คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ทัพนักเตะทีมชาติไทย ชุด ยู-22 มีคิวลงฟาดแข้งรายการสำคัญในศึก “เอเอฟซี ยู-23 แชมเปียนชิป 2016 รอบคัดเลือก” ระหว่างวันที่ 27 - 31 มีนาคม นี้ ซึ่งเป็นด่านแรกในการคัดเลือกทีมไปโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล โดยขณะนี้มีผู้เล่นที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกติดทัพแล้วทั้งสิ้น 25 ราย ก่อนตัดเหลือ 23 รายในโค้งสุดท้าย “ไทม์เอาต์” จึงอาสาเดาใจกุนซือวัย 41 ปี จัดทีมแต่ละตำแหน่งว่าหน้าตาจะออกมาเป็นเช่นไร
โดยในตำแหน่งผู้รักษาประตู ทั้ง สมพร ยศ และ วัชระ บัวทอง ไม่ได้เป็นมือ 1 ของต้นสังกัดทั้งคู่ แต่หากเทียบฟอร์มและโอกาสในตอนนี้ รายแรกดูเหลื่อมกว่าเล็กน้อย หลังจากได้รับโอกาสจากต้นสังกัด บีอีซี เทโรศาสน และโชว์ฟอร์มได้ดีในเกมเฉือนจุดโทษ ซากัน โทสุ จาก เจ-ลีก ญี่ปุ่น คว้าแชมป์โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ ที่ผ่านมา
ส่วนผู้เล่นเอาต์ฟิลด์นั้น เป็นที่แน่นอนว่า “ซิโก้” เลือกใช้ระบบ 4-3-3 สลับกับ 4-2-3-1 ซึ่งในตำแหน่งแบ็กโฟร์ วิงแบ็กสองข้างซ้าย - ขวา เป็น พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา กับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ยึดหัวหาดแน่นอน โดยมี สุริยา สิงห์มุ้ย กับ ทริสแตง โด้ คอยสแตนด์บาย ขณะที่คู่เซ็นเตอร์ สุวรรณภัทร กิ่งแก้ว ที่โดดเด่นกับบางกอกกล๊าส เอฟซี น่าจะได้ลงจับคู่กับ อดิศร พรหมรักษ์
ข้ามมาที่แผงมิดฟิลด์ “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ การันตีนำทีมรุกร้อยเปอร์เซ็นต์ ร่วมกับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ฟิตกลับมาติดทีมอีกครั้ง เช่นเดียวกับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่จะรับบทห้องเครื่องคอยดูแลเรื่องเกมรับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้ “ซิโก้” ยังมีแข้งฟอร์มแรงอย่าง ปฏิภาณ ปิ่นเสริมสูตรศรี จากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร ที่ฟอร์มกำลังขึ้นหม้อพา อาร์มี่ ยูไนเต็ด รั้งจ่าฝูงอยู่ในตอนนี้ คอยสลับหมุนเวียนตามแท็กติกรุก - รับ ได้ตลอดเวลา
ด้านริมเส้นฝั่งขวา ปกรณ์ เปรมภักดิ์ จากเพื่อนตำรวจ ที่ได้รับความไว้วางใจให้สวมปลอกแขนกัปตันทีม ยึดไปแล้ว 1 ที่ ส่วนฟากซ้ายเป็น กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ ปีกดาวรุ่งจาก “กิเลนผยอง” ที่กำลังฉายแววกับต้นสังกัดและเคยถูกเรียกติดทีมชุด คิงส์ คัพ มาแล้ว
สุดท้ายที่ตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า มี แคนดิเดต 2 รายเบียดกันไหล่ต่อไหล่ คือ ภิญโญ อินพินิจ จากเพื่อนตำรวจ และ จาตุรงค์ พิมพ์คูณ จาก บีอีซี เทโรฯ ซึ่งแม้รายแรกจะถูก “ซิโก้” เรียกใช้งานบ่อยครั้งกว่า แต่ก็ยังไม่สามารถโชว์ผลผลิตการถล่มสกอร์ได้เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก ดังนั้น จึงเป็นไปได้สูงที่ “เจ้าบอย” ผู้มีทั้งความคมและเข้าขากับ ชนาธิป ในรั้วมังกรไฟ จะได้เป็นมือปืนปิดบัญชีหมายเลข 1 โดยมี เจนรบ สำเภาดี นั่งรอโอกาสข้างสนามอีกราย
ซึ่งนอกจากผู้เล่นที่ร่ายมาในข้างต้นแล้ว จุดเด่นสำคัญของทัพ “ช้างศึก” ชุดนี้ คือการที่ยังมีผู้เล่นรายอื่นที่สามารถสลับหมุนเวียนเล่นแทนตำแหน่งกันได้ ไม่ว่าจะเป็น “เต๋าดิญโญ” ธนาสิทธิ์ ศิริผลา (บางกอกกล๊าส) นิติพงษ์ เสลานนท์ (กัลฟ์ สระบุรี) หรือ เชาวัฒน์ วีระชาติ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ที่พร้อมจะเป็นตัวโจ๊กเกอร์เปลี่ยนเกม
น่าเชียร์แน่นอนครับสำหรับยังเติร์กชุดนี้ที่พร้อมจะก้าวเป็นเลือดใหม่ในอนาคต แถมรายการนี้เรายังเป็นเจ้าภาพรอบแบ่งกลุ่ม สาย จี ลงเล่นที่ราชมังคลากีฬาสถาน ทุกนัดเวลา 19.00 น. ประเดิมพบ กัมพูชา (27 มีนาคม) ต่อด้วย ฟิลิปปินส์ (29 มีนาคม) และปิดท้ายกับ เกาหลีเหนือ (31 มีนาคม) หากใครว่าง เข้าไปให้กำลังใจในสนามได้เลย บัตรราคา เพียง 100 200 และ 300 บาทเท่านั้น การันตีว่าวิ่งสู้ฟัดทุกคน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ทัพนักเตะทีมชาติไทย ชุด ยู-22 มีคิวลงฟาดแข้งรายการสำคัญในศึก “เอเอฟซี ยู-23 แชมเปียนชิป 2016 รอบคัดเลือก” ระหว่างวันที่ 27 - 31 มีนาคม นี้ ซึ่งเป็นด่านแรกในการคัดเลือกทีมไปโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล โดยขณะนี้มีผู้เล่นที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกติดทัพแล้วทั้งสิ้น 25 ราย ก่อนตัดเหลือ 23 รายในโค้งสุดท้าย “ไทม์เอาต์” จึงอาสาเดาใจกุนซือวัย 41 ปี จัดทีมแต่ละตำแหน่งว่าหน้าตาจะออกมาเป็นเช่นไร
โดยในตำแหน่งผู้รักษาประตู ทั้ง สมพร ยศ และ วัชระ บัวทอง ไม่ได้เป็นมือ 1 ของต้นสังกัดทั้งคู่ แต่หากเทียบฟอร์มและโอกาสในตอนนี้ รายแรกดูเหลื่อมกว่าเล็กน้อย หลังจากได้รับโอกาสจากต้นสังกัด บีอีซี เทโรศาสน และโชว์ฟอร์มได้ดีในเกมเฉือนจุดโทษ ซากัน โทสุ จาก เจ-ลีก ญี่ปุ่น คว้าแชมป์โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ ที่ผ่านมา
ส่วนผู้เล่นเอาต์ฟิลด์นั้น เป็นที่แน่นอนว่า “ซิโก้” เลือกใช้ระบบ 4-3-3 สลับกับ 4-2-3-1 ซึ่งในตำแหน่งแบ็กโฟร์ วิงแบ็กสองข้างซ้าย - ขวา เป็น พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา กับ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ยึดหัวหาดแน่นอน โดยมี สุริยา สิงห์มุ้ย กับ ทริสแตง โด้ คอยสแตนด์บาย ขณะที่คู่เซ็นเตอร์ สุวรรณภัทร กิ่งแก้ว ที่โดดเด่นกับบางกอกกล๊าส เอฟซี น่าจะได้ลงจับคู่กับ อดิศร พรหมรักษ์
ข้ามมาที่แผงมิดฟิลด์ “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ การันตีนำทีมรุกร้อยเปอร์เซ็นต์ ร่วมกับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ฟิตกลับมาติดทีมอีกครั้ง เช่นเดียวกับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่จะรับบทห้องเครื่องคอยดูแลเรื่องเกมรับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้ “ซิโก้” ยังมีแข้งฟอร์มแรงอย่าง ปฏิภาณ ปิ่นเสริมสูตรศรี จากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร ที่ฟอร์มกำลังขึ้นหม้อพา อาร์มี่ ยูไนเต็ด รั้งจ่าฝูงอยู่ในตอนนี้ คอยสลับหมุนเวียนตามแท็กติกรุก - รับ ได้ตลอดเวลา
ด้านริมเส้นฝั่งขวา ปกรณ์ เปรมภักดิ์ จากเพื่อนตำรวจ ที่ได้รับความไว้วางใจให้สวมปลอกแขนกัปตันทีม ยึดไปแล้ว 1 ที่ ส่วนฟากซ้ายเป็น กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ ปีกดาวรุ่งจาก “กิเลนผยอง” ที่กำลังฉายแววกับต้นสังกัดและเคยถูกเรียกติดทีมชุด คิงส์ คัพ มาแล้ว
สุดท้ายที่ตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า มี แคนดิเดต 2 รายเบียดกันไหล่ต่อไหล่ คือ ภิญโญ อินพินิจ จากเพื่อนตำรวจ และ จาตุรงค์ พิมพ์คูณ จาก บีอีซี เทโรฯ ซึ่งแม้รายแรกจะถูก “ซิโก้” เรียกใช้งานบ่อยครั้งกว่า แต่ก็ยังไม่สามารถโชว์ผลผลิตการถล่มสกอร์ได้เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก ดังนั้น จึงเป็นไปได้สูงที่ “เจ้าบอย” ผู้มีทั้งความคมและเข้าขากับ ชนาธิป ในรั้วมังกรไฟ จะได้เป็นมือปืนปิดบัญชีหมายเลข 1 โดยมี เจนรบ สำเภาดี นั่งรอโอกาสข้างสนามอีกราย
ซึ่งนอกจากผู้เล่นที่ร่ายมาในข้างต้นแล้ว จุดเด่นสำคัญของทัพ “ช้างศึก” ชุดนี้ คือการที่ยังมีผู้เล่นรายอื่นที่สามารถสลับหมุนเวียนเล่นแทนตำแหน่งกันได้ ไม่ว่าจะเป็น “เต๋าดิญโญ” ธนาสิทธิ์ ศิริผลา (บางกอกกล๊าส) นิติพงษ์ เสลานนท์ (กัลฟ์ สระบุรี) หรือ เชาวัฒน์ วีระชาติ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ที่พร้อมจะเป็นตัวโจ๊กเกอร์เปลี่ยนเกม
น่าเชียร์แน่นอนครับสำหรับยังเติร์กชุดนี้ที่พร้อมจะก้าวเป็นเลือดใหม่ในอนาคต แถมรายการนี้เรายังเป็นเจ้าภาพรอบแบ่งกลุ่ม สาย จี ลงเล่นที่ราชมังคลากีฬาสถาน ทุกนัดเวลา 19.00 น. ประเดิมพบ กัมพูชา (27 มีนาคม) ต่อด้วย ฟิลิปปินส์ (29 มีนาคม) และปิดท้ายกับ เกาหลีเหนือ (31 มีนาคม) หากใครว่าง เข้าไปให้กำลังใจในสนามได้เลย บัตรราคา เพียง 100 200 และ 300 บาทเท่านั้น การันตีว่าวิ่งสู้ฟัดทุกคน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *