คอลัมน์ “BUZZER BEAT” โดย “MVP”
หากมองความเป็นไปของโลกเราทุกวันนี้ เรียกได้ว่าหลายๆ สิ่งต่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แม้มวลมนุษยชาติเกิดตามกันมาแค่ 3 เจเนอเรชัน เริ่มจากคนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ที่เห็นได้ชัดสุดเห็นจะเป็นเรื่องความรักที่มักจะจีบกันผ่านจดหมาย ต่อมารุ่นกลางๆ ที่เริ่มกุ๊กกิ๊กสาวๆ ด้วยการฝากข้อความผ่านวิทยาติดตามตัว หรือโทรศัพท์มือถือยุคบุกเบิก จนกระทั่งปัจจุบันเรามีทั้งระบบ 3G, สมาร์ทโฟน หรือสื่อสารกันทางเฟซไทม์ หรือแอปพลิเคชันไลน์
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของหลายๆ วงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการกีฬา เช่น แฟนกีฬายุคเก่าๆ บางท่านอาจจะเคยสะสมการ์ดหรือสติกเกอร์ เพื่อศึกาข้อมูลซูเปอร์สตาร์คนโปรดบ้าง แต่สมัยนี้ เรามีทั้งเว็บไซต์ อาทิ วิกิพีเดีย (Wikipedia) หรือสำนักข่าวต่างๆ รวบรวมสถิติ และประวัติ บรรดานักสะสมก็ทยอยหายหน้าหายตากันไปจนแทบหาไม่เจอ
ในส่วนของลีกกีฬาชั้นนำก็ได้รับอิทธิพลของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเช่นกัน โดยเฉพาะด้านผลการแข่งขันที่บริสุทธิ์และยุติธรรม เท่าที่จำความได้ คงต้องยกเครดิตแก่ ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ซึ่งอาจเปรียบเปรยว่า เป็นผู้ริเริ่มนำวิวัฒนาการเหล่านี้มาใช้เป็นแห่งแรก และทีมงานผู้ตัดสินเองก็ไม่เกรงกลัวกับการถูกทักท้วง หากเกิดความผิดพลาด ก็ต้องถือว่าน่าชื่นชม
NFL จึงสร้างกฎการ “ชาลเลนจ์ (Challenge)” ครั้งแรก เมื่อปี 1999 โดยให้กรรมการดูภาพรีเพลย์จากมุมกล้องต่างๆ หากมีหลักฐานปรากฏชัด ก็จะยกประโยชน์แก่ฝ่ายที่ขอท้า แต่ถ้าไม่มีน้ำหนักพอ ก็จะต้องชดเชยจากการทำเกมหยุดชะงักด้วยการริบเวลานอก 1 ครั้ง เว้นแต่ช่วง 2 นาทีสุดท้ายของควอเตอร์ 2 และ 4 เท่านั้น ซึ่งจะต้องเป็นหน้าที่ของกรรมการที่อยู่บนอัฒจันทร์
หากมองกีฬาประเภทอื่นๆ อาทิ เทนนิส ก็มีการขอรีวิวภาพจาก “ฮอว์ก-อาย” ต่อมาก็มี NBA ที่เริ่มจะเห็นกรดูรีเพลย์บ้าง หากกรรมการไม่แน่ใจกับคำตัดสิน หรือล่าสุดที่เราชม ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ก็เห็นการใช้ “โกล-ไลน์” หรือ สเปอรย์ล่องหนมาร์คจุดเตะฟรีคิกกับกำแพง สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการตัดสินที่ค้านสายตาแฟนๆ หากจะเรียกว่า NFL คือ ผู้บุกเบิกผลการแข่งขันที่ขาวสะอาดมากสุด ก็คงไม่ผิด
การแข่งอเมริกันฟุตบอล อาจจะไม่ถูกคอกับแฟนๆ เท่าไร เพราะเป็นการเล่นแบบเพลย์ต่อเพลย์ที่มักจะชะงักบ่อย และการถ่วงเวลาที่ทำเกมช้า หากเทียบกับ ซอคเกอร์ ที่มีการต่อบอลอันสวยงาม หรือการบุกอันดุดัน แต่ก็อาจถูกใจกลุ่มคนคลั่งไคล้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อยู่บ้าง โดยเฉพาะซีซันใหม่ที่จะเปิดฉากขึ้นเดือนกันยายนนี้
ยิ่งซีซัน 2014 ทาง NFL ก็เซ็นสัญญากับ “ไมโครซอฟต์” ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ระดับโลก มูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) นำแท็บเล็ต “ไมโครซอฟต์ เซอร์เฟซ” สำหรับโค้ชและผู้เล่นคอยศึกษาแผนการเล่น หรือจุดอ่อนของคู่แข่งแทนการอ่านฟิล์ม หรือปรินต์รูปถ่ายมานั่งวิเคราะห์ คงจะดูแปลกตา และเป็นอีกสีสันหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
หากมองความเป็นไปของโลกเราทุกวันนี้ เรียกได้ว่าหลายๆ สิ่งต่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แม้มวลมนุษยชาติเกิดตามกันมาแค่ 3 เจเนอเรชัน เริ่มจากคนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ที่เห็นได้ชัดสุดเห็นจะเป็นเรื่องความรักที่มักจะจีบกันผ่านจดหมาย ต่อมารุ่นกลางๆ ที่เริ่มกุ๊กกิ๊กสาวๆ ด้วยการฝากข้อความผ่านวิทยาติดตามตัว หรือโทรศัพท์มือถือยุคบุกเบิก จนกระทั่งปัจจุบันเรามีทั้งระบบ 3G, สมาร์ทโฟน หรือสื่อสารกันทางเฟซไทม์ หรือแอปพลิเคชันไลน์
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของหลายๆ วงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการกีฬา เช่น แฟนกีฬายุคเก่าๆ บางท่านอาจจะเคยสะสมการ์ดหรือสติกเกอร์ เพื่อศึกาข้อมูลซูเปอร์สตาร์คนโปรดบ้าง แต่สมัยนี้ เรามีทั้งเว็บไซต์ อาทิ วิกิพีเดีย (Wikipedia) หรือสำนักข่าวต่างๆ รวบรวมสถิติ และประวัติ บรรดานักสะสมก็ทยอยหายหน้าหายตากันไปจนแทบหาไม่เจอ
ในส่วนของลีกกีฬาชั้นนำก็ได้รับอิทธิพลของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเช่นกัน โดยเฉพาะด้านผลการแข่งขันที่บริสุทธิ์และยุติธรรม เท่าที่จำความได้ คงต้องยกเครดิตแก่ ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ซึ่งอาจเปรียบเปรยว่า เป็นผู้ริเริ่มนำวิวัฒนาการเหล่านี้มาใช้เป็นแห่งแรก และทีมงานผู้ตัดสินเองก็ไม่เกรงกลัวกับการถูกทักท้วง หากเกิดความผิดพลาด ก็ต้องถือว่าน่าชื่นชม
NFL จึงสร้างกฎการ “ชาลเลนจ์ (Challenge)” ครั้งแรก เมื่อปี 1999 โดยให้กรรมการดูภาพรีเพลย์จากมุมกล้องต่างๆ หากมีหลักฐานปรากฏชัด ก็จะยกประโยชน์แก่ฝ่ายที่ขอท้า แต่ถ้าไม่มีน้ำหนักพอ ก็จะต้องชดเชยจากการทำเกมหยุดชะงักด้วยการริบเวลานอก 1 ครั้ง เว้นแต่ช่วง 2 นาทีสุดท้ายของควอเตอร์ 2 และ 4 เท่านั้น ซึ่งจะต้องเป็นหน้าที่ของกรรมการที่อยู่บนอัฒจันทร์
หากมองกีฬาประเภทอื่นๆ อาทิ เทนนิส ก็มีการขอรีวิวภาพจาก “ฮอว์ก-อาย” ต่อมาก็มี NBA ที่เริ่มจะเห็นกรดูรีเพลย์บ้าง หากกรรมการไม่แน่ใจกับคำตัดสิน หรือล่าสุดที่เราชม ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล ก็เห็นการใช้ “โกล-ไลน์” หรือ สเปอรย์ล่องหนมาร์คจุดเตะฟรีคิกกับกำแพง สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นเพื่อป้องกันการตัดสินที่ค้านสายตาแฟนๆ หากจะเรียกว่า NFL คือ ผู้บุกเบิกผลการแข่งขันที่ขาวสะอาดมากสุด ก็คงไม่ผิด
การแข่งอเมริกันฟุตบอล อาจจะไม่ถูกคอกับแฟนๆ เท่าไร เพราะเป็นการเล่นแบบเพลย์ต่อเพลย์ที่มักจะชะงักบ่อย และการถ่วงเวลาที่ทำเกมช้า หากเทียบกับ ซอคเกอร์ ที่มีการต่อบอลอันสวยงาม หรือการบุกอันดุดัน แต่ก็อาจถูกใจกลุ่มคนคลั่งไคล้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อยู่บ้าง โดยเฉพาะซีซันใหม่ที่จะเปิดฉากขึ้นเดือนกันยายนนี้
ยิ่งซีซัน 2014 ทาง NFL ก็เซ็นสัญญากับ “ไมโครซอฟต์” ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ระดับโลก มูลค่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) นำแท็บเล็ต “ไมโครซอฟต์ เซอร์เฟซ” สำหรับโค้ชและผู้เล่นคอยศึกษาแผนการเล่น หรือจุดอ่อนของคู่แข่งแทนการอ่านฟิล์ม หรือปรินต์รูปถ่ายมานั่งวิเคราะห์ คงจะดูแปลกตา และเป็นอีกสีสันหนึ่งที่ไม่ควรพลาด
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *