xs
xsm
sm
md
lg

“ฮอนด้า” ปูพรมนักบิด ไทยพร้อม 3 ปีสู่อีกขั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฮอนด้า เดินหน้าต่อเนื่อง
ASTV ผู้จัดการรายวัน - จุดเริ่มต้นโกอินเตอร์อย่างจริงจังวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยน่าจะอยู่ที่ช่วงทศวรรษ 90 ประมาณปี 1993 ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นต่อเนื่องภายใต้การนำของค่าย เอ.พี.ฮอนด้า ที่ปัจจุบันมีนักบิดควบรถประดับธงไตรรงค์โลดแล่นศึกจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรุ่น โมโต ทู แต่ทุกอย่างคงไม่หยุดแค่นี้ เพราะเด็กที่มีฝีไม้ลายมืออยู่แล้วได้รับการขัดเกลาจากโค้ช ประกอบกับการผุดของ ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต สนามมาตรฐานระดับโลกที่จังหวัดบุรีรัมย์ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างพร้อมความฝันอีก 3 ปีข้างหน้าที่จะเห็นความสำเร็จอีกก้าวคงไม่ไกลเกินเอื้อม

ที่ผ่านมา เอ.พี.ฮอนด้า ประสบความสำเร็จไม่น้อยที่ผลักดันจนมีนักบิดไทยลงแข่งขันรุ่น โมโต ทู ปัจจุบันฤดูกาล 2014 ที่เพิ่งรูดม่านก็คือ “ติ๊งโน้ต” ฐิติพงศ์ วโรกร สังกัด เอพีเอช พีทีที เดอะ พิซซ่า แซก ก่อนหน้านี้ก็มี “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่ไปปูทางอยู่ก่อนแล้ว ณ ตอนนี้บิด ซูเปอร์สปอร์ต เวิลด์ แชมเปียนชิป เป็นหลัก แต่ได้รับเชิญจาก แอร์เอเชีย คาเตอร์แฮม ให้มาขี่ ซึ่งก็จบที่ 19 สนามสุดท้าย “บาเลนเซีย กรังด์ ปรีซ์” ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเวทีระดับนี้เปรียบเสมือนฟุตบอลโลก ใครได้ผ่านเข้ามาร่วมชิงชัยถือว่าสุดยอดในฐานะตัวแทนแต่ละประเทศที่ผ่านการเลือกเฟ้นมาแล้วอย่างดี

ไม่ใช่แค่รุ่น โมโต จีพี หรือ โมโต ทู แต่ยังรวมถึง โมโต ทรี ด้วยที่มีมาคัดเลือกจากทั่วเอเชียราว 600 คนไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย รวมถึง ไทย โดยช่วง 2 - 3 ปีหลัง ไทย ส่งไปประมาณ 10 คน ต้องทดสอบเก็บคะแนนไปเรื่อยๆ ปีที่ผ่านมาที่ มาเลเซีย ส่งไป 2 คนติด 1 คน

ดังนั้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ไปอยู่ในแพ็ดด็อกกระทบไหล่นักบิดระดับโลกรุ่น โมโต จีพี อย่าง วาเลนติโน รอสซี ชาวอิตาเลียนวัย 35 ปีแชมป์โลก 7 สมัย (นับเฉพาะ พรีเมียร์ คลาส) ฆอร์เก ลอเรนโซ จากสเปนแชมป์โลกปี 2010 กับ 2012 และล่าสุด ไม่มีใครแรงเกินเจ้าหนู มาร์ค มาร์เกวซ วัย 21 ปี ค่าย เร็ปโซล ฮอนด้า แชมป์ 2 สมัยซ้อนที่อายุน้อยสุดปี 2013 กับ 2014 ซึ่งเป็น 1 ใน 4 คนร่วมกับ ไมค์ เฮลวูด, ฟิล รีด และ รอสซี ที่ได้แชมป์โลก 3 รุ่น แถมยังได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ ที่บาเลนเซียด้วยการเป็นแชมป์มากที่สุด 13 เรซต่อปีแซงหน้า มิค ดูฮาน ของออสเตรเลียที่ทำเอาไว้ปี 1997

ทุกคนต่างถูกยอมรับเท่าเทียมกันหมดไม่เว้นแม้แต่ “ฟิล์ม” หรือ “ติ๊งโน้ต” เพราะทั้งคู่ได้รับการฝึกอบรมหลักสูตร ฮอนด้า เรซซิง สคูล ฝ่าฟันทั้งระดับ อาเซียน เอเซีย รวมถึง ออล เจแปน แชมเปียนชิป แม้จะไม่เคยขึ้นโพเดียม โมโต ทู รวมถึงปี 2014 ไร้แต้มติดมือ แต่เวลาที่ออกมาก็ถือว่าตามหลังแชมป์สนามไม่กี่วินาทีเท่านั้น

จากนี้คงอยู่ที่นักบิดไทยรุ่นใหม่ที่จะขึ้นมาทดแทน เห็นได้จากฤดูกาล 2014 ซึ่งเป็นปีแรกที่แชมป์โลก 3 รุ่นเป็นชาวสแปนิชหมดเลยไล่ตั้งแต่ โมโต ทรี อเล็กซ์ มาร์เกวซ วัย 18 ปีน้องชาย มาร์ค มาร์เกวซ รุ่นใหญ่สุด โมโต จีพี อายุ 21 ปี และ เอสเตฟ ราบัต อายุ 25 ปีรุ่น โมโต ทู ซึ่ง อารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยกล่าวว่า “เราพยายามสร้างตั้งแต่เด็กอายุ 14 - 18 ปีแล้ว เดี๋ยวนี้ 20 ปี ไม่เอาถือว่าแก่ฝึกลำบาก เน้นพวกสดๆ เลย”

ของไทยที่พอมีแววและผ่านการคัดเลือกร่วมกับนักบิดจาก ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น ก็มี สมเกียรติ จันทรา, นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ และ มุกข์ลดา สารพืช โดยแหล่งข่าวเผยว่า เอ.พี.ฮอนด้า ได้เตรียมจ้างโค้ชจากแดนปลาดิบที่เคยแข่งระดับโลกมาแล้วมาอบรม แม้จะต้องเสียค่าจ้างวันละประมาณ 1 แสนบาท รวมถึงนำเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยการฝึก เพราะการเบรคก่อนเพียงเสี้ยววินาทีอาจจะมีผลทำให้ถูกแซง หรือผิดพลาดล้มต้องออกจากการแข่งขันได้ ดังนั้นโปรแกรมนี้จะวิเคราะห์ออกมาเพื่อให้ทุกคนกลับไปทำการบ้านและแก้ไขข้อบกพร่องต่อไป

ส่วนอีกปัจจัยที่สำคัญก็คือสนามแบบเซอร์กิตระดับโลก โดยปัจจุบัน เอ.พี.ฮอนด้า ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักของ ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ที่จะช่วยให้นักบิดไทยสามารถไปสู้กับระดับโลกได้ เนื่องจากมาตรฐานที่มีทางตรงยาวสามารถทำความเร็วได้ถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมแต่ละโค้งท้าทายแตกต่างกัน โดยเฉพาะโค้งที่ 12 หรือโค้งสุดท้ายที่ขี่ยากมากลักษณะหักศอกหลังมาด้วยความเร็วสูง

อารักษ์ ทิ้งท้ายว่า “นักบิดไทยที่จะขึ้นมานั้นทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะก่อนหน้านี้เราไม่มีสนาม ถ้ามีสนามแบบ ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต เมื่อ 3 - 4 ปีที่แล้วก็คงดี เนื่องจากทางตรงไฮสปีดในเมืองไทยไม่มี ทุกคนไม่เคยสัมผัสไม่เคยซ้อม พอไปเจอของจริงก็กลัวแล้ว ดังนั้น ถ้าเรามีนักแข่งดีๆ มีสนามพร้อมเราเก่ง น่าจะ 3 ปีจากนี้ ซึ่งต้องฝ่าด่านเสือสิงห์กระทิงแรดจากเอเชียขึ้นไปให้ได้ก่อนด้วย แต่ไม่ง่ายเลย อินโดนีเซีย กับ มาเลเซีย ก็ไม่ธรรมดาพัฒนาขึ้นมาเร็ว เพราะมีสนามของเขาเอง ส่วนเป้าหมายในอนาคตเวทีระดับโลกติดท็อป 15 ก็พอ เพราะการขึ้นโพเดียมต้องยอมรับว่าค่อนข้างยาก”

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


“ติ๊งโน้ต” ปีหน้าลุยต่อ
นักบิดที่ ฮอนด้า ผลักดัน
สนามระดับโลกที่ไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น