ผู้คนในแวดวงกีฬาไทย ต่างร่วมแสดงความอาลัย ต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม กุนซือทีมเพื่อนตำรวจ ในวัย 52 ปี หลังเสียชีวิตจากอาการติดชื่อในกระแสเลือดและปอด โดย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ยกย่องเปรียบเหมือนต้นแบบทั้งในและนอกสนาม
หลังจากเสียชีวิตของ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีม เพื่อนตำรวจ แห่งศึกฟุตบอลยามาฮ่า ลีกวัน ในวัย 52 ปี เมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน ด้วยอาการติดเชื่อในกระแสเลือดและปอด ซึ่งจะมีการนำศพไปทำพิธีทางศาสนาในวันเดียวกันนี้ พร้อมรดน้ำศพ และสวดพระอภิธรรมที่วัดธาตุทอง กรุงเทพมหานคร
ล่าสุด เหล่าบรรดาผู้คนในแวดวงกีฬาต่างส่งข้อความแสดงความอาลัยต่อการจากไปของยอดกุนซือสมองเพชรรายนี้ เริ่มจาก “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เผยว่า “พี่แต๊ก พี่คือสุดยอดกองกลางที่ผมเคยเล่นร่วมกันมา พี่เป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในสนามและนอกสนาม พี่คือต้นแบบของนักกีฬาทีมชาติไทย พี่เป็นตำนานของวงการฟุตบอลไทย ผมจะจดจำในสิ่งที่พี่เคยแนะนำและจะระลึกถึงพี่คนนี้ตลอดไป หลับให้สบายนะครับ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวปุษปาคม อย่างสุดซึ้งครับ”
ด้าน กนกพล ปุษปาคม บุตรชายของ “โค้ชแต๊ก” ส่งข้อความในเฟซบุ๊ก Kanokpon Boss ว่า "หลับให้สบายนะพ่อ เหนื่อยมาเยอะแล้ว บอสจะเล่นบอลให้เก่งเหมือนพ่อนะ พ่อไม่ได้ไปไหน พ่อจะอยู่ในใจและครอบครัว ปุษปาคม เสมอ รักพ่อนะ”
ขณะที่ เทิดศักดิ์ ใจมั่น กองกลางจอมเก๋าของทีม “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ส่งข้อความว่า “หลับให้สบายครับพี่ พี่ไปสบายแล้วครับ รักและคิดถึงเสมอครับพี่แต๊ก”
เช่นเดียวกับ “กัปตันโก้” ดัสกร ทองเหลา แห่งทีม “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทองฯ โพสต์ข้อความว่า "RIP พี่แต๊ก ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว “บุษปาคม” ด้วยนะครับ ขอบคุณทุกคำสอนนะครับพี่ หลับให้สบายนะครับพี่แต๊ก รักและคิดถึงพี่ครับ”
สำหรับ “เสี่ยบิ๊ก” สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ประธานบริหารทีม เพื่อนตำรวจ โพสต์ข้อความแสดงความเสียใจต่อการจากไปเช่นกัน โดยกล่าวว่า "ชีวิตของชายผู้นี้ทั้งลมหายใจเข้า - ออก แกมีแต่ฟุตบอลและการแข่งขันเท่านั้นจริงๆ พี่แต๊กจะชอบการทำงานที่มีระบบ + ระเบียบ เรื่องนี้ทุกคนที่เคยได้ร่วมงานกับแกมาคงรับทราบดี พี่แต๊กจะเป็นคนเอาจริงเอาจังเวลาคุมทีมซ้อมหรือลงแข่งขัน แต่กลับกันแกมักจะมีมุกตลกและมุมเฮฮาเวลาพักหรือหลังซ้อมหรือหลังเกมส์การแข่งขันเสมอ (ถ้าทีมชนะ) ผมอาจจะโชคร้ายที่มีเวลาได้ร่วมงานกับแกแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงปี แต่ผมคิดว่าผมและทีมเพื่อนตำรวจโชคดีที่สุดที่ได้แกมาร่วมงานเป็นสโมสรสุดท้ายของชีวิตพี่เขา นับจากนี้ ถึงแม้พี่แต๊กจะไม่ได้ยืนคุมทีมอยู่ที่ข้างสนาม แต่ผมรู้สึกได้ว่า พี่แต๊กจะคอยเอาใจช่วยพวกเราด้วยความรักและความห่วงใยไปตลอด และด้วยเป้าหมายที่พี่แต๊กมักจะพูดกับผมอยู่เสมอเวลาอยู่ด้วยกันสองคน..พี่บิ๊กไม่ต้องเป็นห่วงทีมฯ นะครับ ผมสัญญาว่าจะอย่างไรก็ตาม ผมจะพาทีมเพื่อนตำรวจของเรากลับไปเล่นไทยลีกให้ได้ในปีหน้าและจะต้องไปในฐานะแชมป์ดิวิชัน 1 เท่านั้นนะครับพี่ ขอให้พี่สบายใจได้..มาถึงวันนี้ ผมอยากจะบอกพี่กลับนะครับพี่แต๊ก ขอให้พี่หลับให้สบาย พี่เหนื่อยมาเยอะแล้ว สำหรับผมแล้ว พี่คือนักสู้ตัวจริง นักเลงฟุตบอลไทยตัวจริงเสียงจริง ภาพที่พี่คอยยืนกำกับเกมส์อยู่ข้างสนาม จะอยู่ในหัวใจผมตลอดไป จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่เราจะได้นั่งพูดคุยเรื่องฟุตบอลที่พวกเรารักด้วยกันใหม่อีกครั้ง R.I.P พี่แต๊ก อรรถพล ปุษปาคม”
