xs
xsm
sm
md
lg

“ป๋าเฟอร์กี” ต้นตอวิกฤต “ผีแดง” วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เฟอร์กูสัน ทิ้งขยะเอาไว้ให้จัดการ
ช่วงซัมเมอร์นี้ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสริมทัพไปแล้วราว 132 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,996 ล้านบาท) ซึ่งตัวเลขมหาศาลดังกล่าวบ่งบอกถึงปัญหาภายในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้อย่างชัดเจน ที่กุนซือใหม่อย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ต้องเร่งมือแก้ไขตอนที่ยังมีเวลาก่อนตลาดซัมเมอร์นี้ปิดทำการวันที่ 1 กันยายน

ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ แต่หากมองย้อนไปจริงๆ สัญญาณวิกฤตบ่งบอกมาตั้งแต่สมัย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือชาวสกอต กุมบังเหียนในช่วงที่เรืองอำนาจ เพราะเมื่อขุดบัญชีการเสริมทัพช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ถือว่าน่าตกใจพอสมควรว่าทำไมถึงล้มเหลวขนาดนี้

ต่างจากชุดที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีก 4 สมัยนับตั้งแต่ฤดูกาล 2006-07 นอกจากนี้ ยังมีถ้วย ลีก คัพ 2 สมัย รวมถึง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัย ลองไล่ดูนักเตะอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, ปาร์ก จี-ซอง, ไมเคิล คาร์ริค, คริสเตียโน โรนัลโด และ เวย์น รูนีย์ ประสานกันได้อย่างลงตัว

แต่ช่วง 6-7 ปีหลังสุด แม้ว่า เฟอร์กูสัน จะเจอข้อจำกัดในการเสริมทัพจากตระกูลเกลเซอร์ แต่ก็ลงทุนไปไม่น้อยรวมราว 160 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,480 ล้านบาท) คว้าผู้เล่นที่เชื่อว่าจะเป็นกำลังหลักในอนาคตเข้ามา แน่นอนว่าหลายคนมีช่วงเวลาที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้บ้างล้มหายตายจากกันไป ซึ่งเห็นผลชัดเจนยุค เดวิด มอยส์ คุมทัพเมื่อปีที่แล้ว จบอันดับ 7 พรีเมียร์ ลีก ไม่ได้ไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก และต้องกลายเป็นแพะรับบาป

ระหว่างซัมเมอร์ 2007 ถึงมกราคม 2013 เฟอร์กี ซื้อ หลุยส์ นานี (17 ล้านปอนด์) อันแดร์สัน (27 ล้านปอนด์) แอชลีย์ ยัง (17 ล้านปอนด์) เบเบ (7 ล้านปอนด์) โอเวน ฮาร์กรีฟส์ (17 ล้านปอนด์) โทมัสซ์ คุสซ์แซค (2 ล้านปอนด์) โซรัน โทซิช (7 ล้านปอนด์) ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (30 ล้านปอนด์) กาเบรียล โอแบร์ตอง (3 ล้านปอนด์) มาเม บิราม ดิยุฟ (3 ล้านปอนด์) ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ (6 ล้านปอนด์) คริส สมอลลิง (7 ล้านปอนด์) นิค พาวล์ (6 ล้านปอนด์) อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์ (4 ล้านปอนด์) และ วิลฟรีด ซาฮา (15 ล้านปอนด์)

ส่วนพวกที่ซื้อมาแล้วพอได้น้ำได้เนื้อหน่อย ก็เช่น ราฟาเอล ดา ซิลวา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ฟิล โจนส์, ดาบิด เด เคอา และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดังนั้นจะไปโทษ มอยส์ ทั้งหมดก็ไม่ได้กับความล้มเหลวเมื่อปีที่แล้วที่มีเวลาคลุกคลีกับทีมใหญ่แค่ฤดูกาลเดียว ต่างกับช่วงของ เฟอร์กี ที่ได้ลองผิดลองถูกมานาน

นอกจากประสบการณ์ของ เฟอร์กี ที่คุม แมนฯยู ตั้งแต่ปี 1986 ถือเป็นกุนซือที่มีทักษะในการบริหารผู้เล่นอย่างเหลือเชื่อ แต่การตัดสินใจซื้อนักเตะหลายครั้งก็ผิดพลาด ช่วงหลายปีมานี้แม้ว่า แมนฯยู จะได้แชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 แต่ในความเป็นจริงก็แขวนอยู่บนความเปลี่ยนแปลง ที่เห็นชัดคือการอำลาของแข้งรุ่นลายครามทั้ง ไรอัน กิกส์ และ พอล สโคลส์ พูดกันตามหน้าเสื่อแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2012-13 เป็นปีที่เข้าป้ายแบบน่าเซอร์ไพรส์ เพราะคู่แข่งผิดพลาดทำแต้มหลุดมือเสียเป็นส่วนใหญ่

ซัมเมอร์นี้ แมนฯยู เสียกองหลังประสบการณ์สูงถึง 3 ราย คือ ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช และ ปาทริซ เอฟรา คือปัญหาที่ ฟาน กัล ต้องขันให้แน่นขึ้นจึงเน้นที่ระบบ 3-5-2 หรือ 3-4-1-2 แต่เปรยแล้วว่าถ้าไม่เวิร์กก็คงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ ซึ่ง 1 แต้มจาก 2 นัดแรกของ พรีเมียร์ ลีก กับการตกรอบ 2 แคปิตอล วัน คัพ บุกเสียท่า เอ็มเค ดอนส์ ของ ลีก วัน 0-4 เมื่อวันอังคารที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าต้องทำอะไรสักอย่าง

ฟาน กัล ใช้ระบบที่ประสบความสำเร็จพา เนเธอร์แลนด์ คว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล แต่ไม่ได้ซื้อนักเตะชุดนั้นเข้ามาเล่นเลย ที่มีอยู่แล้วเพียงคนเดียวก็คือ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดาวยิงเลือดดัตช์ ที่อายุก็ปาเข้าไป 31 ปีแล้ว ล่าสุดที่บุกไปเสมอ ซันเดอร์แลนด์ 1-1 เกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้สตาร์ทคู่ รูนีย์ ก็เล่นไม่ออกถูกเปลี่ยนในที่สุด

การมาของ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกทีมชาติอาร์เจนตินาชุดเข้าชิงฟุตบอลโลก 2014 จาก รีล มาดริด ด้วยค่าตัว 59.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,164 ล้านบาท) ถือว่าสูงเป็นสถิติใหม่ของสโมสรอังกฤษซื้อนักเตะ อาจจะทำให้เกม พรีเมียร์ ลีก วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคมนี้ เยือนถิ่น เทิร์ฟ มูร์ ของน้องใหม่ เบิร์นลีย์ แมนฯยู อาจจะไหลลื่นกว่าด้วยระบบ 4-3-3 ก็เป็นได้ แต่ถือเป็นภาระหนักอึ้งสำหรับ ฟาน กัล ที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้อย่างไม่รู้ตัวจริงๆ

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


เบอร์บาตอฟ การซื้อตัวที่ล้มเหลว
ฟาน กัล ต้องเร่งมือแก้ปัญหา
ดิ มาเรีย ถูกซื้อเข้ามาใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น