เสือ ตอนที่ 6
ปู่แถนและณจันทร์เดินเข้ามาในถ้ำ ณจันทร์เงยหน้ามองเห็นผนังของถ้ำมีภาพจิตรกรรมที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบลงมา ดูงดงามมาก
"เรื่องราวทั้งหมด ถูกจารึกไว้ที่นี่" ปู่แถนบอก
ปู่แถนใช้ไม้เท้าชี้ที่ไปที่ภาพเสือสองตัว
"นี่คือราชาและราชินีเสือ ต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์เสือสมิง"
ต่อมาเป็นภาพคนหลายรูปในชุดสมัยต่างๆ หนึ่งในนั้นมีชุดเนปาลด้วย
"เสือเจ้าหรือเสือสมิงจะอาศัยอยู่ในร่างคน มันจะเฝ้ารอคอยจนถึงคืนเดือนเพ็ญใหญ่ คืนเพ็ญสีเลือด...ในคืนนั้น"
ปู่แถนสีหน้าจริงจัง
"...จะเป็นคืนสำคัญของเผ่าพันธุ์เสือ คืนที่เหล่าสัตว์กลางคืนจากทุกสารทิศต่างแห่กันมาร่วมเป็นสักขีพยานต่อพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้"
ฝูงนกกลางคืน แตกฮือขึ้น มันบินอยู่เหนือทั้งคู่ รายล้อมเหมือนร่วมเป็นพยานของทั้งสอง พรหมพยัคฆ์และอชินีสบตากัน ดวงตาทั้งสองเป็นสีเหลือง แล้วพุ่งตัวเข้าหากันอย่างโหยหา ทั้งคู่จูบกอดรัดกันเหมือนต่างโหยหากันมานานแสนนาน ดุเดือดราวสัตว์ป่า เขาประคองร่างเธอนอนราบลงที่โขดหินนั้น อชินีหลับตาเคลิ้มค่อยๆลืมตาขึ้น
"คืนที่ราชา และราชินีเสือ จะต้องทำการสมสู่กัน"
พรหมพยัคฆ์ขึ้นคร่อมร่างอชินี ก่อนที่เค้าจะโน้มตัวกดทับไปที่ร่างนั้น
ณจันทร์มีสีหน้าตกใจ และกังวลกับชะตากรรมตัวเอง ต่อไปเป็นภาพการต่อสู้กันของคนในหมู่บ้านกับเสือสมิง
"พวกมันต้องการขยายเผ่าพันธุ์แห่งเสือ เพราะเชื่อว่าตนเองเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกรง ทรงพลังอำนาจ เหนือทุกชีวิต ต้องการที่จะปกครองมนุษย์ ต้องการมีอำนาจเหนือพวกเรา และก็เป็นเวลานานนับพันปีแล้ว ที่หมู่บ้านผาสมิงทำหน้าที่ขัดขวางไม่ให้พวกมันทำสำเร็จ"
ภาพต่อมาเป็นภาพของพระธุดงค์ และหมู่บ้านผาสมิง
"จนกระทั่งพระธุดงค์จากเนปาลซึ่งเป็นผู้ปราบเสือสมิง และพบวิธีล้างคำสาป ท่านได้จารึกทุกอย่างเป็นคัมภีร์เก็บไว้และก็ได้สร้างหมู่บ้านผาสมิงนี้ขึ้นมา เพื่อให้คอยทำหน้าที่ขัดขวาง และล้างคำสาปของเสือสมิง"
ภาพชาวบ้านแต่งขาว ถือของที่ใช้ทำพิธี ยืนอยู่รอบถ้ำ เหมือนที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน
"ในพิธีกรรมล้างคำสาปเสือสมิง ชาวบ้านทุกคนจะร่วมสวดคาถาบูชาพระจันทร์ พร้อมกับผู้ที่ต้องคำสาปจนรุ่งเช้า นี่คือคาถาบทนั้น"
ปู่แถนชี้ไปที่ภาพสุดท้ายของฝาผนัง ซึ่งมีคาถาบทหนึ่งซึ่งเป็นภาษาเนปาลสลักเอาไว้
"ภาษาอะไรกันคะ ฉันอ่านไม่ออก"
"มันเป็นภาษาเนปาล ไม่ต้องห่วง ข้าจะเป็นคนนำสวดให้สูเอง แต่สูจำคำข้าไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น สูจะต้องสวดคาถาตั้งสมาธิอยู่ในนี้ จนกว่าอาทิตย์จะดับจันทร์ สูห้ามก้าวเท้าออกจากถ้ำนี้เด็ดขาด"
ณจันทร์พยักหน้ารับ ทั้งที่ยังกังวลว่าจะสำเร็จหรือไม่
บริเวณลานพิธี ชาวบ้าน เริ่มบริกรรมคาถา บูชาพระจันทร์ เสียงประสานกัน ดูขลังและศักดิ์สิทธิ์ ปักษะ คำแปง และคำสูรย์ก็ร่วมอยู่ในพิธีด้วย
"ผมไม่คิดเลยว่ามันจะดูจริงจังและซีเรียสขนาดนี้" ปักษะบอก
"ก็มันเป็นเรื่องจริงจังนี่คุณ" คำสูรย์บอก
"ฉันรู้สึกขนลุกยังไงก็ไม่รู้อะพี่"
คำแปงท่าทางกลัว ยกมือถือแขนตัวเองหันไปมองคำสูรย์ที่สีหน้าเคร่งเครียด ปักษะมองคำสูรย์ที่สีหน้าจริงจัง ก่อนหันเข้าไปมองในถ้ำ
"ขอให้มันจบเร็วๆเถอะ ณจันทร์ผมจะได้พาคุณกลับเสียที" ปักษะบอก
ปักษะส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อถือในพิธีกรรม ก่อนจะหันกลับมามองกลุ่มชาวบ้านที่ทำพิธีอยู่ต่อ
กลุ่มพ่อใหญ่ถืออาวุธ เดินเวรยามอยู่มุมต่างๆทั่วหมู่บ้าน ณจันทร์นั่งสมาธิ ปู่แถนนำสวดคาถา ณจันทร์สวดตามคำของปู่แถน ...
เสียงคำรามของเสือดังขึ้น พ่อใหญ่และชาวบ้านชะงัก หันขวับไปมองยังต้นเสียง พร้อมกับยกหน้าไม้ ปืน เล็งมาทางพุ่มไม้ต้นเสียง
กลุ่มพ่อใหญ่ค่อยๆก้าวอย่างระวังเข้าใกล้พุ่มไม้ พร้อมส่งสัญญานเป็นภาษามือให้กระจายตัวออกรอบๆอย่างระวัง
ในพุ่มไม้ สายตาคู่หนึ่งมองนิ่งอึดใจ ก่อนจะกระโจนตัวพุ่งใส่พ่อใหญ่จนล้มลง ทั้งหมดตกใจยกอาวุธขึ้นแต่ไม่ทัน พ่อใหญ่ร้องโวยวายดังลั่น
เล่าซอนั่งถือหน้าไม้อย่างระวังภัยบนห้าง เสียงพ่อใหญ่ร้องด้วยความเจ็บปวดวิ่งเข้ามา ที่ขามีเลือดอาบ
" มันบุกเข้ามาได้แล้ว ! โอ๊ย รีบลงมาช่วยกันเร็ว"
เล่าซอสะดุ้ง หันไปมองด้านล่าง เห็นเป็นพ่อใหญ่ล้มลงอยู่ด้านล่าง เลือดอาบเต็มขา
"พ่อใหญ่ เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น"
"เสือมันบุกเข้ามาแล้ว มันทำร้ายข้า"
เล่าซอตกใจ รีบปีนลงมาจากห้างทันที
"พ่อใหญ่ ท่านเป็นอะไรมากมั้ย"
เล่าซอ หันลีหันขวางอย่างกังวลกลัวว่าเสือจะตามเข้ามา พร้อมกับเข้าไปประคองพ่อใหญ่ให้ลุกขึ้น
"พ่อใหญ่ ท่านเดินไหวมั้ย เราต้องรีบแล้ว พวกเรามาช่วยกันหน่อย"
พวกชาวบ้านออกมาช่วยเล่าซอกับพ่อใหญ่ ทันใดนั้น ก็มีคนทักขึ้นมา
"ดูที่รอยสักก่อนว่าใช่พ่อใหญ่รึเปล่า"
เล่าซอชะงัก ถลกเสื้อพ่อใหญ่ดูที่รอยสักแต่ไม่มี !! แววตาพ่อใหญ่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เล่าซอตกใจ ผงะออก จะหนีแต่ไม่ทันแล้ว
"สูไม่ใช่!"
พ่อใหญ่คว้ามีดแทงเล่าซอ และ ฆ่าชาวบ้านผาสมิงตามเรียบและแปลงกลายกลับเป็นพรหมพยัคฆ์
ผู้ที่พุ่งออกจากพุ่มไม้คร่อมร่างพ่อใหญ่ไว้คือ ลายเมฆ พ่อใหญ่พยายามต่อสู้ แต่สู้แรงลายเมฆไม่ได้ จนบาดเจ็บล้มไปกองกับพื้น ลายเมฆหันไปเล่นงานชาวบ้านที่เหลือ ตายไปหลายคน
"พวกเราต้านไว้ อย่าให้มันทำลายพิธีได้"
พ่อใหญ่รีบวิ่งไปตีเกราะส่งสัญญาณภัยว่าเสือบุกแล้ว
พวกชาวบ้านยังคงบริกรรมคาถาอยู่รอบๆ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงสัญญาณภัยดังขึ้นมา ชาวบ้านต่างตื่นตกใจเพราะรู้ว่าเป็นเสียงเตือนจากคนเฝ้าเวรยาม
"เสือสมิงมันบุกเข้ามาแล้ว"
คำสูรย์บอก
"สงบใจไว้ สวดต่อไป เดี๋ยวข้าจะไปดูเองว่าเกิดอะไรขึ้น"
คำสูรย์จะเดินออกไป ปักษะก็ลุกขึ้น
"เดี๋ยว ผมขอไปด้วย"
ปักษะและคำสูรย์เดินออกไป คำแปงมองตามอย่างกังวล
เสียงสัญญาณภัยจากนอกถ้ำดังเข้ามา ณจันทร์ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ
"เสียงสัญญาณภัย"
"นั่งลง ... ข้างนอกไม่ใช่เรื่องที่สูต้องไปสนใจ"
"แต่"
"หน้าที่ของสูอยู่ตรงนี้ ... ถ้าอยากแก้คำสาปเสือ ใจสูต้องนิ่ง หูฟังแต่คำสวดของข้า ... หรือสูเปลี่ยนใจไม่อยากทำพิธีแล้ว"
ปู่แถนมองด้วยสีหน้าจริงจัง ณจันทร์นิ่งอึ้ง มองนอกถ้ำอย่างกังวล ก่อนจะข่มตาหลับแล้วเริ่มสวดตามปู่แถนต่อ
คำสูรย์และปักษะ เดินมาจนถึงจุดเฝ้ายาม เห็นศพเล่าซอและชาวบ้านเต็มไปหมด
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นอาคำสูรย์"
คำสูรย์ยังไม่ทันตอบอะไร ก็ต้องชะงัก คำสูรย์และชาวบ้านเล็งหน้าไม้ไปที่เงาดำๆนั้น ปักษะมองตามอย่างไม่เข้าใจ ชาวบ้านส่องคบไฟไปที่ร่างนั้น แสงไฟส่องกระทบ ร่างที่เคลื่อนไหวอยู่ชะงัก และร้องออกมา
"โอ๊ย อย่าๆ อย่ายิงเรานะ"
"อาชา! หยุดๆ อย่าเพิ่งยิง นี่เพื่อนผมเอง"
ชาวบ้านชะงัก ถอนหน้าไม้ออกไป ปักษะวิ่งไปพยุงอาชาให้ลุกขึ้น แสงก็อยู่ใกล้ๆกัน
"ไอ้ปักษะ นี่แกมาอยู่นี่ได้ไงวะ ฉันห่วงแกแทบแย่"
"ฉันต่างหากที่ต้องถามแก หายไปไหนมาวะ"
"ก็หลงป่าสิวะ เกือบแย่ ดีนะที่มีนายแสงอยู่ด้วย ไม่งั้นฉันคงเดินวนไปวนมาอยู่ในป่านั่นแหล่ะ แล้วคนพวกนี้ใครกันวะ"
"เรื่องมันยาวไว้เดี๋ยวฉันค่อยเล่าให้แกฟัง"
"แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนตายเกลื่อนขนาดนี้"
ปักษะหันมอง
"มันมาแล้วๆ เราต้องสู้มัน อย่าให้มันเข้าไปในถ้ำได้เด็ดขาด"
"สู้กับใคร"
คำสูรย์สีหน้ากังวล เริ่มระวังภัย ปักษะมองรอบๆชักกังวลเหมือนกัน อาชาหน้าตาตื่นงงกับทุกสิ่งที่เห็น
"นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้นครับ อาคำสูรย์ ผมจะพาณจันทร์กลับ"
"ไม่ได้ คุณหนูต้องทำพิธีจนกว่าจะเสร็จ"
อาชาเดินมากระซิบถามปักษะ
"นี่ณจันทร์ก็อยู่กับแกเหรอวะ แล้วนี่มันมีงานพิธีอะไรกัน"
ยังไม่ทันปักษะจะตอบ พ่อใหญ่บาดเจ็บวิ่งกลับเช้ามา เห็นชาวบ้านลูกน้องนอนตายเกลื่อน คำสูรย์วิ่งเข้าไปช่วย
"พ่อใหญ่ เป็นไงบ้าง"
"จุดนี้ตายกันหมดแล้วเหรอ"
ณจันทร์รู้สึกถึงพรหมพยัคฆ์รุนแรงขึ้นตามลำดับ เธอลืมตาพรวด หันมองออกไปนอกถ้ำอย่างกังวล
"ฉันรู้สึกถึงมันได้ มันมาถึงที่นี่แล้วปู่แถน มันตามฉันมาแล้ว"
"สูไม่ต้องกลัว มันทำอะไรสูไม่ได้ ตราบใดที่สูอยู่ในนี้ อำนาจของเขี้ยวเสือลงอาคมและสายสิญจน์จะขวางมันเอาไว้"
ปู่แถนมองไปที่พานใส่เขี้ยวเสือที่แท่นทำพิธี ณจันทร์หันมองตามแล้วหันมองออกไปด้านนอกถ้ำอย่างร้อนรน
"แต่พวกชาวบ้านไม่มีเครื่องป้องกันคำแปง คำสูรย์ คุณปักษะ"
ณจันทร์ทนไม่ไหวทำท่าจะลุกออกไป ปู่แถนห้ามไว้
"ถ้าสูก้าวออกไป ทุกชีวิตที่ต้องตายก็จะสูญเปล่า"
"แต่ถ้าฉันยังอยู่ในนี้ ... จะมีคนต้องตายอีก"
"มันเป็นหน้าที่ของคนที่นี่ คนของหมู่บ้านผาสมิง"
"แต่ ..."
"ทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตนเอง สูเองก็เช่นกัน ถ้าสูก้าวออกไปเมื่อไร สูจะไม่มีวันหลุดพ้นจากคำสาปของเสือสมิง"
ณจันทร์นิ่งอึ้ง ลังเล
"สูต้องเลือกเอา ... ส่วนพวกเราชาวหมู่บ้านผาสมิง เราเลือกแล้ว"
ปู่แถนสายตาจริงจัง ณจันทร์มองอย่างเจ็บปวด
ชาวบ้านยังคงนั่งบริกรรมคาถาอยู่ที่ลานพิธี ทันใดนั้นก็มีเสียงพุ่มไม้ไหวดังขึ้นแกรกกราก ชาวบ้านชะงัก แต่ก็สวดต่อ และแล้วก็มีเสียงคำรามของเสือดังขึ้น ชาวบ้านเริ่มตื่นกลัวกระสับกระส่าย คำแปงขยับตัวเข้าใกล้กลุ่มชาวบ้านอย่างกลัวๆ ก่อนร้องเตือน
"สวดต่อไปๆ อย่าหยุด ... ไม่มีอะไรหรอก แค่ลมพัด"
คำแปงพูดแต่เสียงกลับสั่น หันมาอย่างกลัวๆ
อยู่ๆพุ่มไม้แหวกออกและแล้วร่างของพรหมพยัคฆ์ก็ก้าวออกมา ตามด้วยลายเมฆ พรหมพยัคฆ์จ้องมองไปที่กลุ่มคำสูรย์อย่างเหี้ยมโหด
คำสูรย์ตั้งท่าเตรียมพร้อม
ปักษะและอาชาโพล่ง "พรหมพยัคฆ์"
"ไปให้พ้น ! ไอ้เสือผี"
อาชาพึมพำ
"เสือผี"
"แกคิดหรอว่าฉันจะปล่อยให้พวกแก แก้คำสาปให้ณจันทร์ได้สำเร็จ ไม่มีทาง"
"ฉันไม่ยอมให้แกทำลายพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ได้หรอก"
"ก็ลองดู ... มนุษย์หน้าโง่ อ่อนแออย่างพวกแกจะทำอะไรฉันได้ ไม่ว่ายังไง ณจันทร์ก็ต้องเป็นราชินีของฉัน และพวกแกทั้งหมดต้องตาย"
"อาคำสูรย์ นี่พรหมพยัคฆ์มาเกี่ยวอะไรด้วย"
"มันจะมาเอาตัวคุณหนู พวกเราต้องขวางมันไว้ให้ได้"
"แล้ว.. เสือผี นี่อะไรลุง" อาชาถาม
"ข้าไม่มีเวลาบอกอะไรทั้งนั้น พวกเอ็งต้องช่วยกัน อย่าให้มันจับคุณหนูไปเด็ดขาด"
พ่อใหญ่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายคว้ามีดดาบออกมา ยันตัวลุกขึ้น จ้องไปที่พรหมพยัคฆ์ด้วยความอาฆาต ก่อนจะวิ่งตรงออกไป
"ไอ้เสือผี ข้าจะฆ่าแกเอง แก้แค้นให้ เพื่อนๆพี่น้อง และพี่ชายของข้า"
พ่อใหญ่เข้าไปต่อสู้กับพรหมพยัคฆ์ ปักษะและอาชามองดูทุกอย่างตกตะลึง
"นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย" อาชาว่า
ปักษะหันหาแสง
"แสงส่งปืนมาเร็ว"
"เฮ้ยเดี๋ยว ไอ้ปักษะ แกจะทำอะไร"
ปักษะไม่สนใจอาชา คว้าปืนจากแสงยกขึ้นเล็ง ขณะที่เขากำลังจะยิง จังหวะนั้นลายเมฆก็กระโดดเข้ามาขวางจับปลายกระบอกปืนไว้ ทั้งสามผงะออกด้วยความตกใจ
"แก"
"หึ .. คราวนี้พวกแกไม่รอดแน่"
ทั้งสามต่อสู้กับลายเมฆ พ่อใหญ่ต่อสู้กับพรหมพยัคฆ์ คำสูรย์คิดได้บางอย่างวิ่งหลบเข้าไปลานพิธี
ชาวบ้านท่องคาถากันอยู่ มีเสียงพุ่มไม้ไหวดังแกรกกราก แม่ของเด็กที่ลืมเขี้ยวเสือไว้บนเรือน เธอหันมองอย่างระแวง ด้วยความเป็นห่วงลูกของเธอด้วย เธอหันมองชาวบ้านที่นั่งข้างๆติดกัน ทุกคนยังคงท่องคาถาอย่างจริงจัง เธอลังเลจะบอกว่าลูกสาวเธอยังไม่กลับมา ไม่นานก็เห็นคำสูรย์ คำแปงเห็นก็ร้องเสียงหลง
"พี่คำสูรย์"
"คำแปง แกอยากช่วยคุณหนูมั้ย"
"ช่วย... ช่วยยังไงกัน"
คำสูรย์เอาห่อผ้าที่เตรียมไว้ออกมา ในนั้นมีเสื้อของณจันทร์
"เสื้อคุณหนู ... เอามาทำไมพี่คำสูรย์"
"ถ้าแกอยากช่วยคุณหนู ก็ใส่นี่ซะ"
คำสูรย์ยื่นเสื้อให้ คำแปงมองเริ่มจะเข้าใจบางอย่าง เธอยื่นมือรับมา
ปักษะโดนลายเมฆตะปบล้มลง ท่าทางเจ็บปวด แสงพยายามเข้าไปช่วย ปักษะต่อสู้กับลายเมฆ แต่ก็ถูกลายเมฆจับเหวี่ยงกระแทกต้นไม้ตาย
ลายเมฆหันมาที่อาชาเป็นรายต่อไป อาชาพยายามถอยหนี
ลายเมฆมองอย่างเหี้ยมเกรียมตรงเข้ามาหาอาชา ปักษะเห็นเข้าก็รีบพุ่งตัวไปคว้าปืนที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วรัวยิงไปที่ลายเมฆหลายนัด จนลายเมฆชะงัก เลือดไหลออกมา แล้วเสียหลักล้มลง ปักษะเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งมาประคองอาชาให้ลุกขึ้น
"อาชา ... แกไหวมั้ย ลุกขึ้นเร็ว"
"ไอ้ตัวประหลาดนั่น มันตายรึยัง"
ลายเมฆยังขยับหัวผงกขึ้นมา แต่ไม่มีแรงพอจะลุกขึ้นได้
"เฮ้ย .. โดนไปขนาดนั้นยังไม่ตายอีก เราจะฆ่ามันได้ด้วยวิธีไหนวะเนี่ย"
คำสูรย์จูงผู้หญิงคนหนึ่งที่คลุมผ้าไว้ แล้วสั่งให้วิ่งไป
"คุณหนูหนีออกไปเร็ว ไป"
พรหมพยัคฆ์ฆ่าพ่อใหญ่ตาย หันขวับมองผู้หญิงวิ่งหนีออกไป พรหมพยัคฆ์สูดดมกลิ่น
"ณจันทร์"
พรหมพยัคฆ์ รีบกระโจนตาม
คำสูรย์หันมองเหตุการณ์ ลุ้นให้แผนสำเร็จ
ปักษะที่สู้กับลายเมฆอยู่ บอกให้อาชาตามไปช่วย ณจันทร์
"อาชาแกรีบไปช่วย ณจันทร์เร็ว"
อาชา รีบตามณจันทร์ไป
ปักษะโดนลายเมฆตะปบล้มกลิ้งสลบ ลายเมฆจะฆ่า คำสูรย์ยิงลายเมฆ รัวเป็นชุด
"ชั้นไม่ยอมให้แกเอาคุณหนูไปได้เด็ดขาด"
ลายเมฆโดดหลบหนีไป
คำแปงที่คลุมผ้า วิ่งสุดแรง พรหมพยัคฆ์ วิ่งไล่ล่าตามมาอย่างรวดเร็ว อาชาตามมา
พรหมพยัคฆ์ กระโจนเข้ามาขวางหน้า คำแปงกลัวสุดขีด
"อย่า ... อย่าฆ่าฉันนะ"
พรหมพยัคฆ์ ชะงักรู้สึกว่าไม่ใช่ณจันทร์ เข้ามาตะปบที่หน้าจนคำแปงร้องเสียงหลง ผ้าคลุมหลุดออก คำรามลั่นด้วยความโกรธ คำแปงถอยกรูไปกับพื้นด้วยความกลัวสุดขีด พรหมพยัคฆ์ จะฆ่าคำแปง อาชาเข้ามายิงพรหมพยัคฆ์เสียก่อน พรหมพยัคฆ์ผงะรีบวิ่งไปหาณจันทร์ที่ถ้ำ คำแปงรีบตะโกนไล่หลังบอก
"มันกลับไปหาคุณหนูแล้ว รีบไปช่วยคุณหนูเร็ว"
อาชาสะดุ้ง ไม่เข้าใจความหมายของคำแปง
"เธอไม่ใช่ณจันทร์นี่"
"คือว่า พี่คำสูรย์ให้คำแปงปลอมตัวเป็นคุณหนู เพื่อล่อให้เสือมันตามออกมาน่ะค่ะ"
"ล่อเสือ เสือที่ไหนกัน"
คำแปงอ้ำอึ้ง
"แล้วตอนนี้ณจันทร์อยู่ที่ไหน"
"ในถ้ำค่ะ พิธียังไม่เสร็จ"
"พิธีอะไร แล้วพรหมพยัคฆ์ ตามล่าณจันทร์ทำไม"
"ไม่มีเวลาอธิบายแล้วค่ะ คุณ รีบไปช่วยคุณหนูเถอะค่ะ เร็ว!อย่าให้ พรหมพยัคฆ์จับคุณหนูไปได้นะค่ะ"
อาชางง แต่ก็รีบหันวิ่งกลับไปที่ถ้ำ
ภายในถ้ำ ปู่แถนเริ่มนำสวดคาถาต่อ ณจันทร์ฝืนใจเธอข่มตาแล้วท่องตาม
คำสูรย์วิ่งกลับมาที่ลานพิธี
"สวดต่อไป อย่าหยุด"
พรหมพยัคฆ์คำรามก้องอย่างโหดเหี้ยมพร้อมกับวิ่งตรงไปที่ลานพิธี
คำสูรย์ถอยกรูไปอยู่หลังสายสิญจน์ เตรียมต่อสู้ ชาวบ้านที่สวดท่องคาถาอยู่ เริ่มแตกตื่น
"อย่ากลัวมัน สวดต่อไป มันทำอะไรพวกเราไม่ได้"
พรหมพยัคฆ์มาจะถึงสายสิญจน์ก็ต้องชะงัก เหมือนมีแรงต้านบางอย่างกั้นเค้าไว้ไม่ให้ผ่านเข้าไปได้ ลายเมฆก็เช่นกัน
"ไม่เก่งอย่างปากว่านี่หว่า ไอ้เสือหน้าโง่"
พรหมพยัคฆ์คำรามลั่นด้วยความโกรธ เดินกระสับกระส่าย พยายามจะฝ่าวงสายสิญจน์เข้าไป แต่ก็ไม่ได้ พรหมพยัคฆ์ ถอยออกไป ชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
อาชากลับเข้ามาในลานพิธี
"นี่มันเรื่องอะไรกันวะ เราหลุดมาอยู่ในยุคไหนวะ"
คำสูรย์หันมองอาชา ก็ตกใจ
"คุณกลับมาทำไม... คำแปงล่ะ"
"เธอปลอดภัย แต่ณจันทร์ยังอยู่ในถ้ำ... ผมจะเข้าไปพาเธอออกมา"
คำสูรย์ได้ยินก็ตกใจ รีบเข้ามาขวางไว้
"ไม่ได้นะ คุณทำแบบนั้นไม่ได้ พิธียังไม่เสร็จ"
"พิธีบ้าบออะไรกัน จะต้องรอให้ตายกันหมดก่อนหรือไง หลีกไปลุง"
"ไม่ได้ ! ผมบอกว่าเข้าไม่ได้ คุณหนูต้องทำพิธีต่อให้เสร็จ"
คำสูรย์พุ่งตัวหาอาชา พยายามกันให้อาชาออกไป ทั้งสองต่อสู้กัน
"ลุงบ้าไปแล้วแน่ๆ ถอยไป ไม่มีเวลาแล้วนะ"
อาชาไม่มีทางเลือก เค้าตัดสินใจต่อยคำสูรย์เต็มแรง จนคำสูรย์ล้มลงไปชนกับชาวบ้าน สายสิญจน์หลุดจากมือชาวบ้าน ชาวบ้านร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ อาชารีบวิ่งตรงเข้าถ้ำไป
ทันใดนั้นพรหมพยัคฆ์ก็กลับมาพร้อมโยนศพพ่อใหญ่เข้าไปในวงพิธีสวด ชาวบ้านที่กำลังสวดแตกตื่นวิ่งกระจาย สายสิญจน์ขาดกระจาย พรหมหันไปเห็นตะเกียงโคมไฟที่จุดไว้รอบๆถ้ำ วิ่งเข้าไปปะตบจนมันล้มระเนระนาด ไฟติดพุ่มไม้แถวนั้น พรหมพยัคฆ์คำรามลั่น ลมวูบใหญ่พัดมา คบไฟล้มกลิ้งล้มไปที่พวกชาวบ้าน ชาวบ้านรีบลุกหนี ลมพัดเปลวไฟทำให้ชาวบ้านบางคนติดไฟ ชาวบ้านร้อนทนไม่ไหว
"โอ๊ย ร้อนๆ ไฟไหม้ข้าๆ"
คำสูรย์เห็นเข้าก็ตกใจ
"ตั้งสติไว้ๆ สวดต่อไปอย่าหยุด อีกไม่นานก็จะเช้าแล้ว "
พรหมพยัคฆ์เมื่อเห็นว่าสายสิญจน์พัง ชาวบ้านวงแตกแล้ว ก็กระโจนเข้าไป ใช้กรงเล็บที่งอกยาวออกมาตะปบฉีกร่างชาวบ้านเลือดสาด
ลายเมฆรีบเข้ามาขวาง คำสูรย์ชะงัก ทั้งคู่ต่อสู้กัน ขณะที่คำสูรย์กำลังจะพลาด ปักษะเข้ามายิงปืนรัวใส่ลายเมฆหนีไป
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสือ ตอนที่ 6 (ต่อ)
อาชาวิ่งเข้าไปในถ้ำ เห็นณจันทร์นั่งหลับตาสวดตามปู่แถนอยู่
"คุณณจันทร์!"
ณจันทร์สะดุ้ง ลืมตามอง เห็นว่าเป็นอาชาก็ตกใจ
"คุณอาชา"
"คุณนั่งสบายใจอยู่ในนี้ได้ยังไง ข้างนอกคนตายกันเกลื่อนไม่รู้หรือไง"
ณจันทร์ตกใจ อาชาวิ่งตรงมาหาณจันทร์
"พรหมพยัคฆ์อาละวาดฆ่าชาวบ้าน ผมไม่เข้าใจเลยนี่มันเรื่องอะไรกัน มันไม่เกรงกลัวกฎหมายเลยหรือไง"
เขารีบดึงตัวณจันทร์ขึ้น
"ไป!! รีบหนีออกไปกับผมเดี๋ยวนี้เลย รู้มั้ยว่าไอ้ปักษะมันห่วงคุณขนาดไหน"
"ปักษะ ... แล้วคุณปักษะล่ะ อยู่ไหน เค้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ย"
"มันยังไม่เป็นอะไรหรอก คนที่จะเป็นอะไรคือคุณต่างหาก ถ้ายังขืนนั่งอยู่ในนี้ ... เร็ว ออกไปกับผมเดี๋ยวนี้"
"ไม่ได้ ฉันออกไปไม่ได้จนกว่าพิธีจะเสร็จ"
"พิธีบ้าบออะไร ไว้ทำวันหลังเถอะคุณ หนีออกไปกับผมก่อน"
อาชาฉุดณจันทร์ลุกขึ้น เธอพยายามขัดขืน ปู่แถนใช้ไม้เท้าตีที่หัว จนอาชาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
"โอ๊ย มาตีผมทำไมเนี่ย"
"อย่ายุ่ง เธอต้องอยู่ในนี้ จนกว่าพิธีจะเสร็จสิ้น"
ปู่แถนพูดท่าทางจริงจัง อาชาเริ่มโมโห มองปู่แถนอย่างไม่เข้าใจ
"คนหมู่บ้านนี้บ้ากันไปหมดแล้วหรือไง ... คุณเองก็โดนล้างสมองหรอณจันทร์ พิธีบ้าพิธีบออะไรกัน"
อาชาเดินไปปัดของที่วางไว้ใช้ทำพิธีอย่างหัวเสีย ณจันทร์มองตามอย่างตกใจ
"อย่าค่ะ คุณอาชาอย่าทำแบบนี้"
อาชาไม่ฟัง เค้าปัดข้าวของพัง รวมถึงพานที่ใส่เขี้ยวเสือด้วย ปู่แถนมองอย่างตกใจ
"พอกันที ตอนนี้คุณต้องออกไปกับผม คุณก็ด้วย ผมไม่ยอมมาตายอยู่ในนี้กับพิธีบ้าบอนี่หรอกนะ ออกกันไปให้หมดนี่แหล่ะ"
"สูไม่เข้าใจ ในนี้ปลอดภัยที่สุด ตราบใดที่มีสายสิญจน์ป้องกันไว้"
"สายสิญจน์อะไร ไอ้เชือกที่ขาดๆนั่นอะนะ"
"สูว่าอะไรนะ สายสิญจน์ขาดแล้วหรือ"
ขาดคำปู่แถน พรหมพยัคฆ์ก็เดินเข้ามาในถ้ำ
"ได้เจอกันสักทีนะ ณจันทร์ !"
พรหมพยัคฆ์ยิ้มเหี้ยม อาชาตกใจสุดขีด ปู่แถนและณจันทร์ต่างตะลึง พรหมพยัคฆ์สนใจณจันทร์ทันที ปู่แถนรีบเอาตัวเข้ามาขวางไว้ กระชากเขี้ยวเสือที่คอออกมาพันเข้ากับไม้เท้าของตนพร้อมกันไปบอกณจันทร์
"พวกสูรีบหนีไป"
พูดจบปู่แถนก็ท่องคาถากับเขี้ยวเสือที่พันไว้กับไม้เท้า พรหมพยัคฆ์คำรามลั่น ณจันทร์ทำอะไรไม่ถูก
อาชาบ่น
นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย (มองณจันทร์) รีบหนีก่อนเถอะณจันทร์
อาชาดึงตัวณจันทร์ให้วิ่งหนีออกไปด้วยกัน แต่พรหมพยัคฆกระโจนมาขวางไว้ทันที อาชาคว้าไม้ที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมาฟาดไปที่พรหมพยัคฆ์สุดแรง แต่ก็พลาด พรหมพยัคฆ์หลบทัน ง้างมือแล้วใช้กรงเล็บที่งอกยาวออกมาตะปบจนอาชาเสียหลักล้มไปหัวฟาดกับพื้น จนบาดเจ็บเกือบหมดสติเขาพยายามยันตัวขึ้นแต่ไม่สำเร็จ
ณจันทร์ถอยหลังด้วยความกลัว แต่จังหวะนั้น พรหมพยัคฆ์ก็ต้องร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะปู่แถนให้ไม้เท้าที่พันด้วยเขี้ยวเสือลงอาคมฟาดที่หลังเสือเต็มแรง เสือหันขวับไปที่ปู่แถน กระโจนขึ้นคร่อมร่าง ง้างมือจะตะปบ แต่เสียงณจันทร์ตะโกนขึ้นก่อน
"อย่า ฉันยอมแล้ว"
พรหมพยัคฆ์ชะงักค้าง ณจันทร์ร้องห้ามพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด อาชาที่ใกล้หมดสติมองดูเหตุการณ์อย่างแปลกใจ
"ฉันยอมแล้ว ... อย่าฆ่าคนบริสุทธิ์อีกเลย อย่าให้ใครต้องตายเพราะฉันอีกเลย"
พรหมพยัคฆ์ลุกขึ้น
"ฉันขอร้อง อย่าฆ่าใครอีกเลย"
พรหมพยัคฆ์ยิ้มเหี้ยมพอใจ พรหมพยัคฆ์กลายร่างเป็นเสือ แล้วก็หันกลับไปกระโจนคร่อมร่างปู่แถน ง้างมือตะปบเข้าที่คอปู่แถน จนเลือดสาดกระจาย สิ้นใจ ณจันทร์ร้องกรี๊ดทรุดตัวลงนั่ง ช็อกกับภาพที่เห็น
"เธอปกป้องใครไม่ได้หรอก แม้กระทั่งตัวเธอเอง ยอมรับซะเถอะ ณจันทร์"
เสือคำรามลั่นออกมา ณจันทร์เจ็บปวดกับชะตากรรมตัวเอง อาชามองดูเหตุการณ์อยู่ด้วยอาการสะลึมสะลือ และด้วยความโกรธ ณจันทร์ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
แสงจันทร์ของคืนเพ็ญสาดส่องเข้ามากระทบกับร่าง ร่างกายเธอค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นเสือ ก่อนจะคำรามลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด และอาชาสลบไปในที่สุด
ปักษะคำสูรย์วิ่งมาถึงหน้าถ้ำ
จังหวะนั้นเอง เสือพรหมพยัคฆ์ กระโจนออกมาจากปากถ้ำ คำรามลั่น คำสูรย์ตกใจยกหน้าไม้ขึ้นเล็ง เตรียมยิงแต่กลับมีเสือณจันทร์ กระโจนออกมาจากถ้ำ คำสูรย์ชะงักด้วยความตกใจ เสือณจันทร์คำรามลั่น ทำให้เสือพรหมพยัคฆ์ยอมผละออก เสือณจันทร์หันมองปักษะแว่บหนึ่ง เขาถอยหนีด้วยความกลัว เสือณจันทร์กระโจนไปตรงหน้าคำสูรย์ คำสูรย์จ้องเสือนิ่งค้าง
คำสูรย์อุทานเบาๆ
"คุณหนู"
เสือณจันทร์คำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ปักษะชะงักไป พอได้สติก็รีบหยิบปืนขึ้นมาจะยิงเสือ คำสูรย์หันมาเห็นก็บอกเสือณจันทร์
"หนีไปก่อนครับคุณหนู หนีไป"
คำสูรย์รีบวิ่งมาแย่งปืนปักษะไว้
"อย่ายิง! ยิงไม่ได้นะคุณปักษะ"
"ปล่อยผม ทำไมถึงยิงไม่ได้"
"คุณยิงไม่ได้ ..คุณยิงเสือตัวนั้นไม่ได้"
คำสูรย์ยื้อแย่งจนปืนลั่นไปนัดหนึ่ง แต่ไม่โดน เสือสองตัววิ่งไล่กัน หนีเข้าป่าไป
เสือสองตัววิ่งตามกันมาจนถึงในป่า ทั้งคู่เดินวนจ้องกันอย่างดูเชิง แล้วเสือณจันทร์ก็หยุด หันมองกลับไปที่ถ้ำในหมู่บ้าน เห็นถ้ำไฟลุกท่วม
สายตาเสือณจันทร์มองนิ่งงัน เจ็บปวด พิธีไม่สำเร็จ ทุกคนตายเพราะต้องการช่วยเธอ แต่เธอกลับช่วยใครไม่ได้เลย เสือพรหมพยัคฆ์หันมองเสือณจันทร์อย่างผู้ชนะ
"ฉันบอกเธอแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็หนีไม่พันหรอก ถ้าเธอยอมรับแต่แรก คงไม่มีใครต้องมาตายแบบนี้"
"ทำไมไม่ฆ่าฉันให้ตายไปพร้อมๆกับคนอื่น ฉันเกลียดสิ่งที่ฉันต้องเป็นอยู่ตอนนี้ ฉันเกลียดแก"
"ฉันไม่ฆ่าเธอหรอกณจันทร์ เธอคือราชินีของฉัน ฉันจะทำให้เธอยอมรับฉันให้ได้ ... ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว เธอต้องเป็นของฉันเท่านั้น ณจันทร์ จำไว้"
เสือพรหมพยัคฆ์ก็วิ่งออกไป ทิ้งให้เสือณจันทร์นิ่งอยู่อย่างนั้น เสือณจันทร์มองถ้ำที่ไฟลุกไหม้อย่างสิ้นหวัง
ถ้ำเหลือแต่ซากในยามเช้า คำสูรย์เดินเข้ามาในป่า ร้องตะโกนไปตลอดทาง
"คุณหนูๆ"
แล้วเค้าก็ได้ยินเสียงสะอื้นลอยมาเบาๆ คำสูรย์ชะงัก เดินตามต้นเสียงไป แหวกพุ่มไม้เห็นด้านหลังณจันทร์ที่นั่งเปลือยเปล่าอยู่
"คุณหนู"
"มันจบแล้วใช่มั้ยอาคำสูรย์ ฉันไม่มีวัน ... ไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว"
คำสูรย์ถอนหายใจ ถอดเสื้อตนเองคลุมให้ณจันทร์ และค่อยๆพยุงเธอลุกขึ้น
"กลับไปที่หมู่บ้านก่อนเถอะครับคุณหนู"
ชาวบ้านที่เหลือรอดชีวิตมุงล้อมที่แคร่ไม้กลางลานหมู่บ้าน มีศพกองรวมกันอยู่
ณจันทร์ ปักษะ คำสูรย์ คำแปง และอาชาที่สบักสะบอมมีผ้าพันแผลรอบหัว ยืนรวมอยู่ในพิธีด้วย อาชาหันมองณจันทร์อย่างสงสัย ชาวบ้านคนหนึ่งก้าวออกไปจุดไฟที่แคร่ ไฟลุกท่วมเผาศพทั้งหมด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้า หญิงชาวบ้านคนหนึ่งร้องไห้ออกมา
"โธ่ พ่อใหญ่ ปู่แถน พวกสูจากพวกเราไปแล้ว แล้วหมู่บ้านเราจะอยู่ได้ยังไง ฮือๆ ให้ไอ้เสือผีมาฆ่าข้าให้ตายตามไปด้วยซะดีกว่า"
ณจันทร์สะเทือนใจหันหลังเดินออกไป ปักษะมองอย่างเป็นห่วงแล้วเดินตามออกไป คำสูรย์ทำท่าจะตามไปด้วย แต่คำแปงดึงเอาไว้ก่อน ไม่ให้ตามไป
ณจันทร์ร้องไห้อยู่ รู้สึกผิดกับทุกคน ปักษะตามเข้ามาแล้วพูดปลอบ
"ณจันทร์ อย่าคิดมากเลยครับ เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"
ปักษะยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ ณจันทร์เปลี่ยนท่าทีเป็นแข็งกร้าว
"ขอบคุณค่ะคุณปักษะที่ช่วยปลอบ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่ฉันคงจะรู้สึกดีกว่านี้ ถ้าคุณเลิกยุ่ง วุ่นวายกับชีวิตฉันเสียที"
ปักษะชะงัก
" ณจันทร์ คุณเป็นอะไรไป"
"ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ แค่ฉันรู้สึกว่าคุณวุ่นวายกับชีวิตฉันมากเกินไปแล้ว ... เลิกยุ่งกับฉันสักที !! ถ้าคุณไม่อยากตายเหมือนคนพวกนั้น"
" ณจันทร์ ทำไมคุณพูดแบบนี้ ผมเคยบอกคุณแล้วไง ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่เปลี่ยนไป คุณมีอะไรคุณบอกผมตรงๆได้นี่ครับ ผมยินดีฟังและช่วยคุณทุกเรื่อง"
"ดีค่ะ ... งั้นคุณช่วยออกไปจากชีวิตฉันที ถ้าจะกรุณา ช่วยอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าจากนี้ไปด้วยค่ะ"
พูดจบณจันทร์จะเดินหนีไป แต่ปักษะคว้าข้อมือไว้
"ณจันทร์ ... คุณเป็นอะไร ณจันทร์ที่ผมรู้จักไม่พูดแบบนี้แน่ๆ"
"ค่ะ ... เพราะจากนี้ไป ฉันคงไม่ใช่ณจันทร์ที่คุณเคยรู้จักอีกแล้ว"
เขาจับมือเธอไว้ เธอมองด้วยสายตาที่เย็นชา ปักษะค่อยๆปล่อยมือที่จับเธอออก เธอหันหลังแล้วเดินออกมา ปักษะอึ้ง ไม่เข้าใจ
ณจันทร์เดินออกมา แววตาที่เย็นชาค่อยเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด น้ำตาค่อยๆไหลออกมา
สองสามวันต่อมา นวลกำลังโทรศัพท์คุยกับตำรวจอยู่ มีคำแปงอยู่ข้างๆ
"ยังหาไม่เจอเหรอคะ แล้วเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่ายังไงบ้างคะ แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีจริงๆ เอะ คุณนี่จะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไง หลานฉันหายไปทั้งคนนะคะ"
คำสูรย์ประคองณจันทร์ที่ท่าทางอิดโรยเข้าบ้านมา
"คุณหนู! คุณหนูกลับมาแล้วคะคุณนวล"
"ณจันทร์"
ป้านวลวางสายทันที และวิ่งไปกอดหลานสาวอย่างดีใจ
"นี่ หนูหายไปไหนมา ป้าเป็นห่วงหนูมากรู้ไหม ห้าหกวันมานี่ป้าแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย"
ณจันทร์ไหว้บอก
"หนูขอโทษนะคะที่ทำให้ป้าเป็นห่วง"
"เห็นหนูกลับมาปลอดภัย ป้าก็ดีใจแล้ว หนูยังไม่ตอบป้าเลยนะว่าหนูหายไปไหนมา"
ณจันทร์ คำสูรย์และคำแปงต่างก็นิ่งไป
"ณจันทร์ ถึงหนูจะเป็นหลาน แต่ป้าก็รักหนูเหมือนลูก ทุกเรื่องที่หนูทำ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ป้าก็รับได้ทั้งนั้นนะลูก"
ณจันทร์นิ่งอึ้ง ตัดสินใจแล้วที่จะบอกความจริงกับป้านวล
เวลาผ่านไป นวลและณจันทร์กำลังจุดธูปไหว้รูปของจรัส พ่อของณจันทอยู่
"จรัส แกทำให้ลูกหลานเดือดร้อนหนักแล้วรู้ไหม ถ้าฆ่าเสือตัวนั้นซะก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้"
"อย่าไปโทษคุณพ่อเลยคะป้านวล มันเป็นเคราะห์กรรมของหนูเอง"
ป้านวลถอนใจ
"ป้าไม่อยากเชื่อ ยี่สิบกว่าปีนี้ ป้าได้แต่บอกตัวเองว่าคำสาปเสือสมิงมันไม่ใช่เรื่องจริง จะว่าป้าหลอกตัวเองก็ได้ แต่ป้าไม่อยากคิดเลย ว่าหลานของป้าจะต้องกลายเป็น…"
"เราต้องยอมรับมันค่ะ ไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธอีกต่อไป ตอนนี้หนูไม่ใช่คน…ธรรมดาอีกแล้ว"
นวลเข้าใจ ปลอบณจันทร์
" แต่ถึงยังไงหนูก็ยังเป็นหลานของป้านะณจันทร์"
ณจันทร์มองป้านวลน้ำตาซึม ป้านวลกอดณจันทร์ไว้
"ค่ะ"
"คุณหนู อย่าเพิ่งหมดหวังเลยครับ"
ณจันทร์ชะงัก หันไปเห็นคำสูรย์เดินเข้ามา
"ถึงพิธีแก้คำสาปเสือจะไม่สำเร็จ ก็ยังมีทางอื่นอยู่ครับ"
"อาหมายความว่ายังไง"
"ตอนอยู่ที่หมู่บ้านผาสมิง ก่อนวันที่จะทำพิธี อาไปหาปู่แถน แล้วก็ได้รู้ว่า ไม่ได้มีแค่พิธีล้างคำสาปเสือเท่านั้น มันยังมีวิธีอื่นอยู่อีก"
ณจันทร์เดินเข้ามาใกล้คำสูรย์ มีความหวังอีกครั้ง คำสูรย์ยิ้มแล้วเล่าต่อ
คำสูรย์ย้อนคิดถึงวันนั้น ปู่แถนเพิ่งตอบคำถามของคำสูรย์จบ เมื่อได้ยิน คำสูรย์เต็มไปด้วยความกังวล
"มันอาจเป็นลิขิตของฟ้า ข้าหรือเจ้าหรือใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้"
คำสูรย์มองปู่แถน สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลกลัวพิธีจะไม่สำเร็จ
คำสูรย์เบาๆ
"โธ่ คุณหนู ...ขอให้พิธีคืนพรุ่งนี้สำเร็จทีเถอะ"
คำสูรย์หันมองออกไปที่ลานหมู่บ้าน ด้วยความหวังสุดท้าย ปู่แถนที่นิ่งไปเหมือนคิดบางอย่างอยู่ ก็พูดขึ้น
"แต่มันยังพอมีหนทาง"
ปู่แถนจ้องคำสูรย์สีหน้าจริงจัง ก่อนจะแหงนหน้ามองฟ้า ลังเลที่จะพูด ปู่แถนบ่นพึมพำ "นี่ข้ากำลังฝืนลิขิตฟ้าอยู่รึเปล่านะ"
ปู่แถนเหมือนชั่งใจ แต่แล้วก็หันกลับมาบอกคำสูรย์
"คัมภีร์ปิดผนึกสมิง"
คำสูรย์ทวนคำ
"คัมภีร์ปิดผนึกสมิง ... มันคืออะไรปู่แถน"
คำสูรย์กระตือรือร้น ปู่แถนถอนหายใจ
"คัมภีร์อักขระเนปาล ที่บันทึกบทสวดแก้คำสาปเสือสมิง ที่พระเนปาลที่สร้าง หมู่บ้านผาสมิงท่านได้ทำไว้
"มันอยู่ไหนล่ะปู่แถน ขอให้ข้าเถอะ"
"มันไม่ได้อยู่ที่นี่"
"อ้าว แล้วอยู่ที่ไหนล่ะปูแถน"
"พม่า คัมภีร์อยู่ที่พม่า"
ปู่แถนกับคำสูรย์จ้องหน้ากัน
คำสูรย์เล่าจบ
" พม่า พม่าหรอ"
ณจันทร์สีหน้ามีความหวังอีกครั้ง
"งั้นฉันไปด้วย"
"อย่าดีกว่าครับ อาไปคนเดียวจะสะดวกกว่า ไอ้เสือผีตัวนั้นมันจะได้ไม่สงสัย ถ้าได้เรื่องอะไรแล้วอาจะกลับมาบอก คุณหนูไปรอฟังข่าวอยู่ที่นี่เถอะครับ"
"นั่นนะสิ อยู่กับป้าที่นี่เถอะ จะได้ช่วยดูแลกันได้"
ณจันทร์นิ่งไป สีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่
"เขี้ยวเสือปลุกเสกอันสุดท้ายที่อาเหลืออยู่ คุณหนูรับเอาไว้เถอะครับ ใช้นี่หลบซ่อนตัว จนกว่าอาจะกลับมา"
"แน่ใจเหรออาว่าคราวนี้มันจะได้ผลอีก"
"ถ้ามันมองไม่เห็นคุณหนู แล้วก็อยู่ไกลเกินกว่าที่จะตามกลิ่นได้ รับรองว่ามันไม่รู้หรอกครับว่าคุณหนูอยู่ที่ไหน"
ณจันทร์รับเขี้ยวเสือเอามา และครุ่นคิด
วันต่อมา ปักษะวางโทรศัพท์ของโรงแรมที่พักในเชียงใหม่ลงอย่างหงุดหงิด อาชานั่งอยู่ข้างๆกำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าอยู่
"ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมเขาไม่ยอมรับสายฉัน สองวันมาแล้วนะเว้ย ตอนที่ออกจากป่าเขาก็ไม่ยอมพูดกับฉันเลย มันอะไรกันวะ"
"ไม่เห็นต้องถาม มันออกจะชัดเจนยังนี้ เขาไม่อยากเจอแก แกก็เลิกตื้อเขาได้แล้ว"
ปักษะลุกขึ้นจะเดินออกไป
"เดี๋ยว ปักษะ แกจะไปไหน"
"ฉันจะไปหาณจันทร์"
"แต่เราต้องกลับกรุงเทพเย็นนี้แล้วนะเว้ย"
"ฉันทนให้ถึงกรุงเทพไม่ไหวหรอก ยังไงฉันก็ต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง"
อาชามองตามปักษะเริ่มเป็นห่วง
อาชาวิ่งมาขวางปักษะไว้ที่ทางเดิน
"เดี๋ยวก่อน"
"อะไรอีกวะ"
อาชาจริงจัง
"มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากให้แกรู้"
ปักษะชะงักไปเมื่อเห็นเพื่อนท่าทางจริงจัง
"คืนนั้น คืนวันทำพิธี ที่มีเสือมาอาละวาดในหมู่บ้าน ในถ้ำก่อนที่ฉันจะสลบไป ฉันเห็น…เห็นบางอย่าง"
"ทำไม แกเห็นอะไร"
"ฉันเห็น…เห็นเงาของคน เงาของณจันทร์ มันเปลี่ยนไป กลายเป็น…เป็นอย่างอื่น"
"เป็นอะไร"
อาชานิ่งคิด มองปักษะ แล้วก็ครุ่นคิดว่านี่เขากำลังพูดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ปักษะจะหัวเราะเยาะเขาเปล่าๆ
"ว่าไงวะ ถ้าแกไม่พูด งั้นค่อยคุยตอนที่ฉันกลับมาแล้วกัน"
อาชาดึงไว้
"เดี๋ยว ฉันเห็น…เงาของณจันทร์กลายเป็น..เสือ"
ปักษะชะงัก อาชามองเพื่อนลุ้นว่าจะเชื่อที่ตัวเองพูดหรือเปล่า
"หมายความว่า… อ้อ นี่แกจะมาบอกว่าคุณณจันทร์เขาเลี้ยงเสืออีกใช่ไหม ขอร้องเหอะวะ ฉันเบื่อเรื่องนี้เต็มทีแล้ว"
"เปล่า..แต่ฉันแค่สงสัยว่า บางทีคำบอกเล่าของชาวบ้าน. รื่องเสือ อาจมีส่วนจริงอยู่บ้าง"
ปักษะชะงัก
"นี่อย่าบอกนะว่าแกเชื่อเรื่องเสือสมิงอะไรนั่น แกคงไม่คิดว่าคุณณจันทร์เค้าเป็นเสืออย่างที่ใคร ๆ เค้าว่ากันหรอกนะ"
อาชานิ่งอึ้งไป ถึงจะเริ่มสงสัย แต่ก็ยังไม่อยากพูดได้เต็มปากว่าเชื่อ !
"อะไรวะ แกนี่พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย ฉันว่าแกหมกมุ่นกับเรื่องพิธีเสือสมิงมากเกินไปหน่อยแล้วนะ แทนที่แกจะหาเรื่องกับคุณณจันทร์ ฉันว่าแกไปสืบสวนเรื่องพวกค้าสัตว์ป่าดีกว่า เชื่อฉันซี เรื่องนี้ในไม่มีอะไรเกี่ยวกับณจันทร์แน่ ฉันไปก่อนนะเว้ย"
ปักษะรีบเดินออกไปโดยไม่สงสัยอะไรกับคำพูดของอาชาทั้งนั้น อาชายังคงยืนครุ่นคิดอยู่
"ยังหรอก...เรื่องแบบนี้มันต้องมีการพิสูจน์"
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสือ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ปักษะเข้ามาที่บ้านนวล เจอกับคำแปงที่กำลังทำงานบ้านอยู่ หันมาเห็นพอดี
"สวัสดีคะ"
"ผมมาหาณจันทร์ ณจันทร์อยู่หรือเปล่าครับ"
"เอ่อ ไม่อยู่หรอกคะ"
"ออกไปข้างนอกเหรอครับ ไม่เป็นไร ผมจะอยู่รอ"
"ไม่ใช่คะ คุณหนูไม่ได้ออกไปข้างนอก"
ปักษะชะงัก คำแปงมองอย่างเห็นใจ
"คุณหนูบินกลับกรุงเทพตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วล่ะคะ"
ปักษะอึ้ง ไม่คิดเลยว่า ณจันทร์จะกลับไปโดยไม่บอกลาเขาสักคำ
วันต่อมา ณจันทร์เข้ามาในออฟฟิศด้วยท่าทางที่ยังไม่ค่อยดี ลูกปลา สมชัย และวิฬาร์ที่ทำงานอยู่ต่างชะงัก ลูกปลาและสมชัยรีบเข้าไปหา
"ณจันทร์ ต๊าย! นี่เธอยังมีชีวิตอยู่เหรอยะ ฉันกับยายลูกปลาเกือบจะไปประกาศคนหายให้เขาช่วยตามหาเธอแล้ว"
"นั่นนะสิ จู่ๆเธอก็หายไป รู้ไหมบอสเขาตามหาเธอให้วุ่นขนาดไหน"
ณจันทร์ชะงัก
"แต่ฉันฝากลาไว้แล้วนะ"
ณจันทร์หันไปเห็นวิฬาร์ ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ก็เลยเข้าใจว่า เรื่องทั้งหมดเป็นแผนของวิฬาร์
"ทีหลังถ้าจะทิ้งงานไปเที่ยว ก็หาข้อแก้ตัวที่มันดูเข้าท่ากว่านี้หน่อยสิ"
"นั่นสิ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน"
ทุกคนชะงัก เมื่อเห็นเกรียงเดินเข้ามาหน้าตาซีเรียสเข้ามา
"เข้าไปคุยกับผมที่ห้องด้วยณจันทร์ เดี๋ยวนี้เลย"
เกรียงเดินเข้าห้อง ณจันทร์ตามไป ลูกปลาและสมชัยกังวล วิฬาร์ยิ้มเยาะ คิดว่าคราวนี้ ณจันทร์ต้องโดนไล่ออกแน่ๆ
ในห้องทำงาน เกรียงต่อว่าณจันทร์
"ผมเคยคิดว่าคุณจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้นะณจันทร์ แต่นี่อะไร ทิ้งงาน หายไปตั้งสองอาทิตย์ โดยไม่บอกกล่าวคุณจะให้ผมเข้าใจว่ายังไงณจันทร์"
"ความจริงดิฉันทำตามกฏของบริษัททุกอย่าง ดิฉันแจ้งลาก่อนที่จะไปแล้ว แต่คงมีใครบางคนคงไม่อยากแจ้งให้บอสรู้มั้งคะ"
"คุณหมายความว่าไง"
"ช่างเถอะคะ เอาเป็นว่าดิฉันขอโทษ ดิฉันมีธุระจำเป็นที่ต้องลางานจริงๆ"
เกรียงหงุดหงิด
"ธุระอะไรมันถึงได้จำเป็นขนาดนั้น มันสำคัญมากกว่าลูกค้า สำคัญมากกว่าบริษัทเลยหรือไง"
ณจันทร์นิ่งเงียบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร
"ว่าไง ธุระอะไรของคุณ"
"ดิฉันบอกบอสไม่ได้หรอกคะ"
"ถ้าบอกไม่ได้ก็แสดงว่ามันไม่ได้สำคัญจริง ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเหลวไหลแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาไล่คุณออกไปนานแล้ว"
"ไม่จำเป็นหรอกคะ บอสไม่ต้องไล่ดิฉันออก ดิฉันขอลาออกเอง"
แล้วณจันทร์ลุกขึ้นจากห้องไปเลย เกรียงได้แต่นิ่งอึ้ง
ณจันทร์เปิดประตูห้องออกมาอย่างแรง เดินมาเก็บของส่วนตัวที่โต๊ะ เกรียงรีบเดินตามมา ลูกปลาและสมชัยมองตามอย่างแปลกใจ
"เดี๋ยวก่อนณจันทร์ ผมยังไม่ทันว่าอะไรคุณรุนแรงเลยนะ คุณอย่าเพิ่งหุนหันแบบนี้สิ"
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบอสหรอกคะ ถึงยังไงดิฉันก็ต้องตัดสินใจแบบนี้อยู่ดี"
"คุณพูดอะไร แล้วงานบริษัท แล้วลูกค้าอีกละ อะไรกันอยู่ๆจะมาลาออกยังนี้ได้ไง"
คราวนี้ทั้งสมชัยและลูกปลาหูผึ่ง รีบมาพูดกันใหญ่
"ใครลาออกคะบอส ณจันทร์ อย่าบอกนะว่าเป็นเธอ"สมชัยว่า
ณจันทร์นิ่งไป
"ขอโทษทีนะลูกปลา แต่ฉันต้องไปแล้วจริงๆ"
"อะไรนะ บ้า เธอไปไม่ได้นะณจันทร์" สมชัยบอก
"แหม ก็คนเขาไม่อยากจะอยู่ แล้วจะไปห้ามเขาทำไมละ เออีทำงานดีมีความสามารถก็มีอีกตั้งเยอะแยะ"
สมชัยไม่พอใจ ทำท่าจะด่า แต่เกรียงสวนขึ้นมาก่อน
"เหมียว ถ้าคุณไม่พูดก็ไม่ได้มีใครหาว่าคุณเป็นใบ้หรอกนะ"
วิฬาร์จ๋อยไป ณจันทร์เก็บของส่วนตัวใส่กล่องเสร็จ จะหอบของออกไป แต่ลูกปลามาขวางและดึงกล่องไว้
"เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งสิ พูดกันให้รู้เรื่องก่อน เธอจะทิ้งพวกเราไปแบบนี้ได้ยังไง"
"ใช่ บอกผมมาก่อนณจันทร์ คุณมีเหตุผลอะไรถึงต้องออกจาก Plus One"
ณจันทร์นิ่งอึ้งไป
"ฉันบอกไม่ได้หรอกคะ แต่เชื่อเถอะนะคะ นี่เป็นทางที่ดีที่สุด ฉันอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ... ฉันไปก่อนนะลูกปลา สมชัย"
แล้วณจันทร์ก็ดึงกล่องของจากมือลูกปลามา ก่อนที่จะเดินออกไปเลย ทุกคนได้แต่นิ่งอึ้งในการตัดสินใจของณจันทร์ มีแต่วิฬาร์เท่านั้นที่ยิ้มอย่างยินดี
ภายนอกกองปราบปราม วันเดียวกัน แฟ้มรายงานถูกวางกระแทกบนโต๊ะ สารวัตรนั่งอยู่บนโต๊ะ โดยมีอาชานั่งอยู่ตรงข้าม สารวัตรมีท่าทางไม่พอใจมาก
"นี่เหรอรายงานของคุณ คุณจะอธิบายว่ายังไงเฮอะคุณอาชา"
"ทุกอย่างผมเขียนไว้ในนั้นหมดแล้วครับ"
สารวัตรไม่พอใจ
"นี่ผมส่งคุณให้ขึ้นไปเชียงใหม่ แต่คุณกลับไปสืบเรื่องพิธีไล่เสือผี เรื่องคำสาปเสือมาให้ผม เอามาทำอะไร คุณจะไปเป็นนักเขียนนิยายผีเหรอไง"
"ผมคิดว่าข้อมูลพวกนั้นสำคัญกับคดี นี่อาจจะเป็นร่องรอยที่จะทำให้เรารู้ตัวฆาตกรได้
สารวัตรคุณจะตามหาฆาตกรที่ไหนอีก ก็นิติเวชเขาก็ออกเอกสารมาแล้ว ว่าเป็นฝีมือของเสือ"
อาชาอึกอัก
"แต่…แต่ผมไม่คิดว่าเสือตัวนี้มันจะธรรมดา"
"ไม่ธรรมดายังไงคุณบอกผมมาสิ"
อาชานิ่งอึ้งไป ไม่รู้จะบอกได้ยังไงว่า สงสัยเสือนั้นคือเสือสมิง
"นี่คุณคงไม่จะบอกผมว่า คุณสงสัยว่ามันเป็นเสือสมิงหรอกนะ"
อาชานิ่งไป ทำท่าจะตอบออกมา แต่แล้วสารวัตรก็พูดสวนออกมาก่อน
"เพราะไม่งั้นผมคงต้องพักงานคุณแล้วส่งคุณไปเช็คประสาทซักรอบแล้ว คุณตามคดีนี้มาพอแล้ว ผมจะส่งคดีไปให้ทางกรมป่าไม้เขาจัดการตามล่าเสือหลุดตัวนี้ ส่วนคุณไปช่วยผู้กองเอกเขาตามเรื่องยาบ้า"
"แต่สารวัตรครับ ผมว่า…"
สารวัตรดุ
"ผมไม่ได้ขอร้องคุณนะอาชา แต่นี่เป็นคำสั่ง ออกไปได้แล้ว"
อาชาอึ้ง จำใจต้องลุกออกจากห้องไปด้วยความเจ็บใจ
"เอาหนังสือของคุณไปด้วย แล้วเลิกฟุ้งซ่านได้แล้ว"
อาชาออกมาจากห้อง ตำรวจที่นั่งอยู่นอกห้อง มองอาชา แล้วหันหน้าไปซุบซิบกัน เขารู้สึกขายหน้า ขว้างหนังสือเล่มนั้นทิ้งอย่างมีอารมณ์ ทุกคนจึงเลิกซุบซิบ
จ่ายุทธ วัย 45 ปี หยิบขึ้นมาและมองอย่างครุ่นคิด
"หมวดครับ หนังสือของหมวดครับ"
ยุทธยื่นหนังสือให้ อาชาโยนหนังสือไปกองอีกทางหนึ่งอย่างไม่ใสใจ
" ช่างเถอะ มันคงจะไม่มีประโยชน์แล้ว"
จ่ายุทธยังคงมองอาชานิ่งอยู่
"ว่าไงจ่า จะพูดอะไรกับผมก็เชิญเลย จะว่าผมเพ้อเจ้อ หรือเพี้ยนไปแล้วก็ได้ ที่อยู่ๆไปหลงเชื่อเรื่องบ้าๆแบบนี้"
จ่ายุทธนิ่งไปนิดก่อนตอบ
"แล้วถ้าผมบอกว่าผมก็เชื่อเรื่องบ้าๆของหมวดเหมือนกันละครับ"
อาชาชะงัก หันมามองจ่ายุทธที่นั่งลงคุยกับอาชา
"ผมสงสัยตั้งแต่เห็นรอยเท้าที่ศพแล้ว มันมีทั้งรอยเท้าคนกับรอยเท้าเสือที่ต่อเนื่องกันรอยเท้าแบบนี้มันเป็นรอยเท้าของ ... เสือสมิง"
อาชานิ่งอึ้ง มองจ่ายุทธ ไม่คิดว่าจะได้เพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่างไม่คาดฝัน
ภายในบ้านเช่า ซึ่งดูทรุดโทรม มีพงหญ้า และต้นไม้ปกคลุม คล้ายๆป่า ที่ประตูรั้ว เจ้าของบ้านไขกุญแจเข้ามา ก่อนที่ณจันทร์จะเดินตามมา
"บ้านมันโทรมหน่อยนะคะคุณ พอดีไม่ได้มีคนมาเช่าอยู่เสียนาน"
ณจันทร์กวาดตามองดูสภาพรอบๆบ้าน
"แล้วนี่จะมีใครมาดูบ้านด้วยอีกหรือเปล่าคะ ฉันจะได้เปิดบ้านไว้"
"ไม่คะ มีแค่ฉันคนเดียว"
เจ้าของบ้านแปลกใจ
"อยู่คนเดียวเหรอคะ เอ่อ ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้หมายความว่าไม่ดี แต่บ้านนี้มันค่อนข้างห่างไกลผู้คนนะคะ ต้องเดินไปหน้าปากซอยโน่นถึงจะมีบ้านคน แต่มันก็เงียบสงบดีนะคะ"
"ตกลงคะ ฉันจะเช่าที่นี่"
เจ้าของบ้านยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่
"ไม่ทราบว่าฉันจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เร็วที่สุดเมื่อไรคะ"
ภายในห้องประชุมที่ออฟฟิศ เกรียงแจ้งให้ทุกคนทราบ
"ตกลงเป็นอันว่า ให้เหมียวเป็นคนรับผิดชอบงานแทนณจันทร์ทั้งหมด"
"ไม่รอก่อนเหรอคะบอส ณจันทร์อาจจะกลับมาก็ได้"
"ผมนะรอได้ แต่ลูกค้าคงรอไม่ได้หรอก"
เกรียงลุกออกไป
"ถ้าคิดถึงเพื่อนเธอนัก ก็ตามไปสิ ฉันไม่อยากจะรั้งพวกเธอไว้หรอกนะ ถ้าจะยื่นใบลาออกเมื่อไรก็บอกแล้วกัน จะได้เลี้ยงส่ง" วิฬาร์ว่า
แล้ววิฬาร์ก็เดินยิ้มด้วยท่าทางของผู้ชนะ ลูกปลาและสมชัยหมั่นไส้มาก
สมชัยและลูกปลาเมาท์กันอยู่นอกห้อง
"หมั่นไส้จริงจริ๊ง ยัยชะนีขึ้นวอ ทำมาเป็นชูคอ เลี้ยงส่งเหรอยะ ฉันจะกรวดน้ำส่งละสิไม่ว่า"
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันเป็นห่วงเรื่องณจันทร์มากกว่า"
"นั่นนะสิ ฉันว่ามันยังไงๆอยู่นะ อยู่ๆยัยณจันทร์ก็มาลาออก ไม่ยอมบอกเหตุผลด้วย" "เคยพูดอะไรให้เธอฟังมั่งหรือเปล่าลูกปลา"
ลูกปลาส่ายหน้า
"พักหลังนี่ณจันทร์ดูแปลกไปจริงๆ"
" ณจันทร์ทำไมเหรอครับ"
ทั้งสองชะงัก เมื่อหันไปเห็นปักษะยืนอยู่
"ผมมาหาณจันทร์ ณจันทร์อยู่ไหมครับ"
ลูกปลาและสมชัยมีสีหน้าลำบากใจ
ปักษะรู้เรื่องจากลูกปลา
"ลาออกเหรอครับ"
"คะ พวกเราเองก็เพิ่งรู้เมื่อเช้า นี่ยังอึ้งไม่หายเลย"
ปักษะพลางบ่น
"ทำไมณจันทร์ทำอะไรไม่บอกผมเลย ตอนที่กลับมาจากเชียงใหม่ก็ทีหนึ่งแล้ว"
"เชียงใหม่? ณจันทร์ไปเชียงใหม่เหรอคะ" สมชัยถาม
"ครับ ผมตามเขาไปด้วย แต่พอหลังจากเกิดเรื่องที่วัดป่า เขาก็เอาแต่หลบหน้าผมตลอด"
"เดี๋ยว นี่หมายความว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ"
"นั่นสิ ณจันทร์ไปทำอะไรที่นั่นเหรอคะ" สมบชัยถาม
"มันมีเรื่องเยอะไปหมดเลยละครับ ผมไม่รู้จะเล่ายังไงดี ที่จริงผมก็ไม่แน่ใจว่า ณจันทร์ไปที่นั่นทำไม แต่เขาบอกผมว่าเขาต้องเข้าไปที่หมู่บ้านกลางป่านั่น เพื่อสะเดาะเคราะห์"
"สะเดาะเคราะห์? คนอย่างณจันทร์นะเหรอ เขาแทบไม่เชื่อเรื่องโชคเรื่องดวงด้วยซ้ำ นี่มันไม่เหมือนณจันทร์ที่ฉันรู้จักเลยนะ" ลูกปลาบอก
ลูกปลาและสมชัยยิ่งเพิ่มความสงสัยเข้าไปอีก
"ฉันสงสัยจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับณจันทร์กันแน่" ลูกปลาบอก
จ่ายุทธและอาชากำลังนั่งคุยกันที่โต๊ะในร้านอาหารเล็กๆ
"เห็นผมอย่างนี้นะหมวด แต่ผมนี่โตมากับป่ากับเขา ผมได้ยินเรื่องของเสือสมิงมาตั้งแต่เด็ก รู้หมดแหละ ว่าไอ้พวกนี้มันเป็นยังไงบ้าง"
"ยังไงล่ะ"
จ่ายุทธบอก
"อย่างแรกก็คือ ถ้ามองภายนอก พวกมันก็จะเหมือนคนธรรมดา เฉพาะในคืนวันเพ็ญเท่านั้น ที่มันจะกลายร่างเป็นเสือ แต่ก็มีบางตัวที่อยู่มาเป็นร้อยๆปีก็มีอำนาจแกร่งกล้า พอที่จะกลายร่างได้ทุกเมื่อที่มันต้องการ"
ขณะเดียวกันที่จ่ายุทธพูด อาชาก็ย้อนคิดตามไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
อาชาเห็นเงาของณจันทร์จากคนกลายเป็นเสือที่ในโบสถ์
"แล้วเราจะมีวิธีสังเกตได้ไหม ว่าคนไหนที่เป็นเสือสมิง"
"ได้สิ ถ้าเราเห็นตอนมันกิน พวกนี้มันไม่กินข้าวหรือพืชผักเหมือนคนทั่วไป เสือเป็นสัตว์กินเนื้อ แม้ตอนที่เป็นคนก็จะต้องกินแต่เนื้อสดๆเท่านั้น"
"แค่นั้นยังไม่พอหรอกจ่า มีอย่างอื่นอีกไหม"
" ถ้างั้นคงต้องรอให้ถึงคืนวันเพ็ญ ที่จะเห็นมันกลายร่าง แต่จะเสี่ยงหน่อยก็ตรงที่..."
"ทำไม มีอะไรเหรอ"
"ตามตำนานเสือสมิงบอกว่า เมื่อถึงคืนวันเพ็ญที่เหมาะสม พลังของสมิงถึงอำนาจสูงสุด เสือร้ายมันจะต้องสมสู่กัน ก่อให้เกิดทายาทสืบต่อไปถึงลูกถึงหลาน พิธีนี้ถือว่าเป็นพิธีที่สำคัญที่สุดของพวกมันเลยละ แต่ผมเองก็ไม่ทราบหรอกครับว่าเมื่อไหร่"
"นี่จ่าหมายความว่ามันมีเสือสมิงอีกตัวที่ต้องการสมสู่กับณจันทร์งั้นเหรอ"
"ผมก็แค่สงสัยเท่านั้น…หมวดบอกผมเองไม่ใช่เหรอครับว่าคืนวันนั้น เสือที่ไปอาละวาดที่หมู่บ้านกลางป่านั่น มันมีสองตัว"
อาชาครุ่นคิด
"ถ้าที่จ่าพูดเป็นจริง แล้วใครล่ะคือสมิงอีกตัว แล้วเมื่อไหร่ล่ะคือ คืนเพ็ญที่เหมาะสม….ของพวกมัน"
บ้านพรหมพยัคฆ์ ในห้องทำพิธีที่ดูมืดสลัว มีเพียงแสงจากเทียนหลายเล่มส่องสว่างรอบตัวของพรหมพยัคฆ์ที่นอนเปลือยกายอยู่ มีกลุ่มควันลอยขึ้นจากตัวพรหมพยัคฆ์คล้ายการอบสมุนไพร และมีลายเมฆเฝ้าดูอยู่ห่างๆ
ตาของพรหมพยัคฆ์ซึ่งปิดอยู่ เปิดขึ้น แล้วขยับลุกขึ้นหันหน้าเข้าหาแท่นบูชา ลายเมฆเดินนำเสื้อคลุมแบบแขกมาคลุมให้
"เรียบร้อยแล้วหรือครับ นายท่าน"
"ใช่"
"แล้วนายท่านจะทำอย่างไรต่อไปครับ"
"อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงเพ็ญเดือนแปดแล้ว ฉันจะปล่อยให้ณจันทร์อยู่อย่างตามลำพังอีกต่อไปไม่ได้ เตรียมรถให้ฉันด้วย"
ณจันทร์กำลังเอากระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเปิดตู้เสื้อผ้า ก่อนที่จะดึงเสื้อผ้าออกมา ใส่กระเป๋า เธอหยิบของชิ้นสุดท้ายออกมาจากลิ้นชักคือเขี้ยวเสือ ยังไม่ทันที่จะสวม
ทันใดนั้น ณจันทร์ก็รู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาทันใด เธอรีบเปิดหน้าต่าง มองไปด้านล่าง เห็นแต่ไกลว่า รถของพรหมพยัคฆ์แล่นเข้ามาจอดที่ด้านหน้าคอนโดฯ
เธอถือกระเป๋าเดินทาง รีบออกมาจากห้อง บัวที่เดินมาตามทางทัก
"คุณณจันทร์จะไปไหนเหรอคะ"
พรหมพยัคฆ์และลายเมฆเดินเข้ามาในล็อบบี้ ทันใดนั้นเขาก็ชะงัก รู้สึกถึงบางอย่าง เมื่อณจันทร์กำลังสวมเขี้ยวเสือที่คอ พรหมพยัคฆ์รู้สึกได้ทันทีว่า ณจันทร์กำลังจะหายไป
"ณจันทร์! เธอกำลังจะหนีอีกแล้ว"
ประตูลิฟต์เปิด พรหมพยัคฆ์และลายเมฆมาถึงที่ทางเดินหน้าห้อง ณจันทร์กำลังจะเดินไปที่ห้อง แต่ทันใดนั้นก็ชะงัก
"เดี๋ยว! ฉันยังได้กลิ่นน้ำหอม…กลิ่นของเธออยู่แถวนี้"
พรหมพยัคฆ์มองไปเห็นลิฟต์อีกตัวหนึ่งกำลังจะปิดลง เห็นแวบๆว่า ณจันทร์อยู่ในนั้นเลขที่ชั้นกำลังเพิ่มขึ้น
"ณจันทร์ขึ้นไปข้างบน"
ลิฟต์อีกตัวหนึ่งยังไม่มา พรหมพยัคฆ์ตัดสินใจวิ่งไปที่ทางหนีไฟทันที
พรหมพยัคฆ์กระโจนอย่างเสือตามทางหนีไฟ จะไปให้ถึงก่อนณจันทร์
ที่ชั้น 9 พรหมพยัคฆ์ออกมาหน้าลิฟต์ แต่ก็ไม่ทัน ลิฟต์ขึ้นไปแล้ว
"บ้าจริง"
ที่ชั้น 13 ประตูลิฟต์เปิดออก คนทยอยกันออกจากลิฟต์จนเหลือแค่คนเดียว ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลง ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งเข้ามาดันไว้ พรหมพยัคฆ์เข้ามาในลิฟต์ ผู้หญิงคนนั้นหันมาตกใจ ปรากฏว่าเป็นบัวที่ถือเสื้อผ้าของณจันทร์ด้วยไม้แขวนเสื้อ พรหมพยัคฆ์ชะงัก
"นี่แก!"
บัวกลัว
"คุณ..คุณอีกแล้วเหรอ"
พรหมพยัคฆ์กระชากคอเสื้
"แกจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปไหน"
"คุณณจันทร์ให้บัวคะ แล้วบอกให้บัวรีบขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน…บัวก็ไม่รู้ว่าเธอทำยังงั้น ทำไม บัวไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยเลยนะคะ"
พรหมพยัคฆ์อึ้ง แค้น รู้ตัวว่าโดนณจันทร์หลอกซะแล้ว
" นี่เธอกล้าหลอกฉันเหรอณจันทร์"
พรหมพยัคฆ์ผลักบัวออกจากลิฟท์ แล้วรีบกดลิฟท์ลงไปชั้นล่าง
ณจันทร์อยู่ในรถแท็กซี่ ไปไกลจากที่คอนโดแล้ว ยังอดหันมามองด้านหลังไม่ได้อย่างกังวล
ปักษะออกจากลิฟท์ตรงไปเคาะประตูที่ห้องณจันทร์
"คุณณจันทร์…คุณณจันทร์ครับ"
พรหมพยัคฆ์ท่าทางหงุดหงิดจัด เดินออกไป ขึ้นรถพร้อมกับลายเมฆ แล้วแล่นออกไป
รถของอาชาเข้ามาจอด สวนกับรถของพรหมพยัคฆ์ที่แล่นออกไป อาชามอง
"นั่นมันนายพรหมพยัคฆ์นี่หว่า ทำไมนายนี่ถึงมาป้วนเปี้ยนแถวณจันทร์ตลอดเลยวะ"
อาชาจอดรถเดินเข้าไปที่ล็อบบี้
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสือ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ปักษะกำลังจะเดินกลับไปที่ลิฟต์และลองโทรศัพท์หาณจันทร์อีกครั้ง
"ทำไมไม่เปิดนะ"
บัวออกมาจากลิฟท์พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
"ขอโทษครับ ผู้หญิงที่อยู่ห้องนี้ คุณณจันทร์นะครับ ไม่อยู่หรือครับ"
"เพิ่งย้ายออกไปได้สักชั่วโมงกว่านี่เองคะ"
"ย้าย"
"คะ แล้วนี่บัวก็มาทำความสะอาด ก่อนที่จะเอากุญแจไปฝากไว้กับทางคอนโดนี่แหละค่ะ"
"แล้วพอจะรู้ไหมครับ ว่าคุณณจันทร์เธอย้ายไปไหน"
"เธอก็ไม่ได้บอกไว้หรอกค่ะ" บัวบ่นกับตัวเอง "ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย"
"มีอะไรเหรอครับ"
"ก็เมื่อกี้ ก็มีคนมาถามหาคุณณจันทร์เหมือนกัน แต่คนอะไรไม่รู้ดุชะมัด"
ปักษะชะงัก
ปักษะเดินออกมาจากลิฟต์ เห็นอาชากำลังคุยกับรปภ.ตรงล็อบบี้
"แกมาทำอะไรที่นี่วะ"
"แล้วแกละมาทำไม" ปักษะถาม
"ฉันก็มีเรื่องจะต้องสอบปากคำคุณณจันทร์ของแกนะสิวะ"
"รู้สึกว่าแกจะมาช้าเกินไปแล้วละวะ"
อาชาล้อเล่น
"ทำไม… เธอหนีไปพรหมพยัคฆ์งั้นเหรอ"
ปักษะงง
ภายในบ้านปักษะ คืนเดียวกัน อาชาฟังเรื่องทุกอย่างจากเพื่อนแล้ว
"นี่แสดงว่า คุณณจันทร์ของแกก็ติดปีกบินหนีไปแล้วใช่ไหม"
"ใช่ ฉันมืดแปดด้านไปหมด ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน เพราะไอ้บ้านั่นแท้ๆ ฉันไม่เข้าใจ ทำไมมันยังไม่เลิกรังควานเธอสักทีวะ แล้วณจันทร์ก็ยังไม่ยอมแจ้งตำรวจให้จับมันอีก"
"เขาสองคนอาจจะมีความเกี่ยวข้องกันมากกว่าที่แกคิดก็ได้"
ปักษะไม่พอใจ
"นี่แกพูดอะไร ณจันทร์นะเกลียดพรหมพยัคฆ์จะตาย ไม่งั้นคงไม่หนีไปยังนี้หรอกวะ"
"แกคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ณจันทร์หายไปงั้นเหรอ"
"ถ้าไม่ใช่แล้วอะไร หรือแกจะหาว่าเขาหนีคดีไปอีก"
"เปล่า… ฉันคิดว่าเขาหนีไป เพราะกลัวคนจะรู้ความจริงว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ต่างหาก"
ปักษะเริ่มรำคาญ
"นี่อาชา"
"ฉันปะติดปะต่อเรื่องได้หมดแล้ว ทั้งเรื่องคดี เรื่องพิธีในป่า แล้วก็เรื่องณจันทร์ คำตอบมัน เหมือนที่พวกชาวบ้านเคยพูด ฉันรู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง… ณจันทร์เป็นเสือสมิง พิธีล้างคำสาปในคืนนั้นเป็นเรื่องจริง!"
ปักษะนิ่งงัน ไม่เชื่อ ไม่คิดว่าเพื่อนจะมาเชื่อเรื่องอะไรพรรค์นี้
"อาชา"
"แกเชื่อฉันสิวะ… ฉันเห็นมากับตา ณจันทร์ผู้หญิงที่แกชอบ…เธอไม่ใช่คน! ไม่ใช่แค่นั้นนะ มันยังมีเสือสมิงตัวผู้อีกตัวหนึ่ง ที่คอยตามเธอมา แล้วฉันก็สงสัยว่ามันจะเป็น…"
ปักษะพูดสวน
"พอได้แล้ว!นี่มันยุคอะไรแล้ววะ แกยังงมงายเชื่อเรื่องแบบนี้อีก ฉันถามแกจริง ๆ เหอะ แกหมดปัญญาตั้งข้อหาเขาแล้วใช่ไหม แกคิดจะจับเขาด้วยข้อหาว่าเขาเป็นเสืองั้นเหรอ"
อาชาเริ่มนิ่งเงียบ คิดได้ว่าถึงพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อเรื่องที่เขาพูด
"ฉันบอกได้เลยนะ ว่าทั้งเจ้านายแก นักข่าว แล้วก็ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ เขาต้องหัวเราะเยาะแก…ตำรวจที่คิดว่ามีผู้ต้องหาเป็นเสือสมิง! ทุกคนเขาจะบอกว่าแกเป็นบ้าไปแล้ว"
"โอเค ฉันมันบ้า ฉันมันเพี้ยน ที่คิดว่าแม่นางฟ้าแสนวิเศษของแกไม่ใช่คน" เขาชี้หน้าปักษะ "แต่ฉันจะหาหลักฐานมาพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ ฉันจะทำให้แกรู้ว่าผู้หญิงคนนี้อันตรายแค่ไหน ก่อนที่จะมีเหยื่อรายต่อไปต้องตายเพราะเขาอีก"
แล้วอาชาเดินจากไปอย่างโมโห ปักษะอึ้งไปที่เห็นอาชาจริงจังกับเรื่องนี้ขนาดนั้น
ในห้องพิธี พรหมพยัคฆ์กระดกแก้วไวน์เข้าคออย่างแค้นใจ ลายเมฆยืนอยู่ข้างๆ
"ทำไม ทำไมณจันทร์ไม่ยอมรับสิ่งที่เธอเป็น…ไม่ยอมรับฉันสักที กล้าหักหลังฉันครั้งแล้วครั้งเล่า"
พรหมพยัคฆ์เขวี้ยงแก้วลงกับพื้น ท่าทางโกรธมาก
"คอยดู ถ้าฉันเจอเธออีก ฉันจะขังเธอเอาไว้ ไม่ให้ออกไปไหนได้อีก เธอจะไม่มีวันมาหลอกฉันได้อีกแล้ว"
"แต่เราจะหาเธอเจอได้ยังไงละครับ ในเมื่อนายท่านมองไม่เห็นเธอ"
พรหมพยัคฆ์มองอย่างไม่พอใจ ลายเมฆเงียบ
"เป็นเพราะพลังของเขี้ยวเสือลงอาคมนั่น... มันทำให้ข้ามองไม่เห็น ไม่ได้กลิ่นของเธอ ... ทำให้เธอหลบหนีจากข้าไปได้"
"งั้นเราจะทำยังไงดีละครับท่าน"
"สัญชาติเสือนะหลบซุ่มอยู่ได้ไม่นานก็ต้องออกมาล่าเหยื่อ แกเชื่อฉันสิ ลายเมฆ ณจันทร์นะต้องเผยตัวเองมาในที่สุด เพราะสัญชาติญานของเธอเอง"
ณจันทร์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในบ้านเช่าด้วยสีหน้ากังวล
"ป้ายังไม่ได้ข่าวอาคำสูรย์บ้างเลยเหรอคะ"
บ้านที่เชียงใหม่ ป้านวลกำลังพูดสายอยู่
"ยังเลยลูก คำสูรย์มันข้ามไปฝั่งพม่าตั้งแต่วันที่หนูกลับไปกรุงเทพนั่นแหละ ป่านนี้ป้าก็ยังไม่เห็นมันติดต่อมาเลย"
ณจันทร์มีท่าทางกังวล
"หนูกลัวว่าจะไม่ทันนะสิคะ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเพ็ญเดือนเจ็ดแล้ว"
"หนูไม่คิดจะมาอยู่กับป้าจริงๆเหรอณจันทร์"
"ไม่ละคะ หนูไม่อยากทำร้ายใครอีก แค่นี้หนูก็ทำบาปมามากพอแล้ว"
ป้านวลทำท่าเข้าใจ
"ยังไงถ้าอาคำสูรย์มา ป้าบอกให้รีบมาหาหนูเลยนะคะ"
"จ้ะ ตามที่อยู่ที่หนูบอกไว้ใช่ไหม"
"คะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะป้า"
"เดี๋ยว แล้วถ้าคำสูรย์มันกลับมาไม่ทัน หนูจะทำยังไงละลูก"
ณจันทร์นิ่งไปพัก
"หนูจะพยายามหาทางเองคะป้า ไม่ต้องห่วงหนูหรอกคะ แค่นี้นะคะ"
ณจันทร์วางหูโทรศัพท์ลง แล้วหยิบจานสลัดผักที่วางอยู่ข้างๆมากิน ณจันทร์ยกขึ้นดม ก็รู้สึกเหม็นเขียว ไม่อยากจะกิน แต่พยายามที่จะฝืนกินไปสองสามคำ เธอรู้สึกกระอักกระอ่วน จนต้องวิ่งไปที่ห้องน้ำ และคายทิ้ง รู้สึกตัวว่าคงกินอาหารไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
ณจันทร์เดินออกมาซื้อของที่ร้านค้าหน้าปากซอย ผ่านร้านอาหารที่เป็นห้องแถว มีอาหารสดจัดวางอยู่หน้าร้าน เธออดมองไม่ได้ รู้สึกหิวมากขึ้น
"จะรับอะไรไหมคะ"
ณจันทร์ชะงัก มองไปเห็นแม่ค้าคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้
"เอาก๋วยเตี๋ยวน้ำตกไหม เนื้อสดๆเลยนะคะคุณ"
"ไม่ละคะ ขอบคุณ"
ณจันทร์ทำท่าจะเดินออกไป แต่แม่ค้าเรียกไว้อีก
"เดี๋ยว คุณเป็นคนมาอยู่ใหม่ที่บ้านท้ายซอยนั่นใช่ไหม"
"คะ"
"แหม ไม่คิดเลยว่าจะมีใครมาอยู่บ้านนั้นอีก เห็นร้างมานานเกือบปีได้แล้วมั้ง มาอยู่คนเดียวเหรอคะ"
"เอ่อ คะ"
"อุ้ย กล้าจังนะคะ บ้านเปลี่ยวออกอย่างนั้น คุณทำงานอยู่แถวนี้เหรอคะ"
ณจันทร์เริ่มอึดอัด กับอาการสอดรู้สอดเห็นของแม่ค้ามากขึ้นทุกที
ทันใดนั้นเสียงหมาเห่าดังลั่นก็ดังขึ้น ณจันทร์สะดุ้งตกใจ แม่ค้าหันไปด่าหมาตัวเอง
"ไอ้มอมเงียบนะโว้ย ยังอีก"
หมาที่โดนผูกเชือกอยู่หน้าร้าน ยังเห่าณจันทร์ตามสัญชาติญาณ เธอไม่สบายใจ
"เอ่อ ขอตัวก่อนนะคะ"
ณจันทร์รีบเดินออกไปเลย
"อ้าว คุณๆ เดี๋ยวก่อนสิคะ ไอ้มอมมึงนี่ เห่าไล่ลูกค้ากูอยู่ได้ ทีขโมยเข้าดันไม่ยอมเห่า เดี๋ยวแม่เอาตะกร้อครอบปากซะเลยนี่"
พระจันทร์เสี้ยวฉายแสงอ่อนบนฟากฟ้า ณจันทร์นอนบนเตียงอย่างกระสับกระส่าย
เสียงเห่าหอนประสานกันทั้งซอย ทั้งหมาและแมวตามบ้านต่างตื่นกลัว เหมือนรู้ตัวว่า อันตรายกำลังจะมาเยือน เธอนอนกระสับกระส่าย เหงื่อแตก มือจิกที่เตียงอย่างรู้สึกทรมาน
แม่ค้าในชุดนอน ชะโงกหน้าต่างหลังบ้าน ออกมาด่าหมา
"โอ้ย มึงจะเห่าหาพระแสงอะไรวะ หุบปากซะทีสิโว้ย กูจะนอน"
แม่ค้าปิดหน้าต่างแรง หมาที่ถูกผูกไว้ด้านนอก ยังคงเห่าอยู่ไม่หยุด
ใครคนหนึ่งแอบลอบมองอยู่ที่ด้านนอก ก่อนเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้าใกล้มาทุกทีๆ
หมาที่ถูกผูกไว้เริ่มกระสับกระส่ายมากขึ้น ใครคนนั้นเข้ามาถึงตัวหมา
แล้วหมาก็ร้องด้วยเสียงเจ็บปวด แม่ค้าเปิดประตูออกมา พร้อมไม้ในมืออย่างสุดทน
"ไม่เงียบใช่ไหม เดี๋ยวเหอะ กูจะจับมึงทำลูกชิ้นแน่"
แม่ค้าค่อยๆเดินตรงมาที่ผูกหมาไว้ พร้อมกับไฟฉาย แต่แล้วก็ชะงัก เห็นว่าเชือกผูกหมาขาดไปแล้ว และไม่มีหมาอยู่ตรงนั้นแล้ว
แม่ค้าพยายามมอง เสียงเห่าหยุดไปแล้ว กลับมีเสียงเหมือนสัตว์กำลังกัดแทะบางอย่างอยู่ แม่ค้ามองไปทางต้นเสียง แล้วค่อยๆเดินไปดู
แม่ค้าเดินไปที่พงหญ้าใกล้ๆห้องแถว เห็นแต่เงาตะคุ่มๆอยู่แถวนั้น ทันใดไฟฉายในมือก็ดับ มืดจนมองไม่เห็น แม่ค้าพยายามเขย่า
เงาตะคุ่มในพงหญ้าเงยหน้าขึ้นมอง แม่ค้าเห็นแต่ตาสีเหลืองของสัตว์ป่ามองมา สะดุ้งตกใจ ไฟฉายกลับสว่างเหมือนเดิม ส่องเห็นร่างนั้นมีเลือดและซากของไอ้มอมอยู่ในมือ
"แอร๊ย"
ร่างนั้น คือ ณจันทร์ในร่างปกติ ไม่ใช่ร่างเสือเพราะไม่ใช่คืนเพ็ญ เธอรีบวิ่งหนีหายลับไปพร้อมกับซากสุนัข แม่ค้าขาสั่นล้มลงอยู่แถวนั้นอย่างตกตะลึง
เช้าวันรุ่งขึ้น ร้านค้าห้องแถวหน้าปากซอยกลายเป็นที่ชุมนุมของชาวบ้านหลายคน แม่ค้าอยู่กลางวงกำลังเล่าเรื่องอย่างเมามัน
ณจันทร์เดินมาที่ปากซอย เดินเลี่ยงไปซื้อของที่ร้านชำข้างๆ แต่ก็ยังได้ยินเสียงแม่ค้าลอยมา
"ฉันนะเห็นหน้ามันชัดเลย ไอ้ผีตัวนั้น ไอ้ผีปอบที่มันฆ่าไอ้มอมตาย"
ณจันทร์ชะงัก เริ่มหันมามองอย่างสนใจ
"มันนะมีเขี้ยวยาวงอกออกมา ฉันเห็นเลือดหยดออกมาที่ปากมัน แล้วมัน…มันก็มองมาที่ฉัน ตาของมันนะสีเหลือง น่ากลัวที่สุด"
ชาวบ้านท่าทางไม่เชื่อที่แม่ค้าพูด
ชาวบ้าน1บอก
"ผีปอบบ้านไหนป้า ตาสีเหลือง"
ชาวบ้าน2 บอก
"นั่นนะสิ ผีปอบนะไม่ใช่ผีป่า จะได้ตาเหลืองยังกับพวกเสือสาง"
ณจันทร์ฟังไปเรื่อย ยิ่งพอเริ่มเข้าตัว ก็ยิ่งกังวลทุกที
"ก็กูเห็นมาแล้ว มึงจะเถียงกูเหรอวะ คอยดู กูไปแจ้งตำรวจมาแล้ว ให้เขามาจับไอ้ผีบ้านั่น ก่อนที่มันจะไปไล่ฆ่าคนในซอย"
"แจ้งตำรวจ ระวังตำรวจเขาจะมาจับผีพนันแทนผีปอบนะ เดี๋ยวป้าจะอดเป็นเจ้ามือซะเปล่าๆ" ชาวบ้าน1 บอก
เสียงหัวเราะดังจากกลุ่มชาวบ้าน แม่ค้าหงุดหงิดที่ไม่มีใครเชื่อ ขณะที่ณจันทร์รีบเดินหลีกออกไปอย่างกังวล
ณจันทร์เปิดประตูกลับมาที่บ้าน คิดว่าอาจจะเป็นฝีมือตัวเอง
"อีกแล้วเหรอนี่ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ อย่าให้เป็นเราเลย"
ณจันทร์ทรุดตัวลงอย่างเสียใจ ทันใดนั้นก็เริ่มจะสังเกตบางอย่างที่พื้น ชะงักไป
ที่พื้น เห็นมีหยดเลือดอยู่สองสามหยด และมีรอยต่อเนื่องยาวไป ณจันทร์เดินตามรอยหยดเลือดไปเรื่อยๆอย่างกังวล รอยเลือดนั้นมาหยุดอยู่ที่ตู้เย็น ณจันทร์มองอย่างกลัว ก่อนจะตัดสินใจจับและเปิดตู้เย็นออก
บางสิ่งบางอย่างกลิ้งตกลงมา เป็นซากสุนัขที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด
"แอร๊ย"
ณจันทร์ตกใจสุดขีด ทรุดลงมองดูซากสุนัขที่กองอยู่ตรงหน้า รู้แน่แล้วว่าเป็นฝีมือของตัวเอง แล้วก็เปลี่ยนเป็นเสียใจ
" นี่ฉันไม่มีทางห้ามตัวเองได้ใช่ไหม… ฉันหยุดมันไม่ได้แล้วจริงๆเหรอ"
ณจันทร์ท้อแท้กับโชคชะตาที่ทำให้เธอต้องมาเป็นอย่างนี้ เสียใจจนน้ำตาไหลออกมา
ภายในร้านเหล็กดัด ณจันทร์กำลังคุยอยู่กับเถ้าแก่
"จะทำประตูเหล็กทึบ แถมโซ่กับกลอนเยอะขนาดนี้ ... เอ ผมว่ามันเกินไปหน่อยมั้งครับ"
"ฉันอยากจะแน่ใจเรื่องความปลอดภัยนะคะ ว่าจะไม่มีใครออก เอ่อ…เข้ามาในบ้านได้"
"แต่ผมว่าแค่ทำเหล็กดัดชั้นเดียว แล้วก็กลอนแบบแข็งแรงๆก็พอแล้วมั้งครับ เพราะถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นมา มันจะอันตรายนะครับ"
"ไม่ได้คะ ยังไงดิฉันก็ต้องการให้ทำอย่างแน่นหนา"
เถ้าแก่มองณจันทร์ รู้สึกแปลกใจ
"อืม ถ้าคุณต้องการแบบนั้นก็ ตกลงครับ ร้านเราจะทำประตูเหล็กไปติดให้... ไม่ทราบว่าคุณสะดวกวันไหนครับ"
"ยิ่งเร็วเท่าไร ยิ่งดีคะ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้ติดตั้งให้เสร็จภายในสองวัน"
"พอดีช่างของเรามีงานอยู่อื่นด้วย คงจะไม่ได้"
"ฉันยินดีจ่ายเพิ่มคะ ขอแค่ทำให้เสร็จก่อนมะรืนนี้เท่านั้น … ขอร้องล่ะค่ะ"
เถ้าแก่แปลกใจมาก
"เออ..ถ้างั้น วันนี้ผมจะลัดคิว ให้ช่างทำประตูเหล็ก แล้วพรุ่งนี้ก็จะส่งช่างไปติดให้ก็แล้วกันนะครับ"
"ขอบคุณมากนะคะ"
เวลาต่อเนื่องมา ณจันทร์กำลังดูของในซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง เข็นรถเข็นผ่านไปที่แผนกอาหารสด เห็นเนื้อสดวางเรียงรายอยู่ ก็รู้สึกหิว อดไม่ได้ ที่จะหยิบขึ้นมา เธอมาที่เคาน์เตอร์ และวางของต่างๆ จ่ายเงิน จนมาถึงถุงเนื้อสด แคชเชียร์ก็ชวนคุย
"จะทำแกงเนื้อเหรอคะ"
ณจันทร์รีบเกลื่อน
"เอ่อ ใช่คะ"
"เนื้อเยอะแบบนี้ คงทำได้หลายหม้อเลยนะคะ"
แคชเชียร์ยิงบาร์โค้ดราคา ขณะที่ณจันทร์มีสีหน้าพิรุธ กลัวคนจะรู้
ริมถนน อาชาเปิดประตูรถลงมา ถามจ่ายุทธ
"เดี๋ยว ผมขอซื้อกาแฟหน่อย จ่าจะเอาอะไรไหม"
"เอาโค้กกระป๋องหนึ่งแล้วกันหมวด"
อาชาเดินข้ามถนน กำลังจะตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
แคชเชียร์บอก
"ทั้งหมด 387 บาทคะ"
ณจันทร์รีบจ่ายเงิน เดินออกไปอย่างเร็ว จนไปชนกับลูกค้าคนหนึ่งที่เข้ามาจนของตก
"อุ้ย ขอโทษคะ"
ณจันทร์ก้มลงเก็บของให้ ระหว่างนั้นเธอก็เงยหน้ามองเห็นอาชาที่กำลังจะเดินข้ามฝั่งตรงเข้ามา เธอตกใจมาก หันซ้ายหันขวา ไม่รู้จะไปหลบที่ไหนดี
อาชาเปิดประตูเข้ามาในซุปเปอร์มาร์เก็ต ณ มุมเดิม ไม่เห็นณจันทร์อยู่แล้ว อาชาเดินเข้าไปที่มุมกาแฟ
อ่านต่อตอนที่ 7