ASTVผู้จัดการรายวัน - หากคอลูกหนังเมืองไทยลองกวาดสายตาไปที่อันดับดาวซัลโวฟุตบอล “โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก 2014” น่าจะสังเกตเห็นความผิดปกติจนน่าแปลกใจที่ว่าทำไมถึงไม่มีนักเตะท้องถิ่นติดท็อปเทนเลยแม้แต่คนเดียว ณ ขณะนี้ผู้นำเป็น เฮแบร์ตี เฟอร์นันเดซ มิดฟิลด์เชื้อสายบราซิเลียน สังกัด ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่กดไปแล้ว 18 ประตู โดยมี ฮาเวียร์ ปาติโญ หอก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หายใจรดต้นคอ 16 ประตู และ มาริโอ ยูรอฟสกี กองกลางตัวเก่งจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ ติอาโก คุนญา ดาวยิง ชลบุรี เอฟซี เท่ากันที่ 12 ตุง
จึงนำมาสู่คำถามที่ว่า “เกิดอะไรขึ้นกับกองหน้าชาวไทย?” เหตุใดถึงไม่สามารถผลักดันตนเองขึ้นมาเบียดแย่งตำแหน่งรองเท้าทองคำ ไทยลีก ฤดูกาลนี้กับแข้งนำเข้าได้แม้แต่คนเดียว ส่วนฤดูกาลที่แล้วเป็น “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าเบอร์ 1 ทีมชาติไทย ทำไว้ 25 ประตู ที่ตอนนี้ย้ายจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปเล่นให้กับ อัลเมเรีย แห่งศึก ลา ลีกา สเปน แบบยืมตัว 1 ปี หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อทัพ “ช้างศึก” ชุดใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เรื่องนี้มุมมองของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทยชุดลุยศึก เอเชียน เกมส์ 2014 ที่ อินชอน เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 19 กันยายน ถึง 4 ตุลาคมนี้ วิเคราะห์ว่า “ตอนนี้ทุกสโมสรเน้นการซื้อกองหลังและศูนย์หน้าที่เป็นต่างชาติเสียส่วนมาก เนื่องจากตอนนี้ต้องยอมรับว่าลีกของเราแข็งแกร่งขึ้นทำให้ทุกทีมต่างที่ต้องการจะเอาชนะและทุ่มเงินซื้อกองหน้าต่างชาติที่มีความสามารถมาเพื่อล่าสกอร์ให้ทีมได้มากที่สุด”
ซึ่งตำนานศูนย์หน้าจอมตีลังกาของทัพ “ช้างศึก” ย้ำชัดคือวิกฤตของจริง “โดยส่วนตัวมองว่าเป็นช่วงวิกฤต ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ เช่น ไม่มีสโมสรไหนที่สามารถจะรอคอยความสำเร็จได้ทำให้ต้องใช้นักเตะที่ไม่ต้องปั้นมาก เป็นประเภทแกะซองแล้วดื่มได้เลย ทำให้ศูนย์เยาวชนไทยของเราไม่ได้รับโอกาสลงสนามเพียงพอและหยุดพัฒนาการและไม่สามารถดึงศักยภาพออกมาได้”
ดังนั้น จำเป็นต้องมองถึงการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งเจ้าของดาวยิงเบอร์ 13 ครั้งอดีต ชี้ชัดไปยังระดับเยาวชน “เราต้องไปพัฒนาระบบเยาวชนให้มีความสามารถทัดเทียมกับต่างชาติ ถ้าหากนักเตะไทยสามารถโชว์ความสามารถออกมาให้กุนซือได้เห็น ก็คงไม่มีใครที่จะกล้าที่จะดร็อปเอาไว้ข้างสนามแน่นอน และอย่าลืมว่านักเตะไทยสามารถที่จะเป็นศูนย์รวมจิตใจของแฟนบอลในประเทศด้านสัญชาติได้อีกทางหนึ่งซึ่งตรงนี้ก็จะถือเป็นข้อได้เปรียบของเราอีกเช่นกัน”
ส่วนปัญหาที่จะลามมาถึงทีมชาติไทย เนื่องจาก “มุ้ย” ธีรศิลป์ จำต้องทุ่มสมาธิให้กับการเล่นอาชีพที่ อัลเมเรีย อย่างไรก็ตาม ได้มองหาทางแก้ไขเอาไว้บ้างแล้ว “กระทบกับทีมชาติไทยแน่นอน ยิ่งตอนนี้ ธีรศิลป์ แดงดา ไม่อยู่ด้วยทำให้ต้องกลับมาคิดกันใหม่ว่าต้องทำอย่างไร แต่ปัญหานี้ก็แก้ไม่ยากนักเราสามารถเปลี่ยนแท็กติกในสนามได้ตลอด ยกตัวอย่างทีมอย่างบาร์เซโลนา ก็ใช้กองกลางขึ้นมาเติมเกมรุกโดยมีริมเส้นคอยสนับสนุน”
ขณะที่ “โจ้ 5 หลา” ศรายุทธ ชัยคำดี ปัจจุบันเล่นให้ ศรีสะเกษ เอฟซี โดยเพิ่งสร้างสถิติยิงครบ 100 ประตูในศึกฟุตบอล ไทยลีก เป็นคนแรก มองว่าเป็นเพราะสโมสรที่ไม่พยายามผลักดันกองหน้าสัญชาติไทย ทั้งที่ลีกกำลังพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ผมว่ามันไม่ใช่วิกฤตนะ แต่มองว่าเป็นที่สโมสรในบ้านเรามากกว่าที่ไม่นิยมใช้หอกไทย ทั้งที่ลีกเราก็บูมขึ้นมาแต่ไม่ได้ให้ความสนใจในจุดนี้ สำหรับผมแล้วกองหน้าไทยทุกคนมันได้รับโอกาสยาก อย่างไรก็ตามก็อยากฝากไปถึงกองหน้าไทยรุ่นน้องว่า อยากให้ทุกคนพยายามเมื่อมีโอกาสลงเล่นต้องแสดงฝีมือให้เต็มที่ เพื่อผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นศูนย์หน้าดาวซัลโวให้ได้”
เกี่ยวกับเรื่องนี้จำเป็นต้องสอบถามไปยัง “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ที่สามารถหารือหาทางแก้ไข ซึ่งก็ไม่รอช้าด้วยการโดยการปรับลดโควตานักเตะต่างชาติของแต่ละสโมสรลงจากเดิมที่สามารถลงทะเบียนได้ฤดูกาลละ 7 คน ลดเหลือ 5 คน อย่างไรก็ตาม จำนวนในการลงสนามยังเป็น 3+1 (นักเตะเอเชีย) เช่นเดิม เผยว่า “ผมเห็นว่าตรงนี้มันเป็นปัญหาเรื้อรังมานานแล้ว ทำให้ผมต้องรีบแก้ไขโดยด่วนด้วยการเปลี่ยนกฎใหม่ให้ทีมต่างๆ ในไทยลีก สามารถส่งชื่อนักเตะต่างชาติได้เพียงแค่ 5 คน ซึ่งตรงนี้จะทำให้สโมสรต่างๆ ต้องจำกัดจำนวนนักเตะต่างชาติลง ซึ่งจะทำให้กองหน้าของเรามีโอกาสที่จะสอดแทรกขึ้นมาได้ อีกทั้งตอนนี้เรายังพยายามผลักดันอคาเดมีของทีมต่างๆ ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นคาดว่าจะช่วยได้อีกทางหนึ่ง”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
