คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
2014 ATP World Tour Finals การแข่งขันเทนนิสอาชีพชายรายการใหญ่สิ้นปีของสมาคมเทนนิสอาชีพ (Association of Tennis Professionals - ATP) ในปีนี้นับเป็นครั้งที่ 45 ได้เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้วตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อนที่ ดิ โอทู อารีนา (The O2 Arena) ในกรุงลอนเดิ้น ประเทศอังกฤษ และจะไปสิ้นสุดรู้ผลกันในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้
เทนนิสรายการนี้เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1970 โดย สหพันธ์ลอนเทนนิสนานาชาติ (The International Lawn Tennis Federation - ILTF ) อันนี้ก็คือ ITF ในปัจจุบัน ซึ่งในระยะแรกการแข่งขันยังใช้ชื่อ เดอะ มาสเต้อร์ กร็อง ปรี (The Masters Grand Prix) เป็นรายการที่ยังไม่มีคะแนนสะสมให้ ขณะเดียวกันในยุคนั้นก็ยังมีการจัดการแข่งขันคล้ายกันโดยองค์กรอื่นๆด้วยเช่นกัน และด้วยวันเวลาที่ผ่านเลยมา การแข่งขันเทนนิสอาชีพชายรายการใหญ่สิ้นปีก็มีวิวัฒนาการมาเป็นลำดับ
จนมาถึงปี 2009 จาก เดอะ มาสเต้อร์ส ก็เปลี่ยนชื่อเป็น เอทีพี เวิร์ลด์ ทัวร์ ฟายน่อลส์ (ATP World Tour Finals) มาทำการแข่งขันที่ ดิ โอทู ใน กรุงลอนเดิ้น สนามที่สามารถรองรับแฟนๆเทนนิสได้ถึง 17,500 ที่นั่งเชียว ซึ่งความจริงมีสัญญาจัดที่นี่จนถึงปี 2015 แต่ผมได้ยินมาว่า เมื่อตอนที่ กรุงลอนเดิ้น เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โอลิมปิค เกมส์ 2012 นั้น ได้มีการเจรจาต่อสัญญาไปแล้วอีก 1 ปี จนถึงปี 2016
นักเทนนิสชายทั้ง 8 คนที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มๆละ 4 คน แข่งกันเองในกลุ่มให้ครบ อันนี้เรียกว่า ราวน์ด ร๊อบบิ้น (Round Robin) แล้วนำเอา 2 อันดับแรกของทั้ง 2 กลุ่มมาไขว้เจอกันในรอบรองชนะเลิศ ผู้ชนะในรอบนี้ได้เข้าไปชิงชนะเลิศ ซึ่งทุกเกมนั้นจะแข่งกันในระบบชนะ 2 ใน 3 เซ็ท มี ทาย เบรค ด้วย
ในเรื่องเงินรางวัลการแข่งขันนั้น ผมจะพูดถึงเฉพาะประเภทชายเดี่ยว โดยนักเทนนิสสำรองจะได้รับค่าใช้จ่าย 85,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 2.8 ล้านบาท ส่วนพวกตัวจริงนั้นรับไปก่อนคนละ 155,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 5.1 ล้านบาท ถ้าแข่งชนะในรอบแบ่งกลุ่มจะได้นัดละ 155,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส ถ้าสามารถคว้าแช้มพ์ได้ก็จะได้รับเงินรางวัลอีก 1,455,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส นั่นหมายความว่า เงินรางวัลสูงสุดที่แช้มพ์จะได้รับในกรณีที่แข่งชนะทุกเกมก็คือ 2,075,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 68 ล้านบาท ส่วนรองแช้มพ์จะได้รับเงินรางวัลอีก 475,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หมายความว่าถ้าหมอนี่พลาดท่าแพ้เพียงเกมชิงชนะเลิศก็มีสิทธิ์คว้าเงินรางวัลรวมสูงสุดถึง 1,095,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 36 ล้านบาท
นอกจากจะได้เงินรางวัลไปไม่น้อยแล้วคะแนนสะสมก็รับไปด้วย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลงานของแต่ละคนเช่นกัน โดยผู้ชนะในรอบแบ่งกลุ่มได้รับเกมละ 200 คะแนน เป็นรองแช้มพ์ก็แถมอีก 400 คะแนน ซึ่งจะทำให้รับไปเต็มๆ 1,000 คะแนน ถ้าในรอบแบ่งกลุ่มสามารถกวาดชัยชนะได้หมด ยิ่งถ้าคว้าแช้มพ์แบบที่กรุยทางมาโดยไม่แพ้ใครจะได้คะแนนรวมถึง 1,500 เลยทีเดียว เนื่องจากเขามีแถมให้แช้มพ์อีก 900 คะแนน
แฟนๆเทนนิสไม่น่าพลาดรายการใหญ่สิ้นปีแบบนี้ ติดตามชม 8 นักเทนนิส ซึ่งหนนี้แม้ไม่มี ราฟาเอล นาดาล รองแช้มพ์ปีที่แล้ว ชาวสเปน เนื่องจากเพิ่งผ่าตัดไส้ติ่ง จึงขอหยุดพักให้เต็มอิ่มก่อนที่จะเริ่มฤดูกาล 2015 ดีกว่า ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นาดาล ไม่เข้าร่วมการแข่งขัน เพราะในปี 2008 และ 2012 ก็ได้ให้เหตุผลจากปัญหาอาการบาดเจ็บเรื่องแถวๆเข่าทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม รายการนี้ก็ยังน่าติดตามผลงานของ โนวัค โยโควิช (Novak Djokovic) โรเจ้อร์ เฟเดอเร่อร์ (Roger Federer) สตานิสล้าส ฟาฟริงก้า (Stanislas Wawrinka) แอนดี้ มารี่ย์ (Andy Murray) โตม้าช แบรดิค (Tomas Berdych) มีล้อช ราโอนิช (Milos Raonic) มาริน ชีลิช (Marin Cilic) โดยเฉพาะ เคอิ นิชิโคริ (Kei Nishikori) นักหวดญี่ปุ่น 1 เดียวจากทวีปเอเชียที่เพิ่งโชว์ฟอร์มเอาชนะ แอนดี้ มารี่ย์ นักหวดชาติเจ้าภาพมาได้ในนัดแรก
2014 ATP World Tour Finals การแข่งขันเทนนิสอาชีพชายรายการใหญ่สิ้นปีของสมาคมเทนนิสอาชีพ (Association of Tennis Professionals - ATP) ในปีนี้นับเป็นครั้งที่ 45 ได้เริ่มเปิดฉากขึ้นแล้วตั้งแต่เมื่อ 3 วันก่อนที่ ดิ โอทู อารีนา (The O2 Arena) ในกรุงลอนเดิ้น ประเทศอังกฤษ และจะไปสิ้นสุดรู้ผลกันในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้
เทนนิสรายการนี้เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1970 โดย สหพันธ์ลอนเทนนิสนานาชาติ (The International Lawn Tennis Federation - ILTF ) อันนี้ก็คือ ITF ในปัจจุบัน ซึ่งในระยะแรกการแข่งขันยังใช้ชื่อ เดอะ มาสเต้อร์ กร็อง ปรี (The Masters Grand Prix) เป็นรายการที่ยังไม่มีคะแนนสะสมให้ ขณะเดียวกันในยุคนั้นก็ยังมีการจัดการแข่งขันคล้ายกันโดยองค์กรอื่นๆด้วยเช่นกัน และด้วยวันเวลาที่ผ่านเลยมา การแข่งขันเทนนิสอาชีพชายรายการใหญ่สิ้นปีก็มีวิวัฒนาการมาเป็นลำดับ
จนมาถึงปี 2009 จาก เดอะ มาสเต้อร์ส ก็เปลี่ยนชื่อเป็น เอทีพี เวิร์ลด์ ทัวร์ ฟายน่อลส์ (ATP World Tour Finals) มาทำการแข่งขันที่ ดิ โอทู ใน กรุงลอนเดิ้น สนามที่สามารถรองรับแฟนๆเทนนิสได้ถึง 17,500 ที่นั่งเชียว ซึ่งความจริงมีสัญญาจัดที่นี่จนถึงปี 2015 แต่ผมได้ยินมาว่า เมื่อตอนที่ กรุงลอนเดิ้น เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โอลิมปิค เกมส์ 2012 นั้น ได้มีการเจรจาต่อสัญญาไปแล้วอีก 1 ปี จนถึงปี 2016
นักเทนนิสชายทั้ง 8 คนที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มๆละ 4 คน แข่งกันเองในกลุ่มให้ครบ อันนี้เรียกว่า ราวน์ด ร๊อบบิ้น (Round Robin) แล้วนำเอา 2 อันดับแรกของทั้ง 2 กลุ่มมาไขว้เจอกันในรอบรองชนะเลิศ ผู้ชนะในรอบนี้ได้เข้าไปชิงชนะเลิศ ซึ่งทุกเกมนั้นจะแข่งกันในระบบชนะ 2 ใน 3 เซ็ท มี ทาย เบรค ด้วย
ในเรื่องเงินรางวัลการแข่งขันนั้น ผมจะพูดถึงเฉพาะประเภทชายเดี่ยว โดยนักเทนนิสสำรองจะได้รับค่าใช้จ่าย 85,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 2.8 ล้านบาท ส่วนพวกตัวจริงนั้นรับไปก่อนคนละ 155,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 5.1 ล้านบาท ถ้าแข่งชนะในรอบแบ่งกลุ่มจะได้นัดละ 155,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส ถ้าสามารถคว้าแช้มพ์ได้ก็จะได้รับเงินรางวัลอีก 1,455,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส นั่นหมายความว่า เงินรางวัลสูงสุดที่แช้มพ์จะได้รับในกรณีที่แข่งชนะทุกเกมก็คือ 2,075,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 68 ล้านบาท ส่วนรองแช้มพ์จะได้รับเงินรางวัลอีก 475,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หมายความว่าถ้าหมอนี่พลาดท่าแพ้เพียงเกมชิงชนะเลิศก็มีสิทธิ์คว้าเงินรางวัลรวมสูงสุดถึง 1,095,000 ยูเอส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณ 36 ล้านบาท
นอกจากจะได้เงินรางวัลไปไม่น้อยแล้วคะแนนสะสมก็รับไปด้วย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลงานของแต่ละคนเช่นกัน โดยผู้ชนะในรอบแบ่งกลุ่มได้รับเกมละ 200 คะแนน เป็นรองแช้มพ์ก็แถมอีก 400 คะแนน ซึ่งจะทำให้รับไปเต็มๆ 1,000 คะแนน ถ้าในรอบแบ่งกลุ่มสามารถกวาดชัยชนะได้หมด ยิ่งถ้าคว้าแช้มพ์แบบที่กรุยทางมาโดยไม่แพ้ใครจะได้คะแนนรวมถึง 1,500 เลยทีเดียว เนื่องจากเขามีแถมให้แช้มพ์อีก 900 คะแนน
แฟนๆเทนนิสไม่น่าพลาดรายการใหญ่สิ้นปีแบบนี้ ติดตามชม 8 นักเทนนิส ซึ่งหนนี้แม้ไม่มี ราฟาเอล นาดาล รองแช้มพ์ปีที่แล้ว ชาวสเปน เนื่องจากเพิ่งผ่าตัดไส้ติ่ง จึงขอหยุดพักให้เต็มอิ่มก่อนที่จะเริ่มฤดูกาล 2015 ดีกว่า ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นาดาล ไม่เข้าร่วมการแข่งขัน เพราะในปี 2008 และ 2012 ก็ได้ให้เหตุผลจากปัญหาอาการบาดเจ็บเรื่องแถวๆเข่าทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม รายการนี้ก็ยังน่าติดตามผลงานของ โนวัค โยโควิช (Novak Djokovic) โรเจ้อร์ เฟเดอเร่อร์ (Roger Federer) สตานิสล้าส ฟาฟริงก้า (Stanislas Wawrinka) แอนดี้ มารี่ย์ (Andy Murray) โตม้าช แบรดิค (Tomas Berdych) มีล้อช ราโอนิช (Milos Raonic) มาริน ชีลิช (Marin Cilic) โดยเฉพาะ เคอิ นิชิโคริ (Kei Nishikori) นักหวดญี่ปุ่น 1 เดียวจากทวีปเอเชียที่เพิ่งโชว์ฟอร์มเอาชนะ แอนดี้ มารี่ย์ นักหวดชาติเจ้าภาพมาได้ในนัดแรก