ASTV ผู้จัดการรายวัน – แฟนลูกหนังชาวไทยกำลังใจจดจ่อเชียร์ทัพนักฟุตบอลชายทำศึก เอเชียน เกมส์ 2014 ที่เมืองอินชอน เกาหลีใต้ ภายใต้การกุมบังเหียนของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เพราะถือว่าตั้งความหวังไว้สูงจำต้องมีเหรียญติดไม้ติดมือ ซึ่งหากไปถึงตำแหน่งแชมป์ก็จะฟันเงินอันฉีดก้อนโตรวม 55 ล้านบาท
ที่ผ่านมาแข้งทีมชาติไทย ทำผลงานดีที่สุดใน เอเชียน เกมส์ เพียงแค่อันดับ 4 ในปี 1990, 1998 และ 2002 แต่ “อินชอน เกมส์ 2014” ถูกตั้งเป้าว่าจะสามารถทะยานถึงตำแหน่งแชมป์ได้ เนื่องจากมีตัวผู้เล่นที่มีศักยภาพเพียบพร้อม โดย 20 ขุนพลในครั้งนี้ “ซิโก้” ตัดสินใจเรียกใช้บริการแข้งคู่ใจจากชุดคว้าแชมป์ ซีเกมส์ 2013 ที่เมียนมาร์ แทบจะยกกระบิ นำโดย ปกเกล้า อนันต์ ที่ได้ไปสั่งสมประสบการณ์ฝึกซ้อมกับ เรดดิง เอฟซี ที่ประเทศอังกฤษ ส่วนโควตาอายุเกิน 23 ปีใช้แค่ 2 ราย คือ กวิน ธรรมสัจจานันท์ นายด่านกัปตันทีม และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ปีกซ้ายฟอร์มแรง ก่อนจะเดินทางไปก็บตัวและอุ่นเครื่องที่ จ.ภูเก็ต นัดแรกถล่ม เมียนมาร์ ชุด 19 ปี 8-1 ต่อด้วยชนะ ภูเก็ต เอฟซี จากยามาฮ่า ลีก วัน 3-1 และปิดท้ายปราบ กาตาร์ ชุดเตรียมโอลิมปิก 2-0
ขณะที่แผนการเล่นนั้น ในเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมา “ซิโก้” เน้นไปที่ 4-3-3 เป็นหลัก และจะใช้สูตรนี้สู้ศึกที่เกาหลีใต้ด้วยเช่นกัน ในส่วนผู้รักษาประตู แม้ ชนินทร์ แซ่เอียะ จะโชว์ฟอร์มหนึบแต่ก็ต้องยกมือ 1 ให้ “เจ้าตอง” อย่างเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่หลังบ้าน แบ็กซ้าย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ประสบการณ์ดีกว่า สุริยา สิงห์มุ้ย เช่นเดียวกับแบ็คขวา นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่เบียด วสันต์ ฮมแสน ส่วนคู่เซ็นเตอร์มีให้เลือกใช้งานหลายรายซึ่ง ชิติพัทธ์ แทนกลาง ที่พกความเก๋าจากการผ่านเวที เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก กับต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีภาษีเหนือกว่าเพื่อนยึดแล้วหนึ่ง ที่เหลืออย่าง อดิศร พรหมรัตน์, สราวุธ กัลยาณบัณฑิต หรือโยก ธนบูรณ์ เกษารัตน์ จากกลางรับมาเล่นก็ไม่ต่างกัน
ในส่วนของแดนกลางไม่ว่าจัดระบบไหนสามารถสลับหมุนเวียนพลิกแพลงได้ตลอด ซึ่งในสูตรนี้ สารัช อยู่เย็น หรือ ธนบูรณ์ คนใดคนหนึ่งจะถูกส่งลงมาทำหน้าที่เก็บกวาดก่อนถึงหลังบ้าน โดยมีคู่กลางเป็น “เจ้าปก” กับ ชาริล ชัปปุยส์ ส่วนแนวรุก 3 ราย ชนานันท์ ป้อมบุปผา ที่มีความคมและกำลังฟอร์มดีจะได้ลงล่อเป้า ขนาบข้างซ้าย-ขวา ด้วย เกริกฤทธิ์ กับ นูรูล ศรียานเก็ม ที่สลับเวียนกับ ปกรณ์ เปรมภักดิ์
อย่างไรก็ตามหากต้องการเล่นอย่างระวังตัว “ซิโก้” จะผันไปใช้ระบบ 4-2-3-1 กองหลังยังคงเดิมแต่แผงมิดฟิลด์จะส่ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลงมาทะลวงผ่ากลาง โดยมี ปกเกล้า และ ชัปปุยส์ คอยซัพพอร์ทจากด้านหลัง ซึ่งหน้าเป้าจะใช้ อดิศักดิ์ ไกรษร ลงมายืนค้ำเนื่องจากมีจุดเด่นในการพักบอลและเปิดทางให้แถวสองลุ้นสกอร์ ขณะที่ ภิญโญ อินพินิจ จะเป็นตัวสแปร์
โดย กุนซือวัย 41 ปี กล่าวว่า “ทีมชุดนี้มีจุดเด่นที่ทุกคนสามารถสลับกันลงได้หมดไม่ว่าจะระบบไหนเนื่องจากศักยภาพพอกัน จึงทำให้สามารถพักบางคนเพื่อให้มีความสดในเกมต่อไปได้อยู่ตลอด โดยเฉพาะในระบบ 4-3-3 ที่เล่นได้อย่างไหลลื่นและมีจุดแข็งอยู่ที่การเติมเกมรุก เพราะแม้เราจะใช้ศูนย์หน้ารายเดียวแต่ในสนามเรามีกองกลางที่พร้อมขึ้นมาทำประตูอีก 4-5 คน ที่สำคัญจากการทดสอบสมรรถภาพร่างกายแล้วเห็นได้ชัดว่าทุกคนมีความฟิตที่ดีจึงทำให้แนวรับสามารถเพรสซิงบีบอัดบอลได้ตลอดทั้งเกม อีกทั้งยังซ้อมลูกเซตพีซมาเต็มที่อย่างที่แสดงให้เห็นไปแล้วในเกมอุ่นเครื่อง”
“อย่างไรก็ตามแม้หลายคนจะมองว่าในรอบแรกนั้นหวานหมูเจอคู่แข่งที่ไม่หนักมาก แต่เราจะไม่ประมาทเด็ดขาดเพราะรู้ดีว่าทุกทีมนั้นเตรียมพร้อมมาเต็มที่ อย่าง ติมอร์ เลสเต เองก็มีนักเตะบราซิลโอนสัญชาติมาหลายราย รวมถึงอินโดนีเซียที่เป็นคู่ปรับกับเรามาโดยตลอด ดังนั้นแม้เราจะหวังผ่านเข้ารอบลึกๆแต่ก็ต้องมองทีละนัดและต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้ตั้งแต่เกมแรกเพื่อขวัญและกำลังใจของทีม” ซิโก้ กล่าวอย่างมั่นใจ
พร้อมกันนี้ทัพนักเตะไทยยังแรงกระตุ้นเพิ่มขึ้นเมื่อ วิลักษณ์ โหลทอง ประธานบริษัท โหลทอง โฮลดิ้ง จำกัด ร่วมสนับสนุนอัดฉีดเงินก้อนโตหากสามารถผ่านเข้ารอบตัดเชือกได้รับทันที 5 ล้านบาท และหากคว้าแชมป์รับเพิ่มอีก 50 ล้านบาท ส่วนรองแชมป์ได้เพิ่ม 10 ล้านบาท อีกด้วย
สำหรับทัพ “ช้างศึก” จะออกเดินทางสู่เมืองอินชอน ช่วงดึกวันที่ 10 กันยายน นี้ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน ทีจี 658 เวลา 23.10 น. โดยจะประเดิมนัดแรก กลุ่ม อี พบ มัลดีฟส์ วันที่ 15 กันยายน ที่ โกยัง สเตเดียม ต่อด้วยพบ ติมอร์ เลสเต วันที่ 18 กันยายน และปิดท้ายกับ อินโดนีเซีย วันที่ 22 กันยายน ที่ อินชอน ฟุตบอล สเตเดียม เวลา 20.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) หรือราว 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
