ASTV ผู้จัดการรายวัน – บนเส้นทางสายที่มุ่งตรงสู่ความเป็นนักฟุตบอลอาชีพบ้านเรา ปัจจุบันแม้จะมีแนวโน้มที่พุ่งสูงด้วยจำนวนเงินค่าเหนื่อยรวมถึงการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าต่างๆ แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่กาลเวลาไม่สามารถยืนระยะรักษาฟอร์มการเล่นท่ามกลางอายุอานามที่ร่วงโรยจนในที่สุดก็ต้องแขวนสตั๊ด ดังนั้นเราจึงได้เห็นนักเตะหลายรายลุกขึ้นมาจับธุรกิจต่างๆ เพื่อความมั่นคงในอนาคตของตน
หนึ่งในนักกีฬาที่เล็งเห็นช่องทางทำธุรกิจที่สอดคล้องกับหนทางแห่งการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในปัจจุบันมีชื่อของ “เอ๋” พิศาล ดอกไม้แก้ว นายทวารจากทีม “ขุนศึก” กัลฟ์ สระบุรี เอฟซี เป็นอีกคนที่กำลังก่อร่างสร้างถุงมือสำหรับผู้รักษาประตูภายใต้ชื่อ “APD”
โดยนักเตะวัย 30 ปีรายนี้ นับเป็นนายด่านผู้มากประสบการณ์คนหนึ่งของไทยพรีเมียร์ลีก หลังก้าวสู่ถนนสายนักเตะอาชีพมากว่า 9 ปี นายทวารหนุ่มแห่งเมืองสุพรรณบุรี ผ่านการค้าแข้งมาตั้งแต่ทีม นครปฐม, สุพรรณบุรี และ บีอีซี เทโร ศาสน ที่เคยอยู่มานานถึง 6 ปี ก่อนย้ายมาอยู่ แบงค็อก ยูไนเต็ด และถูกยืมตัวไปเล่นให้ กัลฟ์ สระบุรี ในปัจจุบัน จากประสบการณ์ตรงในตำแหน่งนายทวาร บวกกับความสนใจในเรื่องการทำธุรกิจ “เจ้าเอ๋” จึงตัดสินใจผลิตถุงมือคู่แรกขึ้นมาใช้เอง
"ช่วงแรกผมทำคู่แรกเอามาใช้เองก่อน สมัยที่ยังสังกัดทีม แบงค็อก ยูไนเต็ด ช่วงเลกสอง ศึกไทยพรีเมียร์ลีก 2014 เนื่องจากความบังเอิญพบเว็บไซต์ของต่างประเทศที่เป็นผู้ผลิต และเปิดโอกาสให้ลูกค้าออกแบบโลโก้ถุงมือเองได้ ทีนี้ผมจึงใส่ชื่อของตัวเองลงไป นั่นเป็นก้าวแรกแห่งการเริ่มต้นของผมเลย”
“หลังจากได้ถุงมือคู่แรกแล้ว เมื่อตรวจสอบก็พบว่าวัสดุต่างๆ รวมถึงรายละเอียดของงานเทียบเท่ากับถุงมือผู้รักษาประตูแบรนด์ดังที่เคยใช้อยู่ ผมบอกได้เลยว่าไม่ต่างกันจริงๆ ไม่ใช่ว่าพูดไปเรื่อยเปื่อย หากแต่ผมเป็นนักฟุตบอลอาชีพมานาน ที่สำคัญราคายังถูกกว่าสินค้าแบรนด์ดังมาก จากที่คิดว่าจะผลิตถุงมือมาใช้เอง จึงกลายเป็นการจุดประกายให้หันมาเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ เพราะเชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพ และราคาที่ประชาชนทั่วไปสามารถหาซื้อมาเป็นเจ้าของได้ไม่ยากเย็นนัก”
ทั้งนี้ พิศาล กล่าวถึงชื่อแบรนด์ "APD" หรือ เอพีดี ที่นำมาใช้จริงๆ แล้วมาจากชื่อเล่น ชื่อจริง และนามสกุล ของเขาทั้งหมด โดย อักษร A มาจาก AE (เอ๋) ส่วน P มาจาก Pisan (พิศาล) และ D มาจาก Dokmaikeaw (ดอกไม้แก้ว)
ซึ่งแม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ทว่ากลับมีมหามิตรอันเป็นแนวรวมที่แวะเวียนมาให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเรื่องการออกแบบลูกลักษณ์ให้โดดเด่น โฉบเฉี่ยว ที่ได้ "แซม" ปิยะ เอกวิริยทร ยื่นมือเข้ามาช่วย พร้อมติดต่อโรงงานรับจ้างผลิตถุงมือ ที่ประเทศปากีสถาน นอกจากนี้ยังได้ "พี่แปน" จินตศานติ อุตตมะเวทิน ดีไซเนอร์ที่มีหัวใจรักการเล่นฟุตบอล โดยเฉพาะตำแหน่งนายทวารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เอพีดีมีลวดลายที่โดดเด่นสะดุดตา และการความช่วยเหลือโดยไม่คิดมูลค่าจึงกลายเป็นการลดต้นทุนการผลิตได้เป็นอย่างดี
"ผมต้องขอบคุณ อดิดาส ที่เปิดโอกาสให้ผมได้ใช้แบรนด์ของตนเอง ทั้งที่ยังมีสปอนเซอร์ติดตัวอยู่ถึงแม้ผมจะใช้ของที่ผลิตขึ้นเองแต่รองเท้าหรืออื่นๆ ยังคงเป็นของผู้สนับสนุน ซึ่งถุงมือ เอพีดี จะเน้นดีไซน์ ความแปลกใหม่ ผสมผสานกับความเป็นไทย และความเป็นตัวตนของผม โดยมีโลโก้ ดอกไม้แก้ว เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งอยู่ในลักษณะที่กลีบกำลังบิดหมุนอย่างอ่อนช้อย โดยเวลาที่เล่นฟุตบอล ผมจะคอยสังเกตุในแต่ละจุด เช่น ชกบอลด้วยจุดไหนแล้วทำให้บอลไปดีขึ้น การดูดบอล ทิศทางบอลไม่เปลี่ยน ผมจะนำเอาสิ่งเหล่านี้มาผสมรวมกันกับงานของตนเอง" นายทวารแห่งเมืองขุนแผน กล่าว
อย่างไรก็ตามทุกหนทางมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เส้นทางธุรกิจของมือใหม่อย่าง พิศาล ก็เช่นกัน โดยเจ้าตัวเผยเคยถูกบริษัทที่จ้างให้ผลิตถุงมือของตน คัดลอกแบบและนำไปจำหน่ายให้ผู้ค้ารายอื่นมาแล้ว "เนื่องจากโรงงานแรกที่ผมใช้ผลิตที่ปากีสถาน ยังมีหลายอย่างที่ไม่ลงตัวทำให้เราตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้โรงงานใกล้กันในแถบนั้น ผลปรากฏว่า ผมมานั่งเปิดเพจของโรงงานแรก พบว่าเขานำแบบของเราที่เคยส่งให้ มาขายต่อให้นานทุนรายอื่น แต่เราไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายจึงไม่ติดใจเอาความ แต่ก็เป็นประสบการณ์ให้รู้ว่าต้องระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก"
หลังจากผลิตสินค้าล็อตแรกได้ตรงตามสเป็ค ถุงมือจำนวน 200 คู่ ก็ถูกลำเลียงมายังประเทศไทย ช่วงปลายปี 2557 พร้อมกับจดแจ้งทรัพย์สินทางปัญญาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงเดินตามแผนธุรกิจด้วยการนำไปแจกจ่ายให้นายทวารรุ่นน้องที่ค้าแข้งในไทยพรีเมียร์ลีกไปใช้ จำนวนสินค้าที่เหลือ 150 คู่ ก็ถูกลูกค้าแย่งกันจับจองหมดลงภายในเวลาไม่ถึงเดือน หลังจากเปิดตัว APD Goalkeeper Sport & Fashion ผ่านเว็บเพจ เฟซบุค และอินสตาแกรม ได้ไม่นาน แถมยังไม่เพียงพอต่อความต้องการอีกด้วย
จากกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดของถุงมือ "เอพีดี" ล็อตแรก ราคา 1,600 บาท ในขณะที่ยี่ห้ออื่น ซึ่งวัสดุและคุณภาพไม่ต่างกัน ราคาเกือบ 2,000 บาท ส่วนล็อตต่อๆ ไปของ "เอพีดี" ราคาจะถูกปรับไปที่ 1,800 บาท เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนวัสดุมาใช้แผ่นป้องกันนิ้วล็อกและอื่นๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็ยังเป็นราคาที่ถูกกว่าหลายแบรนด์ที่ราคาประมาณ 3,000 - 4,000 บาท
"ผมรู้สึกดีที่ทำให้คนไทยหันมาสนใจแบรนด์ไทย ซึ่งมีคุณภาพเหมือนกัน หากพูดตรงๆ ถุงมือแบรนด์ดังทั่วไป มีความทนทานไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลของแต่ละคน แต่แบรนด์ดังๆ เขามีผู้รักษาประตูระดับโลกเป็นพรีเซนเตอร์ มีมูลค่าการตลาดสูง ผมก็เริ่มทำแบบนั้นบ้าง โดยมีผู้รักษาประตูระดับแนวหน้าของเมืองไทยนำไปใช้เพื่อช่วยโปรโมท ซึ่งหากสินค้าไม่ดีเขาก็คงไม่กล้าใช้แน่นอน ตอนนี้ผู้รักษาประตูหลายทีมในไทยพรีเมียร์ลีกที่ใช้ถุงมือของผมอยู่คือ สุพรรณบุรี เอฟซี, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, แบงค็อก ยูไนเต็ด, เชียงราย ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี, ผู้รักษาประตูทีมชาติชุดปรีโอลิมปิก และยังไม่รวมอีกหลายทีมในลีกรอง"
"ส่วนตัวคงพูดไม่ได้ว่าถุงมือของเราทำผู้รักษาประตูเก่งขึ้น หรือรับลูกได้เหนียวขึ้น เพราะทุกอย่างเกิดจากการฝึกฝนและทักษะของแต่ละคน เพียงแต่ถุงมือ เอพีดี จะออกแบบมาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานจริง มีจุดที่รักษาความปลอดภัยในส่วนของนิ้วมือ ข้อมือ ซึ่งผู้เล่นอาชีพหนึ่งคนจำเป็นต้องมีถุงมือไม่ต่ำกว่า 1 คู่ต่อการแข่งขัน 1 สัปดาห์ การได้ถุงมือที่มีราคาประหยัดและคุณภาพดีแบบนี้ ถือเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์เรา" พิศาล กล่าว
นอกจากนี้ นายทวารแห่งศึกไทยพรีเมียร์ลีก ยังเผยถึงแผนในการสานต่อธุรกิจของเขา โดยนอกจากขายทางโลกออนไลน์แล้ว ยังได้ติดต่อขอเข้าไปวางขายในร้านอุปกรณ์ฟุตบอลอย่าง Ari Football อีกด้วย โดยได้รับความอนุเคราะห์จากทางผู้จัดการร้านเป็นอย่างดี รวมทั้งเตรียมที่จะเปิดหน้าร้านเป็นของตนเองในช่วงปลายปีนี้
ขณะเดียวกันเจ้าของแบรนด “APD” เผยด้วยว่าเตรียมแผนสำหรับจำหน่ายอุปกรณ์และของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นของผู้รักษาประตู เพื่อให้ครอบคลุมสินค้าในด้านกีฬาทั้งหมด แต่ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อศึกษาธุรกิจ ส่วนตัวไม่อยากมีคู่แข่งขัน หรือแย่งผลประโยชน์กับใคร เพียงแต่อยากทำในสิ่งที่เรารักและเราใช้เวลากับสิ่งนั้นมาทั้งชีวิตให้ดีที่สุด" พิศาล กล่าว
ทางฝั่งของผู้ที่ได้ทดลองใช้ถุงมือเอพีดี อย่างนายทวารทีม ราชบุรี มิตรผล เอฟซี อย่าง อุกฤษณ์ วงศ์มีมา เผยว่า "ผมได้ใช้ถุงมือ เอพีดี แล้วแล้วรู้สึกมั่นใจขึ้น สามารถเทียบกับแบรนด์ดังๆ ได้เลย เรื่องคุณภาพกับราคาก็เกินคุ้ม พอ พิศาล ติดต่อมาให้เอาไปทดลองใช้ แค่วันแรกผมก็ตอบตกลงเป็นพรีเซนเตอร์ทันที ผมใช้มาตั้งแต่แมทช์อุ่นเครื่องจนกระทั่งเปิดฤดูกาลศึกไทยพรีเมียร์ลีก สามารถใช้ได้ทั้งสนามที่มีฝนตกและสนามแห้งได้ดีมากๆ"
ส่วน สมพร ยศ นายทวารทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิก จากค่ายบีอีซี เทโร ศาสน ยอมรับพอใจในถุงมือแบรนด์ไทยพอสมควร "พอได้ลองใช้รู้สึกชอบมากเพราะหน้ามือไม่ลื่น สามารถรับกับลูกบอลของแกรนด์สปอร์ตในฤดูดาลนี้ได้เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาทำให้ผมเลือกใช้เป็นถุงมือประจำทั้งในการเล่นไทยลีกและทีมชาติ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองได้อย่างดี"
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *