xs
xsm
sm
md
lg

เอเชียนบีชเกมส์คุ้มมั้ย? / แมวดำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”

แม้มหกรรมกีฬาแห่งมวลมหาชนชาวเอเชีย อย่าง เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เพิ่งจบไปหมาดๆ พร้อมกับการคว้าอันดับ 6 ของทีมชาติไทย ด้วยจำนวน 12 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 28 เหรียญทองแดง รวมทั้งหมดเราได้ 47 เหรียญ จาก 18 ชนิดกีฬา เป็นรองเพียง จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, คาซักสถาน และ อิหร่าน ขณะที่อันดับของเรายังดีกว่า เกาหลีเหนือ, อินเดีย, ไต้หวัน, กาตาร์ รวมถึงชาติต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน จะว่าไปแล้วเราอาจพลาดเหรียญทองจากกีฬาความหวังอย่าง ยกน้ำหนัก, ยิงปืน, แบดมินตัน หรือ กรีฑา แต่ก็ได้เหรียญทอง โบว์ลิ่ง, จักรยาน มาช่วยไว้ อย่างไรก็ตาม นักกีฬาไทยยังมีรายการใหญ่อีกรายการรออยู่ คือ การแข่งขัน เอเชียน บีช เกมส์ ครั้งที่ 4 ซึ่งจังหวัดภูเก็ต ไข่มุกแห่งทะเลอันดามัน เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 14-23 พฤศจิกายนนี้

สำหรับการแข่งขันรายการนี้จัดครั้งแรกในปี 2008 ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย เริ่มต้นด้วย 19 ชนิดกีฬา ชิงชัยกัน 71 เหรียญทอง โดยมี 45 ประเทศเข้าแข่งขัน โดยกีฬาที่นำมาบรรจุล้วนเป็นกีฬาที่ไม่มีในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ หรือมหกรรมกีฬาใหญ่รายการอื่นๆ อาทิ กระดานโต้คลื่น, เรือยาว 22 ฝีพาย, กาบัดดีชายหาด, มวยปล้ำชายหาด, ว่ายน้ำมาราธอน, เจ็ตสกี เป็นต้น แน่นอนว่าบทสรุปสุดท้ายเจ้าภาพคว้าเจ้าเหรียญทองที่ 23 เหรียญ ขณะที่ประเทศไทย มาเป็นอันดับ 2 ที่ 10 เหรียญทอง

ครั้งถัดๆ มาก็เป็นปี 2010 ที่ มัสกัต โอมาน เป็นเจ้าภาพ ไทยของเรามาที่ 1 ได้ 15 เหรียญทอง เฉือน จีน อันดับ 2 ที่ได้ 12 เหรียญทอง ส่วนปี 2012 จัดที่ประเทศจีน ก็เจ้าภาพคว้าเจ้าเหรียญทอง ที่ 14 เหรียญทอง ส่วนไทยเราเข้าที่ 2 ได้ 13 เหรียญทอง มาครั้งล่าสุดในปีนี้ ชิงชัย 26 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กีฬาทางอากาศ, กีฬาทางน้ำ (โปโลน้ำ, ว่ายน้ำมาราธอน), แฮนด์บอล, บาสเกตบอล, เปตอง, เซปักตะกร้อ, ฟุตวอลเลย์, วอลเลย์บอลชายหาด, วู้ดบอล, เพาะกาย, เจ็ตสกี, ไตรกีฬา, สกี, ฟุตบอลชายหาด, เรือใบ-วินด์เซิร์ฟ, มวยไทย, คูราช, มวยปล้ำ, แฟล็กฟุตบอล, เอ็กซ์ตรีมสปอร์ต, ปีนหน้าผา, ปัญจกีฬาสมัยใหม่, กาบัดดี, กรีฑา, ยูยิตสู และ แซมโบ โดยชิงทั้งหมด 169 เหรียญทอง มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมแข่งขันรวมทั้งสิ้น 3,500 คน จากทั้งหมด 42 ชาติเอเชีย

เรียกได้ว่าชาติอื่นจัดก็ดูเล็กๆ แต่พอพี่ไทยเราจัดนี้ไม่ธรรมดาอีกแล้วครับ แถมวางเป้าหมายไว้ที่การเป็นเจ้าเหรียญทอง จากจำนวน 55 เหรียญทอง ที่ตั้งเป้าไว้ กีฬาความหวังก็หนีไม่พ้น เซปักตะกร้อ, มวยไทย, เพาะกาย, เจ็ตสกี, เรือใบ-วินด์เซิร์ฟ ที่น่าจะได้ลุ้นกันเป็นกอบเป็นกำ

เมื่อดูจากวันเวลาที่จัดแข่งขันแล้ว น่าใจหายเหมือนกันว่าเหลือเวลาอีกเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น มหกรรมกีฬารายการนี้ก็จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ดูเหมือนการประชาสัมพันธ์ต่างๆ ยังค่อนข้างน้อย เท่าที่ทราบการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ประเทศของเราทุ่มวางงบประมาณไว้ที่ 1,060 ล้านบาท โดยเป็นงบสำหรับสนามแข่งขัน 123.4 ล้านบาท ซึ่งหลายสนามก็เร่งงานกันอย่างหนักให้เสร็จทันก่อนการทดสอบสนามในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ กลายเป็นว่าเราเป็นเจ้าภาพแท้ๆ แทนที่นักกีฬาจากได้ซ้อมกับสนามจริงก่อนชาติอื่นนานๆ เพื่อความได้เปรียบกลับเป็นความเสมอภาคที่เราได้ใช้พร้อมๆ กับคู่แข่งเสียอย่างนั้น

อีกเรื่องที่ผมต้องยอมรับตามตรง แรกๆ ได้ยินว่าบ้านเราเสนอตัวจัดการแข่งขันรายการนี้ ก็งงๆ ว่าจะไปจัดทำไมรายการระดับนี้ ไม่ใหญ่ไม่โต จัดไป เป็นเจ้าเหรียญทอง แล้วยังไงต่อ แต่พอได้นั่งฟังจากผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการกีฬาหลายท่านยืนยันว่าคุ้มค่ากับเงินกว่าพันล้านบาทที่ลงไป เนื่องจากภูเก็ตของเราเป็นเมืองท่องเที่ยวต้อนรับแขกต่างแดนจนแทบจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางอยู่แล้ว การจัดอีเวนต์กีฬาแบบนี้ ถือเป็นการดึงนักกีฬา เจ้าหน้าที่ต่างชาติ มาจับจ่ายใช้เงินในบ้านเราช่วงเวลานั้น เสร็จสรรพหลังจากนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ยังได้ใช้อย่างต่อเนื่องจัดกีฬาอื่นได้อีก คิดๆ ดูแล้วผมเลยต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่...

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น