภูมิคุ้มกันเข้าไปด้วย เพื่อไม่ให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายตัวเองไปทำลายไตชิ้นใหม่ที่ถูกเปลี่ยนมาแทนที่ จนเป็นสาเหตุให้ร่างกายอ่อนแอและติดเชื้อในที่สุด
ลูกทีมไม่มีใครทราบถึงสภาพร่างกายที่เกินขีดจำกัดของโค้ช ไม่เว้นแม้แต่ “ลีซอ” กัปตันทีม ที่เคยร่วมงานด้วยกันมาถึง 3 สโมสร โค้ชแต๊กซ่อนความบอบช้ำไว้ภายในแล้วก้าวมายืนสั่งการข้างสนามตามปกติจนครบ 90 นาที ปล่อยให้เชื้อมรณะรุกรานไปทั่วร่างกายจนสายเกินเยียวยา
ถึงตอนนี้เมื่อทุกอย่างมันสายไปแล้ว คงไม่มีอะไรจะพูดได้มากกว่าคำว่า “หลับให้สบายนะพี่”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *