ผลจับสลากศึกฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2014/2015 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยคู่ที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นการพบกันของ 2 ทีมดังจากสเปน รีล มาดริด ปะทะ แอตเลติโก มาดริด อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 คู่ ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่จะเป็นไฮไลต์ให้ติดตามไม่แพ้กัน
“ชุดขาว” หวังย้ำแค้นตราหมี
โคจรมาปะทะกันอีกครั้ง นอกจากจะเป็นทั้งศึกสายเลือดจากสเปน และ ดาร์บีแมตช์เมืองมาดริด แล้ว ยังเป็นการรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศรายการนี้เมื่อปีที่แล้ว โดยครั้งก่อน ดีเอโก โกดิน โขกให้ “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ขึ้นนำก่อนตั้งแต่ น.36 แต่ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด ได้ เซร์คิโอ รามอส โหม่งเซฟชีวิตช่วงทดเจ็บ ยื้อถึงต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะยิง 3 เม็ดรวด พลิกแซงชนะไป 4-1 จาก แกเร็ธ เบล (น.110) มาเซโล (น.118) และ คริสเตียโน โรนัลโด (น.120 จุดโทษ) คว้าแชมป์สมัยที่ 10 ไปครอง
“ซลาตัน” เยือนถิ่นเก่า
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โคจรมาพบกับ บาร์เซโลนา ซึ่งนัดแรกจะได้เล่นในรัง ปาร์ก เดส์ แปรงก์ส ก่อน โดยไร้สตาร์ตัวเก่งอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงสวีดิช เนื่องจากติดโทษใบแดง แบน 1 เกม จากรอบที่แล้ว (พุ่งเสียบ ออสการ์ เสมอเชลซี 2-2) แต่อย่างไรก็ตาม จอมถล่มประตูวัย 33 ปี จะได้โอกาสกลับไปเยือนถิ่นเก่า คัมป์ นู อีกครั้ง ในนัดที่สอง หลังจากเคยย้ายไปร่วมทีมเมื่อปี 2009 - 2010 ยิงไป 16 ลูก จาก 29 เกม
“ม้าลาย” แพ้ทางโปรตุกีส
ยูเวนตุส เคยพบกับ โมนาโก ในรายการนี้เพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1997/98 ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งนัดแรกในบ้าน “ม้าลาย” ถล่มยับ 4-1 ก่อนจะบุกไปราชัยที่ มอนติ คาร์โล 2-3 แต่ยังเพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบชิงฯ และพ่าย รีล มาดริด ในด่านสุดท้าย 0-1 อย่างไรก็ตาม สถิติที่ผ่านมาในรายการนี้ ยูเวนตุส เคยปราบทีมจากเมืองน้ำหอมได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้นจากทั้งหมด 6 เกมที่เคยเจอ ขณะที่ โมนาโก พบทีมจากแดนมะกะโรนี 11 ครั้ง ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 6
“เสือใต้” เคยชอกช้ำเพราะปอร์โต
บาเยิร์น มิวนิก เคยปราชัยต่อทีมจากโปรตุเกสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 22 นัดที่เคยเจอ และนั่นก็คือการแพ้ต่อ ปอร์โต ในรอบชิงชนะเลิศ ถ้วยนี้สมัยใช้ชื่อ ยูโรเปียน คัพ เมื่อปี 1986/87 พร้อมส่งให้ ปอร์โต เถลิงแชมป์สโมสรยุโรปสมัยแรก ก่อนจะทำได้อีกครั้งในยุค โชเซ มูรินโญ ปี 2003/04
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
“ชุดขาว” หวังย้ำแค้นตราหมี
โคจรมาปะทะกันอีกครั้ง นอกจากจะเป็นทั้งศึกสายเลือดจากสเปน และ ดาร์บีแมตช์เมืองมาดริด แล้ว ยังเป็นการรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศรายการนี้เมื่อปีที่แล้ว โดยครั้งก่อน ดีเอโก โกดิน โขกให้ “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ขึ้นนำก่อนตั้งแต่ น.36 แต่ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด ได้ เซร์คิโอ รามอส โหม่งเซฟชีวิตช่วงทดเจ็บ ยื้อถึงต่อเวลาพิเศษ ก่อนจะยิง 3 เม็ดรวด พลิกแซงชนะไป 4-1 จาก แกเร็ธ เบล (น.110) มาเซโล (น.118) และ คริสเตียโน โรนัลโด (น.120 จุดโทษ) คว้าแชมป์สมัยที่ 10 ไปครอง
“ซลาตัน” เยือนถิ่นเก่า
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โคจรมาพบกับ บาร์เซโลนา ซึ่งนัดแรกจะได้เล่นในรัง ปาร์ก เดส์ แปรงก์ส ก่อน โดยไร้สตาร์ตัวเก่งอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงสวีดิช เนื่องจากติดโทษใบแดง แบน 1 เกม จากรอบที่แล้ว (พุ่งเสียบ ออสการ์ เสมอเชลซี 2-2) แต่อย่างไรก็ตาม จอมถล่มประตูวัย 33 ปี จะได้โอกาสกลับไปเยือนถิ่นเก่า คัมป์ นู อีกครั้ง ในนัดที่สอง หลังจากเคยย้ายไปร่วมทีมเมื่อปี 2009 - 2010 ยิงไป 16 ลูก จาก 29 เกม
“ม้าลาย” แพ้ทางโปรตุกีส
ยูเวนตุส เคยพบกับ โมนาโก ในรายการนี้เพียงครั้งเดียวเมื่อปี 1997/98 ในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งนัดแรกในบ้าน “ม้าลาย” ถล่มยับ 4-1 ก่อนจะบุกไปราชัยที่ มอนติ คาร์โล 2-3 แต่ยังเพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบชิงฯ และพ่าย รีล มาดริด ในด่านสุดท้าย 0-1 อย่างไรก็ตาม สถิติที่ผ่านมาในรายการนี้ ยูเวนตุส เคยปราบทีมจากเมืองน้ำหอมได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้นจากทั้งหมด 6 เกมที่เคยเจอ ขณะที่ โมนาโก พบทีมจากแดนมะกะโรนี 11 ครั้ง ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 6
“เสือใต้” เคยชอกช้ำเพราะปอร์โต
บาเยิร์น มิวนิก เคยปราชัยต่อทีมจากโปรตุเกสเพียงครั้งเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 22 นัดที่เคยเจอ และนั่นก็คือการแพ้ต่อ ปอร์โต ในรอบชิงชนะเลิศ ถ้วยนี้สมัยใช้ชื่อ ยูโรเปียน คัพ เมื่อปี 1986/87 พร้อมส่งให้ ปอร์โต เถลิงแชมป์สโมสรยุโรปสมัยแรก ก่อนจะทำได้อีกครั้งในยุค โชเซ มูรินโญ ปี 2003/04
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *