ชุมพร - นักเรียน ม.3 วัย 15 ปี กับนักศึกษาการอาชีพ วัย 17 ปี 2 เยาวชน ปั่นจักรยานจาก อ.หลังสวน มุ่งหน้าโรงพยาบาลศิริราช ระยะทางกว่า 500 กม.เพื่อแสดงความจงรักภักดี และถวายพระพร “ในหลวง”
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (29 ต.ค.) ที่สนามกีฬา อ.หลังสวน จ.ชุมพร นายอังกูร ธนกาณุวงศ์ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนสวนศรีวิทยา และนายฐานิศ จันทร์คำ อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ปีที่ 1 สาขายานยนต์ วิทยาลัยการอาชีพหลังสวน ทั้ง 2 คน ได้ร่วมกันออกปั่นจักรยาน 2 ล้อ ออกจาก อ.ลังสวน จ.ชุมพร มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลศิริราช กทม. ระยะทางกว่า 529 กม. เพื่อที่จะไปถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมี พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ หลังสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และผู้ปกครองของเด็กทั้ง 2 คน ร่วมกันเดินทางมาส่ง โดยก่อนออกเดินทางทั้ง 2 คน ได้เดินทางไปขอพรจากเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ ศาลหน้าที่ว่าการ อ.หลังสวน เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนออกเดินทาง
นายอังกูร ธนกาณุวงศ์ วัย 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนสวนศรีวิทยา เปิดเผยว่า ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรปวงชนชาวไทยมาตลอด และตนได้ตั้งปณิธานว่า เมื่อเก็บเงินซื้อจักรยานได้จะออกปั่นจักยานจาก อ.หลังสวน เพื่อไปถวายพระพรในหลวงที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเมื่อตนสามารถเก็บสะสมเงินได้ด้วยตนเองสำเร็จประมาณกว่า 5,000 บาท จึงขออนุญาตพ่อและแม่ไปซื้อรถจักรยาน เพื่อปั่นไปถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามที่ได้ตั้งใจไว้
ขณะที่ นายฐานิศ จันทร์คำ อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช.ปีที่ 1 สาขายานยนต์ วิทยาลัยการอาชีพหลังสวน กล่าวว่า ตนและนายอังกูร เป็นญาติผู้พี่ผู้น้องกัน และมีความตั้งใจที่เหมือนกัน จึงได้มาร่วมกันปั่นจักรยานจาก อ.หลังสวน เพื่อไปถวายพระพรที่ รพ.ศิริราช และเป็นความภาคภูมิใจของตนเอง และครอบครัวเป็นอย่างยิ่งที่จะได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะเยาวชนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งเชิญชวนเยาวชนทุกคนทำดีเพื่อในหลวง
ด้าน นางวิมลฑา จันทรา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 ถ.หลังสวน ต.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร มารดาของ นายอังกูร และเป็นป้าของนายฐานิศ กล่าวว่า ตนมีอาชีพค้าขายและเมื่อตอนเด็กๆ เคยถามลูกว่าโตขึ้นมาลูกอยากเป็นอะไร ลูกมักจะบอกว่าอยากจะเป็นทหารของพระราชา ซึ่งก็ถือว่าเป็นความฝันของเด็กๆ เมื่อเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ลูกชายเอ่ยปากเพื่อขออนุญาตปั่นจักรยานเพื่อไปถวายพระพรในหลวงที่กรุงเทพฯ สิ่งแรกที่รู้สึกคือ ความปลาบปลื้มใจจนน้ำตาไหลออกมา และอธิบายไม่ถูกว่าในขณะนั้นมีความสุขมากแค่ไหน เพราะไม่คิดว่าเด็กอายุแค่เพียง 15 ปี และ 17 ปี จะมีความคิดได้ถึงขนาดนี้แม้ว่าในใจลึกๆ ก็มีความเป็นห่วงลูกและหลานอยู่บ้างก็ตาม จึงอวยพรให้ลูกและหลานทำในสิ่งที่ได้ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ