ASTV ผู้จัดการรายวัน - แม้ทัพนักกีฬาไทย จะสามารถคว้า 12 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 28 เหรียญทองแดง พร้อมจบอันดับ 6 จาก 43 ชาติที่เข้าร่วมชิงชัยใน เอเชียน เกมส์ ครั้งที่ 17 ณ เมืองอินชอน เกาหลีใต้ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเหรียญที่มากกว่าครั้งก่อนแถมได้ตามเป้า แต่หากมองลึกลงไปจะพบว่ามีหลายสมาคมกีฬาที่ถูกตั้งความหวังไว้สูงแต่ผลงานที่ออกมากลับน่าผิดหวัง ชนิดที่ว่าต้องจับไปสอบซ่อมกันหมดตั้งแต่ผู้ฝึกสอนยันนักกีฬาเลยทีเดียว
แบดมินตัน : ถูกตั้งความหวังไว้สูงเพราะนักกีฬาแต่ละคนล้วนเป็นระดับท็อป 20 ของโลก โดยเฉพาะฝ่ายหญิงสาวที่มี “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ มือ 5 และแชมป์โลกปี 2013 เป็นตัวชูโรง แต่สุดท้ายสาวน้อยวัย 19 ปี ก็พลาดท่าพ่าย แบ ยอน จู มือ 6 โลกของเจ้าถิ่น 1-2 เกม จอดป้ายประเภทหญิงเดี่ยวเพียงแค่รอบ 8 คน เช่นเดียวกับ “แน็ต” ณิชชาอร จินดาพล มือ 14 โลก ที่พ่าย ไต ซู หยิง จากไต้หวัน 2 เกมติด หยุดเส้นทางที่รอบ 16 คน
ขณะที่ทีมหญิงเจ้าของเหรียญเงินครั้งก่อน คราวนี้ได้ “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ มือ 20 โลก ช่วยเสริมกำลังกับ “พีช” พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข มือ 12 โลก แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันร่วงตั้งแต่ไก่โห่พ่าย อินเดีย 2-3 คู่ ฟากขนไก่ชาย “ซูเปอร์แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ มือ 1 ไทย และมือ 14 โลก ก็แพ้ เทียน มินห์ เหงียน มือ 23 โลก จาก เวียดนาม 0-2 เกม ตั้งแต่แรก ที่เหลือก็ไม่สามารถเฉียดเข้าไปลุ้นเหรียญได้เลย เรียกได้ว่าสอบตกกันแบบยกสมาคม
ยกน้ำหนัก : แม้เก็บได้ 3 เหรียญทองแดง จาก “ปุ๊กลุก” รัตติกาล กุลน้อย (58 กก.หญิง) “นก” ชิดชนก พูลทรัพย์สกุล (70 กก.หญิง) และ จตุภูมิ ชินวงศ์ (หนักกว่า77 กก.ชาย) แต่ต้องถือว่าไม่เข้าเป้าหากเทียบกับผลงานที่รุ่นพี่ก่อนๆ ทำไว้ โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่มี “แต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว เหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2012 ซึ่งขยับจากรุ่น 55 กก. มาชิงชัยในรุ่น 63 กก. เป็นความหวังสูงสุด แต่สาวหล่อวัย 24 ปี กลับยกร่วงถึง 2 ครั้งในท่า คลีน แอนด์ เจิร์ก น้ำหนัก 139 กก. สุดท้ายได้แค่เพียง 134 กก. ส่วนสแนตช์ได้ 180 กก. รวม 2 ท่า 242 กก. จบที่ 5 ตามหลังเหรียญทอง หลิน ซู ฉี จากไต้หวัน ที่ทำลายสถิติโลกน้ำหนักรวม 261 กก. แบบน่าผิดหวัง
กรีฑา : ทัพไต้ฝุ่นไทย ซุ่มฝึกซ้อมและเก็บตัวที่เยอรมนีนานกว่า 1 เดือนก่อนแข่ง เรียกว่าเตรียมความพร้อมกันเต็มที่ แต่สุดท้ายการได้มาเพียง 1 เหรียญทองแดง จาก “เจ้าตูน” จำรัส ฤทธิเดช ประเภทวิ่งข้ามรั้ว 110 เมตรชาย ไม่สามารถทดแทนความผิดหวังของทีมวิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตร ทั้งหญิงและชาย ที่เป็นเจ้าของเหรียญทองและทองแดงในครั้งก่อนตามลำดับ เพราะมือเปล่าทั้งหมด
โดยหนนี้ทีมสาวที่มี ภัสสร จักษุนิลกร กับ นงนุช แสนราช แชมป์ครั้งก่อนลงยืนไม้หนึ่งและสี่ ร่วมกับหน้าใหม่ เพ็ญศรี ชัยฤกษ์ กับ ทัศพร วรรณกิจ ไม้สองและสาม แต่จากความผิดพลาดในการรับ-ส่งไม้ และแผ่วปลายจนถูกแซงในไม้สุดท้ายจึงทำเวลาได้เพียง 44.39 วินาที จบที่ 4 ตามหลัง จีน ผู้ชนะถึง 1.56 วินาที ขณะที่ทีมชายที่เปลี่ยนใหม่ยกชุดเหลือเพียง “มิ้ว” จิระพงศ์ มีนาพระ ลงไม้สาม ร่วมกับไม้แรก รัตนพล โสวัน ไม้สอง อภิสิทธิ์ พรมแก้ว และไม้สุดท้าย กฤษฎา นามสุวรรณ ทำได้ 39.08 วินาที จบที่ 4 เช่นกัน ตามหลัง จีน 1.09 วินาที
ยิงปืน : ทัพแม่นปืนไทยพาเหรดกันกระสุนฝืด ก่อนมาตั้งเป้าไว้สูงลิ่วที่ 3 เหรียญทอง จากปืนสั้นมาตรฐานหญิง, ปืนยาวหญิง และปืนสั้นมาตรฐานชาย แต่ไม่ได้เฉียดเข้าใกล้แม้แต่น้อย มีเพียง “เอิณ” ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ ปืนสั้น 25 เมตรหญิง กับ อัฐพล เอื้ออารี ปืนยาวท่านอน 50 เมตรชาย ที่ยิงเข้าเป้าผ่านไปลุ้นในรอบไฟนอล 8 คนสุดท้าย แต่กลับสู้ความนิ่งของคู่แข่งไม่ไหว วืดเหรียญกลับบ้าน บ่งบอกได้ชัดเจนว่าสมาคมยิงปืนไทยต้องกลับไปสังคายนากันยกใหญ่ ตั้งแต่ปัญหาหลังบ้านในเรื่องการเตรียมความพร้อมนักกีฬา
มวยสากลสมัครเล่น : เจอพิษกรรมการจนไปไม่เป็นสำหรับทัพเสื้อกล้ามไทย ก่อนจะได้เหรียญทองจาก “เจ้าเอ็ม” วุฒิชัย มาสุข ที่คว่ำเจ้าภาพอย่างหวุดหวิด ในรุ่นไลต์ เวลเตอร์เวต 64 กก. ร่วมกับเหรียญทองแดงของ อภิเชษฐ์ แสนสิทธิ์ ในรุ่นเวลเตอร์เวต 69 กก. ส่วนรายอื่นจอดป้ายตั้งแต่รอบแรกๆ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาว่ากำปั้นไทยมาถูกทางหรือไม่หลังจากมีการปรับเปลี่ยนกติกาการให้คะแนนใหม่ ขณะที่ทางสตาฟฟ์โค้ชเองก็ผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัย เป็นผู้ฝึกสอนทั้งทีแต่กลับไม่แม่นกฏและไม่รู้ว่าจะสอนนักมวยอย่างไรให้ชกแล้วเป็นฝ่ายกำชัย ดังนั้นทางสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย คงต้องกลับไปทำการบ้านครั้งใหญ่หากหวังที่จะลุ้นเหรียญในโอลิมปิกเกมส์ 2016
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *