คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
วงการฟุตบอลไทยคึกคักกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หลังทีมชาติชุดเน้นผู้เล่นดาวรุ่งกลับจากมาเลเซียในนัดสุดท้าย พร้อมถ้วยแชมป์ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 กลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วประเทศ รายการโทรทัศน์ต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยจะสนใจว่านักฟุตบอลจะซ้อมกันอย่างไร กินอยู่อย่างไร ก็สนใจอยากจะรู้ อยากจะถามว่าปกติชอบเพลงอะไร ใครตลกที่สุดในทีม ใครชอบแกล้งใคร เพื่อสนองความต้องการอยากได้ใคร่รู้ของแฟนๆ ทางบ้าน ขณะที่นักฟุตบอลลูกครึ่งบางคนจากที่แค่มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง กลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ พอสื่อติดต่อสัมภาษณ์ก็บ่ายเบี่ยงต้องการเวลาเป็นส่วนตัว สื่อใหญ่พอไม่ได้ดั่งใจก็ไปใช้ปากกาทำร้ายเขาเสียว่าดังแล้วหยิ่งบ้าง ไม่เห็นหัวสื่อบ้าง เรื่องราวแบบนี้มีให้เห็นตลอดกับพวกจอมเบ่งทั้งหลาย
จบฟุตบอลถ้วยระดับชาติ ก็ถึงเวลาที่ระดับสโมสรจะมาเปิดฉากฟาดแข้งกันแล้ว หลายทีมเริ่มทยอยเปิดตัวทีมบริหาร ทีมทีมโค้ช ทีมผู้เล่น รวมถึงชุดแข่งขันที่เปลี่ยนกันใหม่ทุกปี เพื่อยั่วให้แฟนฟุตบอลของตัวต้องไปหาเสื้อแข่งขัน และของที่ระลึกต่างๆ เหมือนที่นักเตะสวมใส่มาประดับร่างกายไม่ให้อับอายว่าเชยสวมใส่ของเก่าเมื่อฤดูกาลก่อนไปเชียร์ แต่เมื่อทุกอย่างมันกลายเป็นเรื่องราวของธุรกิจ เสื้อแข่งขันหลายทีมจากเดิมที่ราคาแค่ 400 บาท 500 บาท หรือ 799 บาท ก็ขยับราคาสูงไปจนล่าสุดนี่เปิดตัวมาที่ 1,090 บาท หากว่าเป็นสโมสรใหญ่ ส่วนสโมสรระดับรองลงมาเสื้อผ้าก็ราคาถูกลงมาบ้าง ตามแต่ผู้บริหารทีมจะตั้งราคากันตามสมควร
ซึ่งปัจจุบันแฟนบอลที่เคยตามแห่ต้องไปซื้อกันวันเปิดตัวเขาก็เริ่มคิดได้ว่า ซื้อมา 5 - 6 ปี ตั้งแต่วันแรกเปิดตัวถึงแม้จะดูราคาไม่สูงมากเกินไป แต่พอมาช่วงกลางถึงปลายฤดูกาลจากราคาเสื้อ 1,090 บาท จะลงมาเหลือ 700 - 800 บาท หรือบางทีก็แค่ 400 - 500 บาท ในบางห้างร้านด้วยซ้ำไป ทีนี้พอแฟนบอลมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น เขาเริ่มรู้แล้วหละว่าซื้อเร็วไปก็เท่านั้น สู้รอซื้อช่วงปลายฤดูกาลจะดีกว่า ได้ของใหม่ แถมราคาถูกกว่ากันเยอะ แม้สโมสรจะได้สตางค์เข้าสู่ทีมน้อยลง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไปซื้อของปลอมที่ไม่มีใครได้อะไรเลยนอกจากพวกพ่อค้าเห็นแก่ได้ทั้งหลาย
พูดเรื่องสินค้าของสโมสรแล้ว นึกได้ว่าเกิดกรณีศึกษาขึ้นในสโมสรฟุตบอลใหญ่ทางภาคอีสาน เมื่อมีแฟนคลับรายหนึ่งซึ่งติดตามเชียร์ทีมมาเนิ่นนาน ไปผลิตสินค้าเสื้อยืด ผ้าพันคอ พร้อมติดชื่อสโมสรเข้าไปด้วยออกแจกจ่ายหารายได้สมทบทุนซื้ออุปกรณ์เชียร์ แถมมีความใกล้ชิดกับภรรยาขาเชียร์ของประธานสโมสรแห่งนี้ พอให้เจ้าหน้าที่ไปตักเตือนก็มีการบ่ายเบี่ยง แถมยังเอาชื่อภรรยาท่านประธานไปอ้างอีกว่าคุยกันแล้ว รับปากให้ผลิต คุยกันไปสุดท้ายขู่ดำเนินคดีกันถึงได้หยุด แต่กลุ่มแฟนบอลประเภทเข้าเส้นหลายรายออกอาการเสียความรู้สึก จนประกาศตัวไปเชียร์ทีมคู่แค้นคู่แข่งบารมีที่อยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ...กลายเป็นเรื่องเสียเหลี่ยมเสียฟอร์มกันไปอีก ถือเป็นบทเรียนสำคัญของผู้บริหารทีมเลยก็ได้ว่าต่อจากนี้จะไปให้ความสนิทสนมกับใครคงต้องระวังตัวกันหน่อยไม่งั้นก็เปลืองตัวเปล่าๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
วงการฟุตบอลไทยคึกคักกันมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หลังทีมชาติชุดเน้นผู้เล่นดาวรุ่งกลับจากมาเลเซียในนัดสุดท้าย พร้อมถ้วยแชมป์ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 กลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วประเทศ รายการโทรทัศน์ต่างๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยจะสนใจว่านักฟุตบอลจะซ้อมกันอย่างไร กินอยู่อย่างไร ก็สนใจอยากจะรู้ อยากจะถามว่าปกติชอบเพลงอะไร ใครตลกที่สุดในทีม ใครชอบแกล้งใคร เพื่อสนองความต้องการอยากได้ใคร่รู้ของแฟนๆ ทางบ้าน ขณะที่นักฟุตบอลลูกครึ่งบางคนจากที่แค่มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง กลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ พอสื่อติดต่อสัมภาษณ์ก็บ่ายเบี่ยงต้องการเวลาเป็นส่วนตัว สื่อใหญ่พอไม่ได้ดั่งใจก็ไปใช้ปากกาทำร้ายเขาเสียว่าดังแล้วหยิ่งบ้าง ไม่เห็นหัวสื่อบ้าง เรื่องราวแบบนี้มีให้เห็นตลอดกับพวกจอมเบ่งทั้งหลาย
จบฟุตบอลถ้วยระดับชาติ ก็ถึงเวลาที่ระดับสโมสรจะมาเปิดฉากฟาดแข้งกันแล้ว หลายทีมเริ่มทยอยเปิดตัวทีมบริหาร ทีมทีมโค้ช ทีมผู้เล่น รวมถึงชุดแข่งขันที่เปลี่ยนกันใหม่ทุกปี เพื่อยั่วให้แฟนฟุตบอลของตัวต้องไปหาเสื้อแข่งขัน และของที่ระลึกต่างๆ เหมือนที่นักเตะสวมใส่มาประดับร่างกายไม่ให้อับอายว่าเชยสวมใส่ของเก่าเมื่อฤดูกาลก่อนไปเชียร์ แต่เมื่อทุกอย่างมันกลายเป็นเรื่องราวของธุรกิจ เสื้อแข่งขันหลายทีมจากเดิมที่ราคาแค่ 400 บาท 500 บาท หรือ 799 บาท ก็ขยับราคาสูงไปจนล่าสุดนี่เปิดตัวมาที่ 1,090 บาท หากว่าเป็นสโมสรใหญ่ ส่วนสโมสรระดับรองลงมาเสื้อผ้าก็ราคาถูกลงมาบ้าง ตามแต่ผู้บริหารทีมจะตั้งราคากันตามสมควร
ซึ่งปัจจุบันแฟนบอลที่เคยตามแห่ต้องไปซื้อกันวันเปิดตัวเขาก็เริ่มคิดได้ว่า ซื้อมา 5 - 6 ปี ตั้งแต่วันแรกเปิดตัวถึงแม้จะดูราคาไม่สูงมากเกินไป แต่พอมาช่วงกลางถึงปลายฤดูกาลจากราคาเสื้อ 1,090 บาท จะลงมาเหลือ 700 - 800 บาท หรือบางทีก็แค่ 400 - 500 บาท ในบางห้างร้านด้วยซ้ำไป ทีนี้พอแฟนบอลมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น เขาเริ่มรู้แล้วหละว่าซื้อเร็วไปก็เท่านั้น สู้รอซื้อช่วงปลายฤดูกาลจะดีกว่า ได้ของใหม่ แถมราคาถูกกว่ากันเยอะ แม้สโมสรจะได้สตางค์เข้าสู่ทีมน้อยลง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไปซื้อของปลอมที่ไม่มีใครได้อะไรเลยนอกจากพวกพ่อค้าเห็นแก่ได้ทั้งหลาย
พูดเรื่องสินค้าของสโมสรแล้ว นึกได้ว่าเกิดกรณีศึกษาขึ้นในสโมสรฟุตบอลใหญ่ทางภาคอีสาน เมื่อมีแฟนคลับรายหนึ่งซึ่งติดตามเชียร์ทีมมาเนิ่นนาน ไปผลิตสินค้าเสื้อยืด ผ้าพันคอ พร้อมติดชื่อสโมสรเข้าไปด้วยออกแจกจ่ายหารายได้สมทบทุนซื้ออุปกรณ์เชียร์ แถมมีความใกล้ชิดกับภรรยาขาเชียร์ของประธานสโมสรแห่งนี้ พอให้เจ้าหน้าที่ไปตักเตือนก็มีการบ่ายเบี่ยง แถมยังเอาชื่อภรรยาท่านประธานไปอ้างอีกว่าคุยกันแล้ว รับปากให้ผลิต คุยกันไปสุดท้ายขู่ดำเนินคดีกันถึงได้หยุด แต่กลุ่มแฟนบอลประเภทเข้าเส้นหลายรายออกอาการเสียความรู้สึก จนประกาศตัวไปเชียร์ทีมคู่แค้นคู่แข่งบารมีที่อยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ...กลายเป็นเรื่องเสียเหลี่ยมเสียฟอร์มกันไปอีก ถือเป็นบทเรียนสำคัญของผู้บริหารทีมเลยก็ได้ว่าต่อจากนี้จะไปให้ความสนิทสนมกับใครคงต้องระวังตัวกันหน่อยไม่งั้นก็เปลืองตัวเปล่าๆ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *