คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
ทัพนักเตะทีมชาติไทย ชนะรวด 7 นัด กระหน่ำไป 24 ประตู และเสียเพียงลูกเดียว คว้าแชมป์ ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 บนแผ่นดินสิงคโปร์ มาครองได้สำเร็จ ดังนั้นมาดูกันว่าฟอร์มการเล่นของแต่ละคนจะได้กี่คะแนน
เริ่มตั้งแต่ผู้รักษาประตู “บาส” ชนินทร์ แซ่เอียะ(9) เก็บประสบการณ์ในฐานะมือสองมาหลายทัวร์นาเมนท์ ก่อนจะยึดมือหนึ่งในรุ่นนี้อย่างเต็มภาคภูมิจากฟอร์มซูเปอร์เซฟพัลวัน และเสียเพียงประตูเดียวในช่วงท้ายเกม เรียกได้ว่าพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นอะไหล่ให้ทีมชุดใหญ่ได้อย่างไม่มีครหา ส่วน สมพร ยศ(7) ที่ได้โอกาสในเกมถล่ม บรูไน 5-0 ก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นกัน
ขณะที่แผงหลัง คู่เซ็นเตอร์ “ตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์(9) กับ อาทิตย์ ดาวสว่าง(9) รายแรกแสดงให้เห็นถึงชั้นเชิงการดักบอลที่ชาญฉลาดอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวได้อย่างโดดเด่น ส่วนรายหลังรับบทพะบู๊คอยเป็นตัวชนให้ก่อนในด่านแรก ซึ่งต้องชม “เจ้าแบ็ค” ที่สามารถข่มอารมณ์ได้อยู่หมัด แม้จะต้องปะทะแล้วเจอคู่แข่งเล่นนอกเกมหลายต่อหลายครั้ง ส่งให้ลบภาพแข้งเลือดร้อนในอดีตได้หมดเกลี้ยง ส่วน อดิศร พรหมรักษ์(7) ทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อม แต่ยังไม่จรัสพอเท่าสองรายข้างต้น
ไล่มาที่ แบ็กซ้าย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา(8) ประจำการเบอร์หนึ่งอย่างได้อย่างไม่บกพร่อง เช่นเดียวกับสุริยา สิงห์มุ้ย(7) ที่ได้โอกาสสลับลงสนาม ส่วน แบ็กขวา ฟอร์มเบียดสูสี แม้ “ต้น” นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม(8) จะยึดพื้นที่และเติมเกมบุกได้ยอดเยี่ยม แต่ ทริสตอง โด(7.5) ก็เร้าใจไม่แพ้กันโดยเฉพาะลูกหมุนตัวยิงใส่เหงียนที่ตราตรึงกองเชียร์ โดยทั้งคู่ทำ 2 ประตูเท่ากันอีกด้วย
แผงมิดฟิลด์ต้องชื่นชม “กัปตันตังค์” สารัช อยู่เย็น(10) ที่เป็นห้องเครื่องบัญชาการเกมทั้งรุกและรับ มีลูกดักบอลและวางยาวทะลุช่องสวยๆหลายครั้ง เป็นหัวใจสำคัญของทีม เช่นเดียวกับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์(8) ที่เป็นไดนาโมขับเคลื่อนเกม ส่วน “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์(8) ต้องบอกว่าเงียบเหงามาก ซึ่งเป็นเพราะชื่อเสียงที่โด่งดังข้ามรุ่นจึงโดนประกบบีพื้นที่ให้เล่นลำบากตลอด แต่เจ้าตัวก็ยังสามารถพลิกหนีหาช่องสร้างโอกาสให้เพื่อนได้ ขณะที่ เชาว์วัฒน์ วีระชาติ(8) กับ ศิวกร จักขุประสาท(7) ได้โอกาสสลับโชว์ฟอร์มในสนาม ซึ่งรายแรกได้รับเสียงชมเรื่องเซนส์บอลพอสมควร
ริมเส้น ต้องยกนิ้วให้ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก(9) ปีกซ้ายหน้าใหม่จากเชียงราย ยูไนเต็ด ที่แจ้งเกิดเต็มตัว แม้จะไม่หวือหวา แต่สามารถยิงประตูสำคัญได้ถึง 3 ลูก ดังนั้งคงไม่แปลกใจหากมีบิ๊กทีมสนใจทาบทาม ส่วนภิญโญ อินพินิจ(7) ถึงจะได้โอกาสน้อยกว่าเดิมแต่ก็ยังช่วยซัดไป 1 ประตู เช่นเดียวกับ ปกรณ์ เปรมภักดิ์(8) ที่ลากเลื้อยฝั่งขวาได้เด็ดดวง ผลงาน ยิง-จ่าย-เรียกจุดโทษ ในเกมดับ เวียดนาม 3-1 การันตีทุกอย่าง ด้าน นูรูล ศรียานเก็ม(8) ที่ยิง 2 ประตู ยังคงต้องปรับปรุงจังหวะสุดท้ายที่ไม่เด็ดขาดอีกสักนิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทะลวงด้านข้าง
ขณะที่กองหน้า ชนานันท์ ป้อมบุปผา(8) โดนเสียงวิจารณ์พอสมควร หลังกระหน่ำ 4 ประตู ในนัดแรกแล้วหายหน้าหายตาจากสกอร์บอร์ด ก่อนจะมายิงในนัดสุดท้ายชนะ แต่หากใครได้ชมเกมที่สนามจะพบว่า “เจ้าทู” ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบตามแผน เพราะหากสังเกตจะเห็นว่า หน้าที่ของศูนย์หน้าตัวเป้าในยุคนี้ นอกจากยิงประตูแล้ว ต้องคอยพักบอลและสกรีนวิ่งหลอกแนวรับคู่แข่งเพื่อเปิดทางให้แถวสองสอดขึ้นมามีพื้นที่สับไกด้วย ซึ่งการเคลื่อนที่ของเจ้าตัวมีประโยชน์กับทีมและมีส่วนในการได้ประตูหลายครั้ง ขณะที่ เจนรบ สำเภาดี(7.5) หอกวัย 20 ปี เก็บประสบการณ์ล้นกระเป๋า หลังยิง 2 ประตู พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในครั้งต่อไปที่มาเลเซียแน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***
ทัพนักเตะทีมชาติไทย ชนะรวด 7 นัด กระหน่ำไป 24 ประตู และเสียเพียงลูกเดียว คว้าแชมป์ ซีเกมส์ ครั้งที่ 28 บนแผ่นดินสิงคโปร์ มาครองได้สำเร็จ ดังนั้นมาดูกันว่าฟอร์มการเล่นของแต่ละคนจะได้กี่คะแนน
เริ่มตั้งแต่ผู้รักษาประตู “บาส” ชนินทร์ แซ่เอียะ(9) เก็บประสบการณ์ในฐานะมือสองมาหลายทัวร์นาเมนท์ ก่อนจะยึดมือหนึ่งในรุ่นนี้อย่างเต็มภาคภูมิจากฟอร์มซูเปอร์เซฟพัลวัน และเสียเพียงประตูเดียวในช่วงท้ายเกม เรียกได้ว่าพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นอะไหล่ให้ทีมชุดใหญ่ได้อย่างไม่มีครหา ส่วน สมพร ยศ(7) ที่ได้โอกาสในเกมถล่ม บรูไน 5-0 ก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นกัน
ขณะที่แผงหลัง คู่เซ็นเตอร์ “ตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์(9) กับ อาทิตย์ ดาวสว่าง(9) รายแรกแสดงให้เห็นถึงชั้นเชิงการดักบอลที่ชาญฉลาดอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวได้อย่างโดดเด่น ส่วนรายหลังรับบทพะบู๊คอยเป็นตัวชนให้ก่อนในด่านแรก ซึ่งต้องชม “เจ้าแบ็ค” ที่สามารถข่มอารมณ์ได้อยู่หมัด แม้จะต้องปะทะแล้วเจอคู่แข่งเล่นนอกเกมหลายต่อหลายครั้ง ส่งให้ลบภาพแข้งเลือดร้อนในอดีตได้หมดเกลี้ยง ส่วน อดิศร พรหมรักษ์(7) ทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อม แต่ยังไม่จรัสพอเท่าสองรายข้างต้น
ไล่มาที่ แบ็กซ้าย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา(8) ประจำการเบอร์หนึ่งอย่างได้อย่างไม่บกพร่อง เช่นเดียวกับสุริยา สิงห์มุ้ย(7) ที่ได้โอกาสสลับลงสนาม ส่วน แบ็กขวา ฟอร์มเบียดสูสี แม้ “ต้น” นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม(8) จะยึดพื้นที่และเติมเกมบุกได้ยอดเยี่ยม แต่ ทริสตอง โด(7.5) ก็เร้าใจไม่แพ้กันโดยเฉพาะลูกหมุนตัวยิงใส่เหงียนที่ตราตรึงกองเชียร์ โดยทั้งคู่ทำ 2 ประตูเท่ากันอีกด้วย
แผงมิดฟิลด์ต้องชื่นชม “กัปตันตังค์” สารัช อยู่เย็น(10) ที่เป็นห้องเครื่องบัญชาการเกมทั้งรุกและรับ มีลูกดักบอลและวางยาวทะลุช่องสวยๆหลายครั้ง เป็นหัวใจสำคัญของทีม เช่นเดียวกับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์(8) ที่เป็นไดนาโมขับเคลื่อนเกม ส่วน “เมสซีเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์(8) ต้องบอกว่าเงียบเหงามาก ซึ่งเป็นเพราะชื่อเสียงที่โด่งดังข้ามรุ่นจึงโดนประกบบีพื้นที่ให้เล่นลำบากตลอด แต่เจ้าตัวก็ยังสามารถพลิกหนีหาช่องสร้างโอกาสให้เพื่อนได้ ขณะที่ เชาว์วัฒน์ วีระชาติ(8) กับ ศิวกร จักขุประสาท(7) ได้โอกาสสลับโชว์ฟอร์มในสนาม ซึ่งรายแรกได้รับเสียงชมเรื่องเซนส์บอลพอสมควร
ริมเส้น ต้องยกนิ้วให้ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก(9) ปีกซ้ายหน้าใหม่จากเชียงราย ยูไนเต็ด ที่แจ้งเกิดเต็มตัว แม้จะไม่หวือหวา แต่สามารถยิงประตูสำคัญได้ถึง 3 ลูก ดังนั้งคงไม่แปลกใจหากมีบิ๊กทีมสนใจทาบทาม ส่วนภิญโญ อินพินิจ(7) ถึงจะได้โอกาสน้อยกว่าเดิมแต่ก็ยังช่วยซัดไป 1 ประตู เช่นเดียวกับ ปกรณ์ เปรมภักดิ์(8) ที่ลากเลื้อยฝั่งขวาได้เด็ดดวง ผลงาน ยิง-จ่าย-เรียกจุดโทษ ในเกมดับ เวียดนาม 3-1 การันตีทุกอย่าง ด้าน นูรูล ศรียานเก็ม(8) ที่ยิง 2 ประตู ยังคงต้องปรับปรุงจังหวะสุดท้ายที่ไม่เด็ดขาดอีกสักนิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทะลวงด้านข้าง
ขณะที่กองหน้า ชนานันท์ ป้อมบุปผา(8) โดนเสียงวิจารณ์พอสมควร หลังกระหน่ำ 4 ประตู ในนัดแรกแล้วหายหน้าหายตาจากสกอร์บอร์ด ก่อนจะมายิงในนัดสุดท้ายชนะ แต่หากใครได้ชมเกมที่สนามจะพบว่า “เจ้าทู” ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบตามแผน เพราะหากสังเกตจะเห็นว่า หน้าที่ของศูนย์หน้าตัวเป้าในยุคนี้ นอกจากยิงประตูแล้ว ต้องคอยพักบอลและสกรีนวิ่งหลอกแนวรับคู่แข่งเพื่อเปิดทางให้แถวสองสอดขึ้นมามีพื้นที่สับไกด้วย ซึ่งการเคลื่อนที่ของเจ้าตัวมีประโยชน์กับทีมและมีส่วนในการได้ประตูหลายครั้ง ขณะที่ เจนรบ สำเภาดี(7.5) หอกวัย 20 ปี เก็บประสบการณ์ล้นกระเป๋า หลังยิง 2 ประตู พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักในครั้งต่อไปที่มาเลเซียแน่นอน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!***