คอลัมน์ BUZZER BEAT โดย MVP
ศึกบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) กำลังจะปิดฉาก เรกูลาร์ ซีซัน ลงภายในสัปดาห์นี้ สำหรับทีมที่ดูจะสร้างความประหลาดใจแก่แฟนๆ ไม่น้อย น่าจะเป็น แอตแลนตา ฮอว์คส กับ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส อันดับ 1 สายตะวันออก และ ตะวันตกแบบไร้ปัญหา แต่เมื่อถึงเพลย์ออฟ บ่อยครั้ง ที่จ่าฝูงทั้ง 2 สายมักจะบ้อท่าเอาง่ายๆ เพราะความกดดันแตกต่างออกไป
อย่างที่ทราบกันดีว่า รอบเพลย์ออฟ NBA จะตัดสินระบบ 4 ใน 7 เกม ตั้งแต่รอบแรก ถึง รอบชิงชนะเลิศ เดิมพัน คือ โทรฟี “แลร์รี โอ’ไบรอัน” พอทีมๆ หนึ่งเกิดฟอร์มดีช่วงฤดูกาลปกติแบบน่าตกใจ ก็ย่อมถูกกระแสความคาดหวังของแฟนๆ กดดัน หรือเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนต้องกระเด็นตกรอบ แม้อันดับจะสูงกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะการันตีความได้เปรียบใดๆ นอกจากการเล่นในบ้าน
ย้อนอดีตกลับไป มีหลายๆ ครั้งที่ทีมอันดับ 1 เจอพิษทีมอันดับ 8 ส่งกลับบ้านเร็วกว่ากำหนด เท่าที่พอนึกออก ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2012 ชิคาโก บูลล์ส โชคร้ายเสีย เดอร์ริค โรส ตั้งแต่เกมแรก งานนี้ ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส ที่ยังไม่ย่ำแย่เท่ากับยุคปัจจุบัน ลูบปากเอาชนะไป 4-2 เกม ก่อนหน้านั้นสัก 1 ปี ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส ที่ว่าเก๋าๆ ก็โดนความสด เมมฟิส กริซซ์ลีส์ บดขยี้มาแล้ว
หรือหากจะเป็นเกมเซอร์ไพรส์สุดๆ ก็ต้องเป็นปี 1999 นิวยอร์ก นิกส์ กลายเป็นทีมอันดับ 8 ทีมแรก ซึ่งเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายต้าน สเปอร์ส ยุคของ ทิม ดันแคน กับ เดวิด โรบินสัน 2 เซ็นเตอร์ต่างวัย ไม่ไหว และปี 1994 เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ขึ้นหิ้งต้นตำรับแห่งการล้มยักษ์ โดยเป็นทีมวางต่ำสุดทีมแรกของ NBA ที่ล้ม ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิคส์ จ่าฝูงตะวันตก ที่มีคู่หูอย่าง ชอว์น เคมพ์ และ แกรี เพย์ตัน
มาถึงปี 2015 วอร์ริเออร์ส คาดกันว่าน่าจะเจอ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ รองแชมป์ ปี 2012 แน่นอนว่า ทีมของ สตีฟ เคอร์ เป็นต่ออยู่หลายขุม เพราะสภาพทีมยังเต็มสูบทั้ง สตีเฟน เคอร์รี , เคลย์ ธอมป์สัน , อังเดร อิกัวดาลา , แฮร์ริสัน บาร์นส หรือ เดวิด ลี ฯลฯ หากยังเล่นได้ตามฟอร์ม น่าจะต้อนกระจุย 4-0 แม้ว่าจะได้ เซิร์จ อิบากา หายเจ็บก็ตาม
อาวุธของ “นักรบ” ต้องซูฮกเลยว่าครบเครื่องเอามากๆ หาใช่มีแค่ เคอร์รี กับ ธอมป์สัน หากเจ้า “แอร์คองโก” คัมแบ็ก ก็นึกสงสัยอยู่ว่า สภาพเต็มร้อยสักแค่ไหน ยิ่งอาการบาดเจ็บเข่า การเคลื่อนไหวก็น่าจะเชื่องช้า เผลอๆ ถูก เดวิด ลี ขย่มใส่แบบสบายๆ กลายเป็นจุดอ่อนเสียอีก แต่ก็คงมองข้าม รัสเซลล์ เวสต์บรูก ที่กด “ทริปเปิล-ดับเบิล” ไปหลัก 10 ครั้งช่วงเรกูลาร์ ซีซัน ไม่ได้
ส่วน ฝั่งตะวันออก แอตแลนตา ฮอว์คส ถึงตอนนี้จะยังไม่แน่ว่าจะเจอ บรูกลิน เน็ตส์ , อินเดียนา เพเซอร์ส , ไมอามี ฮีต หรือ บอสตัน เซลติกส์ แต่พวกเขาต้องเจอข่าวร้าย หลังจาก ธาโบ เซโฟโลชา ซึ่งเข้ามาช่วยขันน็อตเกมรับ ขาหัก เพราะขัดขืนการจับกุมของตำรวจ ที่ไนต์คลับ เมืองแมนฮัตตัน ต้องผ่าตัด และพลาดลงเล่นตลอดโพสต์ซีซัน
สำหรับ ฮอว์คส อาจเป็นขวัญใจแฟนๆ บาสเก็ตบอลที่ชอบทีมเวิร์ก แต่ตอนนี้ ทีมของ ไมค์ บูเดนโฮลเซอร์ เท่ากับว่าภาพจิ๊กซอว์ที่ขาดชิ้นส่วนสำคัญไป 1 ชิ้น เท่ากับว่า สภาพทีมตอนนี้อาจเสียสมดุล การขาดซูเปอร์สตาร์ก็มีด้านลบอยู่ข้อหนึ่ง สำหรับเกมเพลย์ออฟที่มีความหมาย และต้องการใครสักคนพลิกสถานการณ์ แล้ว “เหยี่ยว” จะหันไปพึ่งใคร นั่นคือเส้นที่จำแนกดาวดังออกจากผู้เล่นธรรมดาอย่างชัดเจน
ดังนั้นคงต้องถาม “บิ๊กทรี” แห่ง ฟิลิปส์ อารีนา ได้แก่ เจฟฟ์ ทีก การ์ดจ่าย , พอล มิลล์แซ็ป ฟอร์เวิร์ด และ แอล ฮอร์ฟอร์ด เซ็นเตอร์โดมินิกัน หรืออาจรวมถึง คายล์ คอร์เวอร์ หรือ เดอมาร์เร คาร์โรลล์ ว่าพร้อมพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอจะถูกขนานนาม “ซูเปอร์สตาร์”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ศึกบาสเก็ตบอล เอ็นบีเอ (NBA) กำลังจะปิดฉาก เรกูลาร์ ซีซัน ลงภายในสัปดาห์นี้ สำหรับทีมที่ดูจะสร้างความประหลาดใจแก่แฟนๆ ไม่น้อย น่าจะเป็น แอตแลนตา ฮอว์คส กับ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส อันดับ 1 สายตะวันออก และ ตะวันตกแบบไร้ปัญหา แต่เมื่อถึงเพลย์ออฟ บ่อยครั้ง ที่จ่าฝูงทั้ง 2 สายมักจะบ้อท่าเอาง่ายๆ เพราะความกดดันแตกต่างออกไป
อย่างที่ทราบกันดีว่า รอบเพลย์ออฟ NBA จะตัดสินระบบ 4 ใน 7 เกม ตั้งแต่รอบแรก ถึง รอบชิงชนะเลิศ เดิมพัน คือ โทรฟี “แลร์รี โอ’ไบรอัน” พอทีมๆ หนึ่งเกิดฟอร์มดีช่วงฤดูกาลปกติแบบน่าตกใจ ก็ย่อมถูกกระแสความคาดหวังของแฟนๆ กดดัน หรือเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนต้องกระเด็นตกรอบ แม้อันดับจะสูงกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะการันตีความได้เปรียบใดๆ นอกจากการเล่นในบ้าน
ย้อนอดีตกลับไป มีหลายๆ ครั้งที่ทีมอันดับ 1 เจอพิษทีมอันดับ 8 ส่งกลับบ้านเร็วกว่ากำหนด เท่าที่พอนึกออก ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2012 ชิคาโก บูลล์ส โชคร้ายเสีย เดอร์ริค โรส ตั้งแต่เกมแรก งานนี้ ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส ที่ยังไม่ย่ำแย่เท่ากับยุคปัจจุบัน ลูบปากเอาชนะไป 4-2 เกม ก่อนหน้านั้นสัก 1 ปี ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส ที่ว่าเก๋าๆ ก็โดนความสด เมมฟิส กริซซ์ลีส์ บดขยี้มาแล้ว
หรือหากจะเป็นเกมเซอร์ไพรส์สุดๆ ก็ต้องเป็นปี 1999 นิวยอร์ก นิกส์ กลายเป็นทีมอันดับ 8 ทีมแรก ซึ่งเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายต้าน สเปอร์ส ยุคของ ทิม ดันแคน กับ เดวิด โรบินสัน 2 เซ็นเตอร์ต่างวัย ไม่ไหว และปี 1994 เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ขึ้นหิ้งต้นตำรับแห่งการล้มยักษ์ โดยเป็นทีมวางต่ำสุดทีมแรกของ NBA ที่ล้ม ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิคส์ จ่าฝูงตะวันตก ที่มีคู่หูอย่าง ชอว์น เคมพ์ และ แกรี เพย์ตัน
มาถึงปี 2015 วอร์ริเออร์ส คาดกันว่าน่าจะเจอ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ รองแชมป์ ปี 2012 แน่นอนว่า ทีมของ สตีฟ เคอร์ เป็นต่ออยู่หลายขุม เพราะสภาพทีมยังเต็มสูบทั้ง สตีเฟน เคอร์รี , เคลย์ ธอมป์สัน , อังเดร อิกัวดาลา , แฮร์ริสัน บาร์นส หรือ เดวิด ลี ฯลฯ หากยังเล่นได้ตามฟอร์ม น่าจะต้อนกระจุย 4-0 แม้ว่าจะได้ เซิร์จ อิบากา หายเจ็บก็ตาม
อาวุธของ “นักรบ” ต้องซูฮกเลยว่าครบเครื่องเอามากๆ หาใช่มีแค่ เคอร์รี กับ ธอมป์สัน หากเจ้า “แอร์คองโก” คัมแบ็ก ก็นึกสงสัยอยู่ว่า สภาพเต็มร้อยสักแค่ไหน ยิ่งอาการบาดเจ็บเข่า การเคลื่อนไหวก็น่าจะเชื่องช้า เผลอๆ ถูก เดวิด ลี ขย่มใส่แบบสบายๆ กลายเป็นจุดอ่อนเสียอีก แต่ก็คงมองข้าม รัสเซลล์ เวสต์บรูก ที่กด “ทริปเปิล-ดับเบิล” ไปหลัก 10 ครั้งช่วงเรกูลาร์ ซีซัน ไม่ได้
ส่วน ฝั่งตะวันออก แอตแลนตา ฮอว์คส ถึงตอนนี้จะยังไม่แน่ว่าจะเจอ บรูกลิน เน็ตส์ , อินเดียนา เพเซอร์ส , ไมอามี ฮีต หรือ บอสตัน เซลติกส์ แต่พวกเขาต้องเจอข่าวร้าย หลังจาก ธาโบ เซโฟโลชา ซึ่งเข้ามาช่วยขันน็อตเกมรับ ขาหัก เพราะขัดขืนการจับกุมของตำรวจ ที่ไนต์คลับ เมืองแมนฮัตตัน ต้องผ่าตัด และพลาดลงเล่นตลอดโพสต์ซีซัน
สำหรับ ฮอว์คส อาจเป็นขวัญใจแฟนๆ บาสเก็ตบอลที่ชอบทีมเวิร์ก แต่ตอนนี้ ทีมของ ไมค์ บูเดนโฮลเซอร์ เท่ากับว่าภาพจิ๊กซอว์ที่ขาดชิ้นส่วนสำคัญไป 1 ชิ้น เท่ากับว่า สภาพทีมตอนนี้อาจเสียสมดุล การขาดซูเปอร์สตาร์ก็มีด้านลบอยู่ข้อหนึ่ง สำหรับเกมเพลย์ออฟที่มีความหมาย และต้องการใครสักคนพลิกสถานการณ์ แล้ว “เหยี่ยว” จะหันไปพึ่งใคร นั่นคือเส้นที่จำแนกดาวดังออกจากผู้เล่นธรรมดาอย่างชัดเจน
ดังนั้นคงต้องถาม “บิ๊กทรี” แห่ง ฟิลิปส์ อารีนา ได้แก่ เจฟฟ์ ทีก การ์ดจ่าย , พอล มิลล์แซ็ป ฟอร์เวิร์ด และ แอล ฮอร์ฟอร์ด เซ็นเตอร์โดมินิกัน หรืออาจรวมถึง คายล์ คอร์เวอร์ หรือ เดอมาร์เร คาร์โรลล์ ว่าพร้อมพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอจะถูกขนานนาม “ซูเปอร์สตาร์”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *