ASTV ผู้จัดการรายวัน – “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หวังที่จะบุกไปเอาชนะ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด “บิ๊กแมตช์” ศึกฟุตบอล โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2014 วันพุธที่ 20 สิงหาคมนี้ เพื่อการันตีโอกาสในการป้องกันแชมป์ลีกสูงสุด อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่งานง่าย เพราะถือเป็นโอกาสสุดท้ายของ “กิเลนผยอง” ที่คงงัดทุกกลยุทธ์มาสู้ยิบตาแน่นอน ภายใต้เงื่อนไขจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาดหากต้องการที่จะทวงโทรฟีคืน
สถานการณ์หลังผ่าน 30 นัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าที่ออกสตาร์ทติดขัดในช่วงต้น สามารถพลิกแต้มขึ้นรั้งจ่าฝูงได้สำเร็จ มี 62 คะแนน ตามด้วย ชลบุรี เอฟซี 59 คะแนน และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 58 คะแนน หากเกมกลางสัปดาห์นี้สามารถบุกไปคว้าชัยได้ก็แทบจะการันตีตำแหน่งแชมป์และตัดโอกาสคู่แข่งทันที เพราะจะทิ้งห่าง “กิเลนผยอง” เพิ่มเป็น 7 แต้ม ส่วน “ฉลามชล” จะบุกไปเยือน แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ในวันเดียวกัน
โดยโปรแกรมที่เหลืออีก 7 นัด ของ บุรีรัมย์ ก็ยากที่จะสะดุดขาตัวเอง ส่วนใหญ่เจอกับทีมครึ่งล่างของตาราง ไล่ตั้งแต่ (เหย้า) อาร์มี่ ยูไนเต็ด, (เยือน) ศรีสะเกษ เอฟซี, (เหย้า) โอสถสถา เอ็ม150 สระบุรี, (เยือน) แบงค็อก ยูไนเต็ด, (เหย้า) ชัยนาท ฮอร์นบิล, (เยือน) ทีโอที เอสซี และปิดท้ายในบ้านกับ เพื่อนตำรวจ ขณะที่ เอสซีจี เมืองทองฯ ยังต้องบุกไปตัดแต้มกับ “ฉลามชล” ในเกมต่อไปวันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม ก่อนจะเยือน แอร์ฟอร์ซฯ ต่อด้วย (เหย้า) สิงห์ ท่าเรือ, (เยือน) อาร์มี่ฯ, (เหย้า) ศรีสะเกษฯ, (เยือน) โอสถสถาฯ และนัดสุดท้ายในรังรับ แบงค็อก ยูไนเต็ด
ดังนั้น “กิเลนผยอง” จึงจำเป็นต้องชนะเพียงสถานเดียวหากยังหวังต่อลมหายใจในการลุ้นแชมป์ แม้สถิติที่พบกันมาจะถือเป็นงานหนักก็ตาม รวม 15 นัดทุกรายการ ยังไม่เคยปราบยักษ์ใหญ่อีสานใต้ได้เลย เสมอ 7 แพ้ 8 โดยฤดูกาลนี้เจอกันมาแล้ว 3 ครั้ง นัดแรกที่ ไอ-โมบาย สเตเดียม เจ๊ากันมา 0-0 ซึ่งหากเกมนี้พ่ายคารังหรือเสมอแบบมีสกอร์จะเสียเปรียบ เฮด-ทู-เฮด ทันที ส่วนในฟุตบอลถ้วยโตโยต้า ลีก คัพ ถูก คาร์เมโล กอนซาเลซ บุกมายิงร่วงคาบ้าน 0-1 รอบ 8 ทีม (นัดแรกเสมอ 0-0)
ด้านความพร้อมของทั้งคู่ บุรีรัมย์ ภายใต้การคุมทีมของ อเล็กซานเดร กามา เฮดโค้ชบราซิเลียน 6 นัดหลังสุดฟอร์มร้อนแรง ชนะ 5 แพ้ 1 ยิงได้ 14 ประตู เสียแค่ประตูเดียว แม้จะไร้ คาร์เมโล กอนซาเลซ มิดฟิลด์ตัวเก่งที่ติดโทษแบนทั้งซีซัน แต่พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่กระทบต่อภาพรวมของทีมแต่อย่างใด ยังมี ฮาเวียร์ ปาติโญ หอกฟิลิปปินส์ ที่กระหน่ำไป 17 ประตู รั้งรองดาวซัลโวเป็นตัวชูโรง ร่วมกับแข้งไทยอย่าง ธีราทร บุญมาทัน และ จักรพันธ์ แก้วพรม ขณะที่ เอสซีจี เมืองทองฯ 6 นัดหลัง ผลงานยังไม่นิ่ง ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 2 ยิงได้ 9 ประตู เสีย 5 ประตู โดยเกมนี้ ดราแกน ทาลาจิค กุนซือโครแอต จะได้ คิม ดอง จิน เซ็นเตอร์เกาหลีใต้พ้นโทษแบนกลับมาประจำหลังบ้าน แต่ยังต้องลุ้นเช็กความฟิตของ มาริโอ ยูรอฟสกี เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง ที่ยิงไป 13 ตุง ส่วนที่เหลือสมบูรณ์ทั้ง เคลย์ตัน ซิลวา และ ดัสกร ทองเหลา
โดย สุเชาว์ นุชชุ่ม กัปตันทีมบุรีรัมย์ มั่นใจว่าหากคว้าชัยได้โอกาสเป็นแชมป์น่าจะลอยลำ “หากเกมนี้เราชนะได้โอกาสคว้าแชมป์ก็แทบจะการันตี และถ้าเป็นไปได้เกมต่อไปก็อยากให้ เอสซีจี เมืองทองฯ เอาชนะ ชลบุรี เพื่อเพิ่มโอกาสให้เรายิ่งขึ้น แต่ถ้านัดนี้ทำได้เพียงเสมอก็อยากให้ทั้งคู่แบ่งแต้มกันเองด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราต้องเต็มที่และเก็บ 3 แต้มให้ได้ทุกนัดจะได้ไม่ต้องสนใจผลคู่อื่น ส่วนเกมกับ เอสซีจี เมืองทองฯ นั้น แม้เขาจะมี ยูรอฟสกี หรือไม่ก็ไม่ต่างกัน เพราะเขาเป็นทีมที่ดีอยู่แล้ว ผู้เล่นคนอื่นสามารถทดแทนกันได้ เหมือที่เราไม่มี คาร์เมโล แต่ผลงานก็ยังโอเค ดังนั้นจึงต้องมีสมาธิและเล่นอย่างรัดกุมเพื่อรอโอกาส”
ฟาก รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทองฯ ยังไม่ยกธงขาวแม้จะพลาดท่าเกมนี้ “เกมนี้ถือเป็นเกมไฟนอล มีผลต่อทั้งสองทีม ถ้าเราชนะได้ก็จะเป็นการตัดโอกาสของบุรีรัมย์ไปได้ส่วนหนึ่ง และเชื่อว่าจะทำให้เรามีโอกาสสูงที่จะพลิกแซงคว้าแชมป์ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม หากพลาดท่าก็ยังมีอีกหลายเกมที่ต้องลงเล่นอยู่ ดังนั้น เราขอโฟกัสที่เกมนี้ก่อน ซึ่งผลงานที่ผ่านมาการขาด ธีรศิลป์ แดงดา ไปส่งผลกระทบต่อการทำประตูบ้าง แต่ผมเชื่อว่า เคลย์ตัน ที่จะลงตัวจริงเกมนี้สามารถทดแทนได้แน่นอน และนักเตะทุกคนก็จะสู้เต็มที่”
ทั้งนี้ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่แฟนบอลจับตามอง คือ การทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ที่เกมนี้จะได้ อลงกรณ์ ฝีมือช่าง ลงเป่า เนื่องจากเจ้าตัวเคยทำหน้าที่ผิดพลาดหลายครั้ง เช่น การให้จุดโทษปัญหากับ เอสซีจี เมืองทองฯ ในเกมที่พลิกชนะ ชัยนาท ฮอร์นบิล 2-1 นัดเปิดฤดูกาล จากจังหวะที่ ปิยพล ผานิชกุล ทิ้งตัวล้มในเขตโทษ อีกทั้งยังเคยถูกแบน 4 เกม ฐานผิดพลาดไม่เป่าให้ลูกยิงของ เพื่อนตำรวจ ที่ข้ามเส้นไปแล้วเป็นสกอร์ ในเกมที่ “โปลิศ” พ่ายคารังต่อ เอสซีจี เมืองทองฯ 1-2 ด้วยเช่นกัน
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *