คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับศึกยอดมวยไทยย้อนยุค “ฮีโร่โอลิมปิก” สมรักษ์ คำสิงห์ หรือในชื่อค่ายใหม่ ท.เทพสุทิน วัย 42 ปี ที่ขึ้นเวทีปะทะกับอดีตยอดมวยรุ่นพี่วัย 54 ปี “ผู้พันวิทย์” ยอดวันเผด็จ ส.จุลเสน ที่ตกลงพบกันในกติกาพิสดารหนึ่งเดียวในโลก โดยให้ “เจ้าบาส” ที่หนุ่มแน่นกว่า ชกในแบบสากล คือหมัดอย่างเดียว ห้ามเตะห้ามศอกห้ามเข่า ห้ามกระทั่งยกขาบัง ในขณะที่นักชกรุ่นพี่ใช้อาวุธมวยไทยเต็มรูปแบบ แถมมีเดิมพันกันหลายล้านบาท
ปรากฏว่า ภาพการชกที่ออกมา “ผู้พันวิทย์” แม้จะใช้อาวุธมวยไทยได้ครบ แต่ก็พ่ายสังขารออกอาวุธเก้งก้างเชื่องช้า ใจคิดได้สมองสั่งได้ แต่ร่างกายตอบสนองช้า เลยทำอะไร “เสี่ยบาส” ได้ไม่ถนัด ทางฝ่ายสมรักษ์คราวนี้ดูแล้วทุ่มเทฟิตร่างกายมาจริงๆ กล้ามเนื้อกระชับขึ้นเยอะ อาศัยความพลิ้วหลบอาวุธของ ยอดวันเผด็จ ได้หมด แถมยังไว้ลายยิงหมัดสวยๆ ได้หลายหมัด แต่สุดท้ายกรรมการตัดสินให้เสมอกันไปแบบเซ็งอารมณ์ทั้งสองฝ่าย
โดยทางฝั่ง “โม้อมตะ” นั้น บอกว่าตัวเองทำได้ดีกว่าเห็นๆ แต่ฝั่ง “ผู้พันวิทย์” ก็คิดว่าตัวเองชนะเหมือนกัน ที่สำคัญทำเอาแฟนมวยของทั้งสองฝั่งออกมาให้ความเห็นกันกระหึ่มวงการ มองในแง่ดีก็เป็นสีสันที่ทำให้วงการคึกคักขึ้นมาบ้าง หลังจากซบเซาไปนาน แต่มองอีกมุมก็ทำให้เห็นชัดเจนว่าการให้คะแนนในมวยไทยนั้นมีปัญหาจริงๆ ดูกันไม่ออกเลยทีเดียวว่าใครควรจะแพ้หรือใครควรจะชนะ หรือหากกรรมการจะมองว่ารักษาน้ำใจ แบบนี้แฟนมวยที่มีการวางเดิมพันกันก็เสียอารมณ์กันหมด เรียกว่างานนี้ออกข่าวกันใหญ่โต สุดท้ายก็บัวแล้งน้ำ
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนจากการชกไฟต์นี้ ก็คือ ไม่มีใครเอาชนะสังขารได้ ให้พยายามบำรุงรักษาร่างกาย หรือฟิตซ้อมดีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าสังขารนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว “ผู้พันวิทย์” ยังมีใจสู้ที่บอกว่าจะชกมวยต่อไปเพื่อสร้างสีสันให้วงการ แต่ก็คงต้องยอมรับแล้วว่าการชกไฟต์ต่อๆ ไปนั้นน่าจะได้แค่ชกโชว์ ขึ้นเวทีไปโชว์ฝีไม้ลายมือในอดีตแล้ว จะชกวางเดิมพันหวังให้มีการตัดสินเอาแพ้เอาชนะกันจริงๆ จังๆ ก็คงไม่ได้แล้ว เพราะไฟต์นี้ชัดเจนว่าการออกอาวุธต่างๆ นั้นเชื่องช้าเงอะงะไปเยอะ ยิ่งกว่าไฟต์ที่เจอกับ “ฮีโร่โอลิมปิก” คราวก่อนนี้ซะอีก
ทางฝ่าย “เจ้าบาส” ก็ประกาศแขวนนวมทันทีเหมือนกัน นัยว่าคงเซ็งในอารมณ์กับการตัดสิน พูดกันแบบจริงใจก็ต้องบอกว่าเห็นด้วยแล้วที่จะแขวนนวมไป เพราะ สมรักษ์ นั้นก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นนักมวยซ้อมแค่พอดีๆ อยู่แล้ว อายุอานามยิ่งมากขึ้นถ้าซ้อมมาแค่ “พอดีๆ” ก็อาจไม่ดีพอ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดหมายอะไรก็จะกร่อยกันเสียเปล่าๆ วงการมวยไทยก็คงต้องพยายามหา “ซูเปอร์สตาร์” ตัวจริงที่จะมาปลุกกระแสมวยไทยให้เกิดให้ได้อีกครั้ง มากกว่าจะมาหวังสีสันจากยอดมวยดังในอดีตเหล่านี้แล้ว
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับศึกยอดมวยไทยย้อนยุค “ฮีโร่โอลิมปิก” สมรักษ์ คำสิงห์ หรือในชื่อค่ายใหม่ ท.เทพสุทิน วัย 42 ปี ที่ขึ้นเวทีปะทะกับอดีตยอดมวยรุ่นพี่วัย 54 ปี “ผู้พันวิทย์” ยอดวันเผด็จ ส.จุลเสน ที่ตกลงพบกันในกติกาพิสดารหนึ่งเดียวในโลก โดยให้ “เจ้าบาส” ที่หนุ่มแน่นกว่า ชกในแบบสากล คือหมัดอย่างเดียว ห้ามเตะห้ามศอกห้ามเข่า ห้ามกระทั่งยกขาบัง ในขณะที่นักชกรุ่นพี่ใช้อาวุธมวยไทยเต็มรูปแบบ แถมมีเดิมพันกันหลายล้านบาท
ปรากฏว่า ภาพการชกที่ออกมา “ผู้พันวิทย์” แม้จะใช้อาวุธมวยไทยได้ครบ แต่ก็พ่ายสังขารออกอาวุธเก้งก้างเชื่องช้า ใจคิดได้สมองสั่งได้ แต่ร่างกายตอบสนองช้า เลยทำอะไร “เสี่ยบาส” ได้ไม่ถนัด ทางฝ่ายสมรักษ์คราวนี้ดูแล้วทุ่มเทฟิตร่างกายมาจริงๆ กล้ามเนื้อกระชับขึ้นเยอะ อาศัยความพลิ้วหลบอาวุธของ ยอดวันเผด็จ ได้หมด แถมยังไว้ลายยิงหมัดสวยๆ ได้หลายหมัด แต่สุดท้ายกรรมการตัดสินให้เสมอกันไปแบบเซ็งอารมณ์ทั้งสองฝ่าย
โดยทางฝั่ง “โม้อมตะ” นั้น บอกว่าตัวเองทำได้ดีกว่าเห็นๆ แต่ฝั่ง “ผู้พันวิทย์” ก็คิดว่าตัวเองชนะเหมือนกัน ที่สำคัญทำเอาแฟนมวยของทั้งสองฝั่งออกมาให้ความเห็นกันกระหึ่มวงการ มองในแง่ดีก็เป็นสีสันที่ทำให้วงการคึกคักขึ้นมาบ้าง หลังจากซบเซาไปนาน แต่มองอีกมุมก็ทำให้เห็นชัดเจนว่าการให้คะแนนในมวยไทยนั้นมีปัญหาจริงๆ ดูกันไม่ออกเลยทีเดียวว่าใครควรจะแพ้หรือใครควรจะชนะ หรือหากกรรมการจะมองว่ารักษาน้ำใจ แบบนี้แฟนมวยที่มีการวางเดิมพันกันก็เสียอารมณ์กันหมด เรียกว่างานนี้ออกข่าวกันใหญ่โต สุดท้ายก็บัวแล้งน้ำ
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนจากการชกไฟต์นี้ ก็คือ ไม่มีใครเอาชนะสังขารได้ ให้พยายามบำรุงรักษาร่างกาย หรือฟิตซ้อมดีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าสังขารนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว “ผู้พันวิทย์” ยังมีใจสู้ที่บอกว่าจะชกมวยต่อไปเพื่อสร้างสีสันให้วงการ แต่ก็คงต้องยอมรับแล้วว่าการชกไฟต์ต่อๆ ไปนั้นน่าจะได้แค่ชกโชว์ ขึ้นเวทีไปโชว์ฝีไม้ลายมือในอดีตแล้ว จะชกวางเดิมพันหวังให้มีการตัดสินเอาแพ้เอาชนะกันจริงๆ จังๆ ก็คงไม่ได้แล้ว เพราะไฟต์นี้ชัดเจนว่าการออกอาวุธต่างๆ นั้นเชื่องช้าเงอะงะไปเยอะ ยิ่งกว่าไฟต์ที่เจอกับ “ฮีโร่โอลิมปิก” คราวก่อนนี้ซะอีก
ทางฝ่าย “เจ้าบาส” ก็ประกาศแขวนนวมทันทีเหมือนกัน นัยว่าคงเซ็งในอารมณ์กับการตัดสิน พูดกันแบบจริงใจก็ต้องบอกว่าเห็นด้วยแล้วที่จะแขวนนวมไป เพราะ สมรักษ์ นั้นก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นนักมวยซ้อมแค่พอดีๆ อยู่แล้ว อายุอานามยิ่งมากขึ้นถ้าซ้อมมาแค่ “พอดีๆ” ก็อาจไม่ดีพอ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดหมายอะไรก็จะกร่อยกันเสียเปล่าๆ วงการมวยไทยก็คงต้องพยายามหา “ซูเปอร์สตาร์” ตัวจริงที่จะมาปลุกกระแสมวยไทยให้เกิดให้ได้อีกครั้ง มากกว่าจะมาหวังสีสันจากยอดมวยดังในอดีตเหล่านี้แล้ว
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *