xs
xsm
sm
md
lg

มีโรสล้าฟ โยเซ้ฟ โคลเซ่อ / กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

มีโรสล้าฟ โยเซ้ฟ โคลเซ่อ (Miroslav Josef Klose) นักเตะทีมชาติเจอรมานี วัย 36 ปี ผู้ที่ทำสกอร์รวม 16 ประตูในฟุตบอลโลก 4 สมัย ทำลายสถิติการทำประตูรวมมากที่สุดในฟุตบอลโลกที่ โรเนาโด้ (Ronaldo) กองหน้าทีมชาติบราซิวเคยทำเอาไว้ 15 ประตูจากฟุตบอลโลก 1998, 2002 และ 2006 โคลเซ่อ กลายเป็นตำนานนักเตะของโลกที่เป็นตัวอย่างทั้งในความสามารถและสปีริทให้หลายคนต้องจดจำ

ความจริง โคลเซ่อ เกิดในโปแลนด์ มีพ่อแม่เป็นนักกีฬาอาชีพของโปแลนด์ด้วยซ้ำ พ่อเตะบอลสโมสร แม่เล่นแฮนด์บอลทีมชาติ แต่ในช่วงนั้น สหภาพโซเวียต สยายปีกแผ่อิทธิพลครอบงำด้วยลัทธิคอมมิวนิสท์ พ่อจึงย้ายหนีมาเล่นบอลให้ ทีมโอแซร ในประเทศฝรั่งเศส ในปีที่ โคลเซ่อ เกิดนั่นเอง ส่วนครอบครัวยังอยู่ที่ โปแลนด์

จนเมื่อทาง เจอรมานี ประกาศอ้าแขนรับผู้ที่มีเชื้อสายหรือสัญชาติเจอรมานีซึ่งกระจัดกระจายอยู่ใน ยูโกสลาเวีย และประเทศต่างๆ ใน กลุ่มวอร์ซอว์ แผ็คท์ (Warsaw Pact) อีก 8 ประเทศ ซึ่งมี โปแลนด์ รวมอยู่ด้วยกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอน คนพวกนี้เรียกว่า เอ๊าสสีดเล่อ (Aussiedler) พ่อของเขาจึงตัดสินใจโยกย้ายไปอยู่เจอรมานี แต่กว่าที่ โคลเซ่อ จะได้ไปอยู่กับพ่อก็อายุปาเข้าไป 8 ขวบแล้ว ด้วยความที่เกิดใน โปแลนด์ ตอนย้ายไป เจอรมานี ก็พูดภาษาไม่รู้เรื่อง ต้องปรับตัวอยู่ระยะหนึ่งทีเดียว

อันนี้ผมว่าเวลาที่คนเราต้องเผชิญกับสภาวะที่ไม่เคยพบเห็นอย่างเป็นปกติมาก่อน อาจเป็นเรื่องแปลกใหม่ มันย่อมมีช่วงเวลาที่ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ไม่ทันคิดไปในทางบวกหรือลบ ช่วงนี้แหละที่เรียกว่า ช่วงฮันนี่ มูน เกิดความรู้สึกหวานแหววกับสิ่งใหม่ที่เป็นบรรยากาศอยู่รายรอบสักระยะ และเมื่อวันเวลาผ่านไป คราวนี้แหละ เราจะมาดูกันว่าสิ่งที่แปลกใหม่นั้นเราสามารถปรับตัวให้ยอมรับอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ ถ้าปรับตัวอยู่ด้วยกันได้ มันก็ราบรื่นไปได้สวย แต่ถ้ายอมรับไม่ได้ ไม่มีการปรับตัว ไม่ว่าจะเป็นเราหรือเขา มันก็ต้องมาถึงจุดจบ

เดิมที โคลเซ่อ ถูกปั้นให้เป็นช่างไม้ เข้ารับการฝึกฝนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อยึดถือเป็นงานหารายได้เลี้ยงชีพ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังเตะบอลกับทีมในหมู่บ้านซึ่งแม้ว่าสโมสรดังกล่าวจะเทียบชั้นได้เพียงดิวิเชิ่น 7 แต่ก็เป็นโอกาสให้เขาได้พัฒนาฝีเท้าและว่าที่จริงฟุตบอลนี่แหละที่เป็นความฝันของเขาจริงๆ

เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพในระดับสูงกับ ฮอมบวร์ก และมาได้ดีจริงๆตอนมาอยู่กับ ไคเซอร์สเลาเทิร์น เป็นช่วงที่ฉายแวว ทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอ ฟอร์มดีถึงขนาดเข้าตาโค้ชทีมชาติโปแลนด์ต้องบินตามมาชักชวนไปเล่นให้ทีมชาติ แต่ โคลเซ่อ ตัดสินใจเล่นให้ทีมชาติเจอรมานี

เมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่ง คนเราต้องพบกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่ง โคลเซ่อ แสดงให้เห็นว่ารับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้สบาย แต่ละสโมสรที่เขาย้ายไปค้าแข้งด้วย ไม่ว่าจะเป็น ไคเซอร์สเลาเทิร์น แวร์เด้อร์ เบรเม่น บาแยร์น มึนเชิ่น หรือ ลาซิโอ ในอิตาลี เขาร่วมงานด้วยระยะเวลา 3-5 ปีเป็นอย่างน้อย แสดงว่าไม่เคยไม่ล้มเหลว สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกันกับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้น สปิริทที่เขาแสดงออกมาเป็นเรื่องที่น่านับถือจริงๆ เมื่อตอนเล่นให้ เบรเมน ในฤดูกาล 2005 วันนั้นเตะกับ บีเลเฟลด์ เผอิญผู้ตัดสินพิจารณาผิดชี้ให้ทีมตนได้จุดโทษ แต่เขาก็ปฏิเสธจุดโทษนั้น ยังผลให้เขาได้รับรางวัลแฟร์เพลย์จากเหตุการณ์ดังกล่าว นั่นไม่ใช่ครั้งเดียว ในฤดูกาล 2012 ตอนเล่นให้ ลาซิโอ เจอกับ นาโปลี เขาทำประตูโดยใช้มือ ผู้ตัดสินดันไม่เห็นและให้เป็นประตู แต่เขากลับไปบอกผู้ตัดสินเองว่า ตนเองใช้มือ ผู้ตัดสินจึงกลับคำตัดสินและให้ใบเหลืองไปตามกฎ ซึ่ง โคลเซ่อ ก็ยอมรับด้วยความยินดี แถมทั้งคู่ยังจับมือกันอีกด้วย

วันนี้ แม้ว่ายังค้าแข้งอยู่ แต่ มีโรสล้าฟ โคลเซ่อ ได้ประกาศอำลาทีมชาติเจอรมานีแล้ว พอกันทีกับโอกาสที่ได้รับจากประเทศชาติเพื่อสร้างเป็นตำนาน ซึ่งการที่ประเทศชาติมอบโอกาสให้เขาในฟุตบอลโลกหนที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่กองหน้าสดกว่าเขายังมี ผมว่ามันคงเป็นการตอบแทนกับสิ่งที่เขามอบให้กับวงการฟุตบอลอันเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในด้านความสามารถและสปีริทครับ

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น