คอลัมน์ "สกอร์บอร์ด" โดย แมวดำ
ตั้งแต่โลกของเรามีเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านระบบอินเตอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ความง่ายดายในการสื่อสารข้ามโลกจากบุคคลหนึ่งไปถึงบุคคลหนึ่งทั้งๆ ที่อยู่กันคนละซีกโลกมันก็เป็นเรื่องง่ายดายขึ้น ซึ่งว่ากันตรงๆ นั่นมันแทบจะเป็นอดีตไปแล้ว เพราะทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือที่เราพกพากันถูกพัฒนาให้ทำงานเสมือนหนึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่อันสามารถพกพาใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตไปได้ทุกที่ทุกทาง อยากจะควักขึ้นมาส่งข้อความ ภาพ และเสียงบอกใครว่าทำอะไร ทานอะไร หรือถูกขโมย "เหนียวไก่" ที่สตูล ก็ยังสื่อสารไปสู่คนทั่วโลกในชั่วพริบตา และกลายเป็นคนดังผู้ถูกสื่อตามล่าตัวมาสัมภาษณ์ตกเป็นข่าวได้เพียงชั่วข้ามคืน
ในแวดวงกีฬาโลกนักกีฬาดังๆ ต่างก็มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับแสดงความคิด ความเห็นต่างๆ เพื่อสื่อสารกับแฟนๆ ของตัวเองโดยตรงไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ หรือ อินสตาร์แกรม ซึ่งหลายรายพอมีคนติดตามมากขึ้นก็มักจะมีเรื่องของการค้าขายตามมา จะว่าไปแล้วก็คงไม่แปลก ของแบบนี้อยู่ที่วิจารญาณของผู้บริโภคที่แล้วแต่จะมองว่าเหมาะสม หรือไม่ ต้องการก็ซื้อ ไม่ต้องการก็ไม่ต้องซื้อ เป็นที่เข้าใจได้
แต่เรื่องมันเกิดขึ้นตรงที่ว่าทุกวันนี้ในบ้านเรามีการเปิดแฟนเพจที่นำเอาชื่อเสียงเรียงนามของเหล่าบรรดาคนดังในสังคมมาอ้างอิง ยกตัวอย่างกรณีของ อุดม แต้มพานิช ดาราตลกคนดังอดรนทนไม่ไหวที่มีเด็กหนุ่มวัย 17 ปี แอบอ้างเปิดแฟนเพจ พร้อมขู่ว่าหากไม่นำเงินมาให้เป็นจำนวนนับแสนบาทก็จะไม่ปิดเพจดังกล่าว จนต้องขึ้นโรงพักไปแจ้งความเอาผิดไว้ นอกจากนี้ยังมีการเปิดเพจต่างๆ นานา โดยที่อ้างว่าเป็นนักกีฬาดัง เพื่อหากินกับชื่อเสียงของนักกีฬาไทย
เท่าที่ติดตามเรื่องเหล่านี้ทำให้ผมทราบว่า "นักมวยเหน่อๆ" สามารถ พยัคฆ์อรุณ อดีตยอดมวยดัง ซึ่งทุกวันนี้เปิดค่ายมวย ภพธีรธรรม และรับพากษ์มวยดัง 8 ทิศ ทางช่อง 8 ก็โดนดีเข้าให้เหมือนกัน หลังมีคนแอบอ้างไปเปิดเพจในชื่อของตัวเอง พร้อมกับโพตส์ข้อความไม่สุภาพ หยาบคาย พาลจะทำให้เสียหายเอาดื้อๆ ก่อนหน้านี้ "บัญชาเมฆยิม" ค่ายมวยของนักชกดังอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ ก็ออกมาแฉว่าโดนพวกสมองน้อยเปิดเพจปลอมไปเที่ยวแชทล่อลวงแฟนคลับโดยเฉพาะสาวๆ ในเชิงไม่เหมาะสมมาแล้ว
ขณะที่สตาร์ลูกหนังคนดังจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด "อุ้ม" ธีรธร บุญมาทัน ก็เจอมาแล้ว อันนี้แสบไม่เบา เพราะดันไปเปิดเพจปลอม พร้อมส่งข้อความขอมีอะไรกับแฟนคลับสาวๆ จนเจ้าตัวต้องออกมาปฏิเสธกันให้วุ่นวายว่ามีเพจเพียงเพจเดียว อันอื่นไม่ใช่ ไม่ต้องมาถามว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม ดูก็รู้ว่าใครพูดอะไรมั่วๆ เพี้ยนๆ นั่นแหละของปลอม เพราะส่วนตัวไม่มีเวลามานั่งเล่นเฟซบุ๊คเท่าไรนัก
สำหรับเมืองไทยมีเพจต่างๆ ที่แอบอ้างชื่อนักกีฬา โค้ช ผู้บริหารสมาคมกีฬาเกิดขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่อาจเกิดจากความรัก ความศรัทธาที่มีต่อขวัญใจ แต่จำนวนไม่น้อยก็ทำไปเพื่อให้ได้ยอดไลท์มากพอ ก่อนจะปล่อยขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าหัวใสแปลงตัวไปเป็นเพจค้าขายสินค้า การปลอมแปลงดังกล่าวเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2520 ซึ่งหากฟ้องร้องกันจริงๆ มีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี รู้แบบนี้แล้วก็อย่าไปให้ร้ายใครในโลกออนไลน์เลยครับ...เสี่ยง
ตั้งแต่โลกของเรามีเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านระบบอินเตอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ความง่ายดายในการสื่อสารข้ามโลกจากบุคคลหนึ่งไปถึงบุคคลหนึ่งทั้งๆ ที่อยู่กันคนละซีกโลกมันก็เป็นเรื่องง่ายดายขึ้น ซึ่งว่ากันตรงๆ นั่นมันแทบจะเป็นอดีตไปแล้ว เพราะทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือที่เราพกพากันถูกพัฒนาให้ทำงานเสมือนหนึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่อันสามารถพกพาใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตไปได้ทุกที่ทุกทาง อยากจะควักขึ้นมาส่งข้อความ ภาพ และเสียงบอกใครว่าทำอะไร ทานอะไร หรือถูกขโมย "เหนียวไก่" ที่สตูล ก็ยังสื่อสารไปสู่คนทั่วโลกในชั่วพริบตา และกลายเป็นคนดังผู้ถูกสื่อตามล่าตัวมาสัมภาษณ์ตกเป็นข่าวได้เพียงชั่วข้ามคืน
ในแวดวงกีฬาโลกนักกีฬาดังๆ ต่างก็มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับแสดงความคิด ความเห็นต่างๆ เพื่อสื่อสารกับแฟนๆ ของตัวเองโดยตรงไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ หรือ อินสตาร์แกรม ซึ่งหลายรายพอมีคนติดตามมากขึ้นก็มักจะมีเรื่องของการค้าขายตามมา จะว่าไปแล้วก็คงไม่แปลก ของแบบนี้อยู่ที่วิจารญาณของผู้บริโภคที่แล้วแต่จะมองว่าเหมาะสม หรือไม่ ต้องการก็ซื้อ ไม่ต้องการก็ไม่ต้องซื้อ เป็นที่เข้าใจได้
แต่เรื่องมันเกิดขึ้นตรงที่ว่าทุกวันนี้ในบ้านเรามีการเปิดแฟนเพจที่นำเอาชื่อเสียงเรียงนามของเหล่าบรรดาคนดังในสังคมมาอ้างอิง ยกตัวอย่างกรณีของ อุดม แต้มพานิช ดาราตลกคนดังอดรนทนไม่ไหวที่มีเด็กหนุ่มวัย 17 ปี แอบอ้างเปิดแฟนเพจ พร้อมขู่ว่าหากไม่นำเงินมาให้เป็นจำนวนนับแสนบาทก็จะไม่ปิดเพจดังกล่าว จนต้องขึ้นโรงพักไปแจ้งความเอาผิดไว้ นอกจากนี้ยังมีการเปิดเพจต่างๆ นานา โดยที่อ้างว่าเป็นนักกีฬาดัง เพื่อหากินกับชื่อเสียงของนักกีฬาไทย
เท่าที่ติดตามเรื่องเหล่านี้ทำให้ผมทราบว่า "นักมวยเหน่อๆ" สามารถ พยัคฆ์อรุณ อดีตยอดมวยดัง ซึ่งทุกวันนี้เปิดค่ายมวย ภพธีรธรรม และรับพากษ์มวยดัง 8 ทิศ ทางช่อง 8 ก็โดนดีเข้าให้เหมือนกัน หลังมีคนแอบอ้างไปเปิดเพจในชื่อของตัวเอง พร้อมกับโพตส์ข้อความไม่สุภาพ หยาบคาย พาลจะทำให้เสียหายเอาดื้อๆ ก่อนหน้านี้ "บัญชาเมฆยิม" ค่ายมวยของนักชกดังอย่าง บัวขาว บัญชาเมฆ ก็ออกมาแฉว่าโดนพวกสมองน้อยเปิดเพจปลอมไปเที่ยวแชทล่อลวงแฟนคลับโดยเฉพาะสาวๆ ในเชิงไม่เหมาะสมมาแล้ว
ขณะที่สตาร์ลูกหนังคนดังจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด "อุ้ม" ธีรธร บุญมาทัน ก็เจอมาแล้ว อันนี้แสบไม่เบา เพราะดันไปเปิดเพจปลอม พร้อมส่งข้อความขอมีอะไรกับแฟนคลับสาวๆ จนเจ้าตัวต้องออกมาปฏิเสธกันให้วุ่นวายว่ามีเพจเพียงเพจเดียว อันอื่นไม่ใช่ ไม่ต้องมาถามว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม ดูก็รู้ว่าใครพูดอะไรมั่วๆ เพี้ยนๆ นั่นแหละของปลอม เพราะส่วนตัวไม่มีเวลามานั่งเล่นเฟซบุ๊คเท่าไรนัก
สำหรับเมืองไทยมีเพจต่างๆ ที่แอบอ้างชื่อนักกีฬา โค้ช ผู้บริหารสมาคมกีฬาเกิดขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่อาจเกิดจากความรัก ความศรัทธาที่มีต่อขวัญใจ แต่จำนวนไม่น้อยก็ทำไปเพื่อให้ได้ยอดไลท์มากพอ ก่อนจะปล่อยขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าหัวใสแปลงตัวไปเป็นเพจค้าขายสินค้า การปลอมแปลงดังกล่าวเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2520 ซึ่งหากฟ้องร้องกันจริงๆ มีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี รู้แบบนี้แล้วก็อย่าไปให้ร้ายใครในโลกออนไลน์เลยครับ...เสี่ยง