เหตุการณ์ทะเลาวิวาทกันระหว่างแฟนบอลในวงการลูกหนังไทยยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเป็นการปะทะกันระหว่างกองเชียร์ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ สิงห์ ท่าเรือ และถึงขั้นบานปลายจากในสนามสู่นอกสนามจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก MGR SPORT ขอย้อนรอย 5 แมตช์ที่ถูกละเลงด้วยเลือดมาให้ได้อ่านเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ
1 เมืองทอง ยูไนเต็ด - การท่าเรือไทย เอฟซี
การปะทะกันที่รุนแรงและทำให้หลายฝ่ายจดจำมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการห้ำหั่นกันระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ การท่าเรือไทย เอฟซี ในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ก เมื่อปี 2553 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง 20 นาทีสุดท้ายขณะที่ "กิเลนผยอง" นำอยู่ 2-0 ซึ่งแฟนบอลเจ้าท่าได้ขว้างปาขวดน้ำและจุดพลุไฟลงมาในสนาม ก่อนที่จะมีการแหกรั้วเข้ามาปะทะกันอย่างดุเดือดบนอัฒจันทร์จนต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น สุดท้ายเกมต้องยุติเกมและยกแชมป์ให้เมืองทอง โดยท่าเรือโดนปรับจากเหตุการณ์ดังกล่าวแสนกว่าบาทและแบนแฟนบอล 3 นัด พร้อมเป็นชนวนเหตุให้ทั้ง 2 ฝ่ายตั้งอคติใส่กันจนทุกวันนี้
2 สมุทรสงคราม เอฟซี - ชลบุรี เอฟซี
เกมไทยลีกเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2555 หลังจบเกมที่ "ปลาทูคะนอง" เปิดบ้านเฉือน "ฉลามชล" 1-0 โดยหลังจบเกมขณะที่แฟนบอลทีมเยือนกำลังทยอยลงจากอัฒจันทร์แต่ต้องผ่านกลุ่มแฟนบอลเจ้าถิ่นจึงมีการยั่วยุปะทะคารมกัน ต่อด้วยการขว้างขวดน้ำเข้าใส่และตะลุมบอลของทั้งคู่ โดยแฟนคลับชลบุรีกว่า 400 คนที่ตามมาเชียร์ถูกปิดล้อมไม่ให้ออกจากสนามก่อนที่การ์เจะเข้าควบคุมเหตุการณ์ได้ อย่างไรก็ตามมีความเสียหายตามมาจำนวนมาก ทั้งเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุ โดยบางรายศีรษะแตกจนต้องเย็บถึง 40 เข็ม รวมถึงยังมีการทุบรถบัสนักเตะจนกระจกร้าวด้วยเช่นกัน
3 อาร์มี่ ยูไนเต็ด - เชียงราย ยูไนเต็ด
กองเชียร์ อาร์มี่ ยูไนเต็ด เดินทางร่วม 800 กิโลเมตร ไปให้กำลังใจทีมรักในเกมเยือน เชียงราย ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2556 โดยผลการแข่งขันเป็นเจ้าบ้านที่กำชัย 2-1 ซึ่งหลังการแข่งขันแฟนบอลผู้มาเยือนไม่พอใจการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินและได้มีการปะทะคารมกับฝั่ง "กว่างโซ้งมหาภัย" และหนักข้อจนถึงการวาวาทเขวี้ยงปาสิ่งของใส่กัน ก่อนที่จะมีแฟนบอลหญิงของวงจักรพิฆาตรายหนึ่งโดนหินปาเข้าที่เบ้าตาจนปูดบวม
4 บางกอกกล๊าส เอฟซี - การท่าเรือไทย เอฟซี
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 กองเชียร์การท่าเรือ แห่มาเยือน บางกอกกล๊าส มากกว่า 800 คน ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องให้แฟนบอลบางส่วนของทั้งสองฝั่งนั่งปนกัน ซึ่งเกมดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ กระทั่งท้ายเกม จักกริช บุญคำ แข้งตัวเก่งผู้มาเยือนส่งบอลซุกตาข่ายแต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้ได้ประตูจนทำให้กองเชียร์ของทั้งคู่เริ่มมีปากเสียงกันและบานปลายถึงขั้นชกต่อยกันบนอัฒจันทร์ก่อนจะต่อยอดไปถึงด้านนอกที่มีการขว้างปาสิ่งของใส่กัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดย 1 ในนั้น คือ "เสี่ยเหน่ง" ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผู้จัดการทีมบีจี ที่โดนลูกหลงจนศีรษะแตก สุดท้าย บางกอกกล๊าส เอฟซี โดนปรับเงิน 1 แสนบาท พร้อมห้ามแข่งในบ้าน 3 นัด รวมถึงห้ามแฟนบอลตามเชียร์ด้วย ขณะที่ การท่าเรือไทย เอฟซี ที่กระทำความผิดซ้ำซากปรับ 133,000 บาท และห้ามแฟนบอลเข้าชมเกมทั้งในบ้านและนอกบ้าน 4 นัด
5 นครปฐม เอฟซี - ศรีสะเกษ เอฟซี
ในศึกเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดระหว่าง นครปฐม เปิดบ้านรับ ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2553 ท่ามกลางอุณหภูมิที่ดุเดือดมีใบแดงว่อนถึง 3 ใบ ก่อนจะจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 หลังจบเกมกองเชียร์เจ้าถิ่นกว่า 100 คน ที่ไม่พอใจคำตัดสิน ได้กรูเข้าไปทำร้ายผู้ตัดสินตลอดจนแฟนบอลทีมเยือนกว่า 20 นาที ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 50 คน โดยหลังการพิจารณาโทษ "หมูป่าเขี้ยวตัน" โดนโทษหนักกปรับ 1.6 แสนบาทและแบนห้ามส่งทีมเข้าแข่งขันถึง 2 ปี
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
1 เมืองทอง ยูไนเต็ด - การท่าเรือไทย เอฟซี
การปะทะกันที่รุนแรงและทำให้หลายฝ่ายจดจำมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการห้ำหั่นกันระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ การท่าเรือไทย เอฟซี ในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ก เมื่อปี 2553 โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง 20 นาทีสุดท้ายขณะที่ "กิเลนผยอง" นำอยู่ 2-0 ซึ่งแฟนบอลเจ้าท่าได้ขว้างปาขวดน้ำและจุดพลุไฟลงมาในสนาม ก่อนที่จะมีการแหกรั้วเข้ามาปะทะกันอย่างดุเดือดบนอัฒจันทร์จนต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น สุดท้ายเกมต้องยุติเกมและยกแชมป์ให้เมืองทอง โดยท่าเรือโดนปรับจากเหตุการณ์ดังกล่าวแสนกว่าบาทและแบนแฟนบอล 3 นัด พร้อมเป็นชนวนเหตุให้ทั้ง 2 ฝ่ายตั้งอคติใส่กันจนทุกวันนี้
2 สมุทรสงคราม เอฟซี - ชลบุรี เอฟซี
เกมไทยลีกเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2555 หลังจบเกมที่ "ปลาทูคะนอง" เปิดบ้านเฉือน "ฉลามชล" 1-0 โดยหลังจบเกมขณะที่แฟนบอลทีมเยือนกำลังทยอยลงจากอัฒจันทร์แต่ต้องผ่านกลุ่มแฟนบอลเจ้าถิ่นจึงมีการยั่วยุปะทะคารมกัน ต่อด้วยการขว้างขวดน้ำเข้าใส่และตะลุมบอลของทั้งคู่ โดยแฟนคลับชลบุรีกว่า 400 คนที่ตามมาเชียร์ถูกปิดล้อมไม่ให้ออกจากสนามก่อนที่การ์เจะเข้าควบคุมเหตุการณ์ได้ อย่างไรก็ตามมีความเสียหายตามมาจำนวนมาก ทั้งเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุ โดยบางรายศีรษะแตกจนต้องเย็บถึง 40 เข็ม รวมถึงยังมีการทุบรถบัสนักเตะจนกระจกร้าวด้วยเช่นกัน
3 อาร์มี่ ยูไนเต็ด - เชียงราย ยูไนเต็ด
กองเชียร์ อาร์มี่ ยูไนเต็ด เดินทางร่วม 800 กิโลเมตร ไปให้กำลังใจทีมรักในเกมเยือน เชียงราย ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2556 โดยผลการแข่งขันเป็นเจ้าบ้านที่กำชัย 2-1 ซึ่งหลังการแข่งขันแฟนบอลผู้มาเยือนไม่พอใจการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินและได้มีการปะทะคารมกับฝั่ง "กว่างโซ้งมหาภัย" และหนักข้อจนถึงการวาวาทเขวี้ยงปาสิ่งของใส่กัน ก่อนที่จะมีแฟนบอลหญิงของวงจักรพิฆาตรายหนึ่งโดนหินปาเข้าที่เบ้าตาจนปูดบวม
4 บางกอกกล๊าส เอฟซี - การท่าเรือไทย เอฟซี
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 กองเชียร์การท่าเรือ แห่มาเยือน บางกอกกล๊าส มากกว่า 800 คน ทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องให้แฟนบอลบางส่วนของทั้งสองฝั่งนั่งปนกัน ซึ่งเกมดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ กระทั่งท้ายเกม จักกริช บุญคำ แข้งตัวเก่งผู้มาเยือนส่งบอลซุกตาข่ายแต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้ได้ประตูจนทำให้กองเชียร์ของทั้งคู่เริ่มมีปากเสียงกันและบานปลายถึงขั้นชกต่อยกันบนอัฒจันทร์ก่อนจะต่อยอดไปถึงด้านนอกที่มีการขว้างปาสิ่งของใส่กัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดย 1 ในนั้น คือ "เสี่ยเหน่ง" ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผู้จัดการทีมบีจี ที่โดนลูกหลงจนศีรษะแตก สุดท้าย บางกอกกล๊าส เอฟซี โดนปรับเงิน 1 แสนบาท พร้อมห้ามแข่งในบ้าน 3 นัด รวมถึงห้ามแฟนบอลตามเชียร์ด้วย ขณะที่ การท่าเรือไทย เอฟซี ที่กระทำความผิดซ้ำซากปรับ 133,000 บาท และห้ามแฟนบอลเข้าชมเกมทั้งในบ้านและนอกบ้าน 4 นัด
5 นครปฐม เอฟซี - ศรีสะเกษ เอฟซี
ในศึกเพลย์ออฟหาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดระหว่าง นครปฐม เปิดบ้านรับ ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2553 ท่ามกลางอุณหภูมิที่ดุเดือดมีใบแดงว่อนถึง 3 ใบ ก่อนจะจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 หลังจบเกมกองเชียร์เจ้าถิ่นกว่า 100 คน ที่ไม่พอใจคำตัดสิน ได้กรูเข้าไปทำร้ายผู้ตัดสินตลอดจนแฟนบอลทีมเยือนกว่า 20 นาที ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 50 คน โดยหลังการพิจารณาโทษ "หมูป่าเขี้ยวตัน" โดนโทษหนักกปรับ 1.6 แสนบาทและแบนห้ามส่งทีมเข้าแข่งขันถึง 2 ปี
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *