xs
xsm
sm
md
lg

ใครก็ได้ช่วยฟุตซอลที / แมวดำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”

หลังจากทีมฟุตบอลทีมชาติไทย คว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 มาได้อย่างสะใจแฟนบอลทั้งชาติ ความรู้สึกยินดี และประทับใจยังคงหอมกรุ่นข้ามปีมาจนถึงทุกวันนี้ พร้อมกับมีนโยบายจากผู้บริหารสมาคมฯ ว่าต่อจากนี้มอบหมาย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชุดใหญ่ ดูแลนักเตะชุดนี้ลุยศึกคิงส์คัพ 2015 และคัดเลือกฟุตบอลโลก โซนเอเชีย รวมถึงแบ่งทีมไปดูชุดยู-22 สำหรับลงเล่นรอบคัดเลือกโอลิมปิก และ ยู-23 ลงเล่นฟุตบอลซีเกมส์ ที่สิงคโปร์ กลางปีนี้ ซึ่งความหวังของแฟนบอลชาวไทย และนักฟุตบอลทีม “ช้างศึก” รวมถึงขาใหญ่ในสมาคมลูกหนัง ต่างก็แววตามีประกายกับทีมฟุตบอลชุดนี้ หมายใจให้ไปถึงจุดหมายฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายเหมือนเช่นเดียวกับทีมหญิง ที่คว้าตั๋วไปแล้ว

ใจจริงก็ไม่อยากขัดขวางความคิด ความฝัน หรือความหวังของใคร เพียงแต่การได้แชมป์อาเซียนครั้งนี้ มันแค่เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หากไม่หลอกตัวเองก็จะรู้ดีว่าทีมชาติไทย เพียงแค่มาอยู่ในจุดที่เคยยืนคือเจ้าอาเซียน ซึ่งในอดีตเราก็ทำได้มาแทบนับครั้งไม่ถ้วนในรายการอย่างซีเกมส์ แต่ถ้วย “ซูซูกิ คัพ” นั้นหากหายไปนาน 12 ปี จึงออกจะเป็นอารมณ์ที่หลายคนอาจลืมเลือนบรรยากาศเก่าๆไปบ้างเท่านั้น พอผลงานดีความคาดหวังก็ย่อมมากขึ้น ในศึกชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 43 ระหว่างวันที่ 1-7 ก.พ. นี้ ณ เมืองย่าโม จึงมีเป้าหมายเดียวที่จะไปให้ถึงคือแชมป์ แต่ก็อย่างที่เราเห็นว่าพอยังไม่ทันจะได้ซ้อมกันเลย ก็มีข่าวว่าทีมที่เชิญมาแข่งขันบางทีมเขาก็ออกมาปฏิเสธกันเสียแล้ว มันเลยมีคำถามเรื่องการจัดการฟุตบอลของเราว่ามันดีพอแล้วหรือที่เราจะวาดหวังให้ไปไกลระดับฟุตบอลโลก

จะว่าไปแล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าพัฒนาการของนักฟุตบอลทีมชาติไทย ส่วนใหญ่น่าจะมาจากการพัฒนาระบบลีกให้เข้าสู่ความเป็นมืออาชีพ จำได้ว่าหลายปีก่อนบางสโมสรในระดับสูงลงแข่งขันแบบแทบจะไร้บริษัท ห้างร้านรายใหญ่มาเป็นผู้สนับสนุนเพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์กร พอทีมไหนได้สปอนเซอร์รายใหญ่ที ผู้บริหารทีมดีใจจนแทบน้ำตาจะไหล ผิดกับทุกวันนี้ที่พอลีกพัฒนาขึ้น นักฟุตบอลพัฒนาขึ้น ระบบต่างๆ ก็เริ่มพัฒนาตามไปด้วย กลายเป็นการสร้างบุคลากรที่มีค่า และประสบการณ์มาประดับวงการฟุตบอลไทย ซึ่งแม้ทีมชาติจะประสบความสำเร็จระดับอาเซียน แต่ก็ถือว่ายังตามหลังทีมระดับหัวแถวของเอเชียอยู่ไม่น้อย และการยกระดับทีมไปเทียบกับบิ๊กทีมทั้งหลายก็ไม่ง่ายเพียงแค่ 1-2 ปีนี้แน่ ดังนั้นผู้บริหารในวงการลูกหนังต้องวางแผนให้เป็นระบบ อย่าเอาแต่เดินสายประชุมในต่างประเทศอย่างเดียว

แม้ฟุตบอลประเทศนี้กำลังไปได้สวย แต่อยากให้หันไปมองทีมฟุตซอลบ้าง คว้าแชมป์อาเซียนครั้งล่าสุดมาได้เงินอัดฉีดแค่ 3 แสนบาท เทียบกับทีมฟุตบอลชุดใหญ่แล้วห่างไกลหลายสิบปีแสง แล้วทีมฟุตซอลนี่ไม่ใช่หรือที่ไปไกลระดับฟุตซอลชิงแชมป์โลกมาแล้ว ก้าวมาคว้ารองแชมป์เอเชีย ท้าทายมหาอำนาจลูกหนังโต๊ะเล็กอย่าง ญี่ปุ่น และ อิหร่าน อย่างสง่างาม ทุกวันนี้สภาพทีมชาติไทยเรียกว่าไม่หนีไปจากคำว่า “แพแตก” ฟุตซอลลีกที่ควรจะเปิดฤดูกาลได้ตั้งนานก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนตอนนี้ก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นเดือนเมษายน หรือพฤษภาคมนี้กันแน่ ส่งผลให้เหล่าบรรดานักเตะโต๊ะเล็กหลายรายหมดความอดทน เพราะเมื่อไร้โปรแกรมแข่ง เงินทองที่เคยได้จะมีใครยอมจ่ายในเมื่อไม่รู้ชะตาว่าลีกจะได้เปิดแข่งขันกันเมื่อใด สุดท้ายก็ตัดใจแยกย้ายไปคัดตัวกับสโมสรฟุตบอลในไทยลีก แล้วแบบนี้ความเกรียงไกรของทีมชาติไทยใครจะสานต่อ

ถ้าผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอลแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ หน่วยงานที่ดูแลเรื่องกีฬาของชาติอย่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย น่าจะตื่นจากภวังค์มาทำหน้าที่ของตัวเองกันบ้าง ไม่ใช่รอให้นักกีฬาประสบความสำเร็จแล้วค่อยวิ่งหาเงินมาอัดฉีดเหมือนที่ผ่านมา

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น