เอเยนซี - ถือเป็นข่าวร้ายของสาวก “เดอะ ค็อป” เมื่อ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกทีมชาติอังกฤษ ประกาศถึงเหตุผลที่ไม่คิดต่อสัญญา “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทั้งที่วันเสาร์ที่ 4 เมษายนนี้ต้องทำศึก พรีเมียร์ ลีก นัดที่มีความหมายแห่งฤดูกาลเลยก็ว่าได้เยือนถิ่น เอมิเรตส์ สตเดียม ของ “ปืนโต” อาร์เซนอล เพื่อลุ้นคว้าท็อปโฟร์ไปลุยศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก
หลังยืดเยื้อมานานเหมือนจะได้บทสรุปว่า สเตอร์ลิง จะไม่อยู่ถิ่น แอนฟิลด์ ต่อไป ปัจจุบันเหลือสัญญา 2 ปีรับค่าเหนื่อย 35,000 ปอนด์ (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์ หลังย้ายจากชุดเยาวชน ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส เมื่อปี 2010 รีดผลงานจนกลายเป็นตัวหลักของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ “หงส์แดง” รวมถึงล่าสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็เพิ่งยิงประตูช่วย อังกฤษ เปิด เวมบลีย์ สเตเดียม ถล่ม ลิธัวเนีย 4-0 ศึก ยูโร 2016 รอบคัดเลือก กลุ่ม อี
ทำให้ ลิเวอร์พูล น่าจะขาย สเตอร์ลิง ออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยก่อนหน้านี้คาดกันว่าแข้งวัย 20 ปีเรียกค่าเหนื่อยอื้อซ่า แต่จริงๆ แล้วเจ้าตัวแจกแจงผ่านการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ของ “บีบีซี” เป็นเพราะมองไม่เห็นความสำเร็จ ทำให้ปัดข้อเสนอภายใต้สัญญาฉบับใหม่ที่ได้ค่าเหนื่อย 100,000 ปอนด์ (ประมาณ 4.8 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์
สเตอร์ลิง กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกับเงิน การขับรถหรูๆ มีบ้านสวยๆ แต่เป็นเรื่องเกียรติยศ เพราะตนทุ่มสุดความสามารถทุกครั้งที่ลงสนาม ไม่อยากให้มองว่าอายุ 20 ปี ก็โลภแล้ว โดยพยายามขจัดประเด็นนี้ แต่ไม่คิดว่าใครจะเชื่อ”
“อยากจะมองถึงความสำเร็จ สโมสรที่จะทำให้สมหวังและต้องการกลายเป็นผู้เล่นที่ดีกว่าเดิม แน่นอนทุกคนมีความฝัน ผมมีความสุขที่ได้เล่นให้ ลิเวอร์พูล พยายามที่จะคว้าแชมป์ ถ้าสถานการณ์แบบปีที่แล้วได้รับข้อเสนอคงเซ็นไปแล้ว ทว่าตอนนี้ต่างออกไป” เพลย์เมกเกอร์ร่างเล็ก ทิ้งท้าย
จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ สเตอร์ลิง จะเป็นนักเตะคนที่ 2 ที่อำลา ลิเวอร์พูล ซัมเมอร์นี้ต่อจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด ที่หมดสัญญาพอดี แต่รายของกองกลางกัปตันทีมไม่สะเทือน เนื่องจากปัจจุบันก็ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ ร็อดเจอร์ส ที่สำคัญมีตัวแทนอยู่แล้วคือ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ส่วนรายแรกแฟนบอลอาจจะอยากให้ขายทิ้ง เพราะไม่ใช่แข้งลูกหม้อ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็น่าจะใจหายพอสมควร เนื่องจากปั้นเกมได้ทั้งริมเส้น มิดฟิลด์ อาจรวมถึงกองหน้า ก็ต้องหาทายาทกันต่อไป หากไม่ซื้อก็คงดัน จอร์แดน ไอบ์ ปีกวัย 19 ปีมาแทน
แต่เหนืออื่นใด ร็อดเจอร์ส ต้องมองถึงเกมวันเสาร์ที่ 4 เมษายนนี้ก่อน เพราะสถานการณ์แย่งท็อปโฟร์ไล่เลียงลำดับตามนี้ทุกทีมแข่งเท่ากัน 30 นัดที่ 2.แมนเชสเตอร์ ซิตี 61 แต้ม ที่ 3.อาร์เซนอล 60 แต้ม ที่ 4.แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 59 แต้มและที่ 5.ลิเวอร์พูล 54 แต้ม หาก “หงส์แดง” ทำได้แค่เสมอหรือแพ้ “ปืนโต” งานจะหนักเป็น 2 เท่า เพราะตอนนี้ที่ 6 กับที่ 7 คือ เซาแธมป์ตัน กับ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ตามลำดับมี 53 แต้มเท่ากัน
อาร์เซนอล มักจะมีฟอร์มที่ดีในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง โดยเปิดศักราช 2015 ศึก พรีเมียร์ ลีก 11 นัดชนะ 9 แพ้ 2 นัดล่าสุดก่อนเบรกทีมชาติบุกไปเฉือน นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-1 ที่สำคัญใน เอมิเรตส์ สเตเดียม ปีนี้แพ้แค่นัดเดียวเท่านั้น ขณะที่ ลิเวอร์พูล ถูก แมนฯยู บุกมาหยุดสถิติไม่แพ้ติดต่อกันในลีกเอาไว้ที่ 13 นัด โดยพังคาถิ่น แอนฟิลด์ ในศึกแดงเดือด 1-2
เกมนี้ อาร์เซนอล มีลุ้นได้ แจ๊ค วิลเชียร์ (กองกลาง) มิเกล อาร์เตตา (กองกลาง) และ มาติเยอ เดอบูชี (แบ็คขวา) หายเจ็บคืนทัพ เรียกได้ว่า เวนเกอร์ มีตัวเลือกแผงมิดฟิลด์ค่อนข้างล้นมือ ขณะที่แนวรุกจะนำโดย โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสที่ซัดไปแล้ว 13 ประตูเท่ากับแนวรุกอย่าง อเล็กซิส ซานเชซ
ด้าน ลิเวอร์พูล ไม่มี เจอร์ราร์ด ที่ติดโทษแบนจากใบแดงเกมแดงเดือด รวมถึง มาร์ติน สเคอร์เทล กองหลังที่โดนโทษย้อนหลังเกมเดียวกันห้ามลงสนาม 3 นัด เนื่องจากไปย่ำ ดาบิด เด เคอา มือกาว แมนฯยู ตัวแทนอาจเป็น เดยัน ลอฟเรน หรือ โคโล ตูเร ส่วนกองหน้า ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ บาดเจ็บ ถ้าลงไม่ไหวต้องอยู่ที่แท็กติกของ ร็อดเจอร์ส ว่าจะเล่นแบบไม่มีกองหน้าคือ 3-4-3 ให้ อดัม ลัลลานา, สเตอร์ลิง และ ฟิลิปเป คูตินโญ เป็นแนวรุก 3 คน หรือยื่นโอกาส มาริโอ บาโลเตลลี หอกธรรมชาติยืนค้ำ ซึ่งดูจากสภาพแล้วต้องบอกว่า “หงส์แดง” น่าเป็นห่วงจริงๆ