ดร.สมคิด ปิ่นทอง อดีตรองผู้ว่าการ กกท. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการสอบสวนฯ เตรียมร่างมาตรการข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันของทัพจอมเตะไทย เผยสมาคมฯ ยังคงเป็นบ้านของน้องก้อย เพราะไม่มีกฏไล่นักกีฬาออก และปัญหานี้ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง เป็นเพียงความไม่เข้าใจกันมากกว่า
หลังจากที่สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้มีการนัดสอบสวนในกรณีที่ “น้องก้อย” รุ่งระวี ขุระสะ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติ ออกมาให้ข่าวว่าถูก “โค้ชเช” เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนทำร้ายร่างกาย ขณะที่แข่งขันอยู่ในรายการ “โคเรีย โอเพน” ณ ประเทศเกาหลีใต้ จนทำให้เป็นกระแสสังคมขึ้นมา แต่ผลปรากฎว่าจอมเตะสาวไทยกลับไม่มาตามที่นัดหมาย ในวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ด้าน ดร.สมคิด ปิ่นทอง อดีตรองผู้ว่าการ กกท. ในฐานะรองประธานคณะกรรมการสอบสวนฯ กล่าวว่า หลังจากที่น้องก้อยไม่เดินทางมาพบคณะกรรมการ คงไม่กำหนดวันเวลาเพื่อเรียกให้มาพบใหม่ เพราะหากเรียกไปยังไงแล้ว เชื่อว่าน้องก้อยก็คงไม่เดินทางมา เพียงแต่หากวันใดในอนาคตน้องก้อยเกิดความสบายใจมากขึ้นพร้อมจะพูดคุยให้เดิน ทางมาที่สมาคมได้ทันที สมาคมพร้อมเปิดกว้าง ที่สำคัญคุณยังคงเป็นนักกีฬาเทควันโดเหมือนเดิม เพราะสมาคมไม่มีอำนาจไปไล่คนออก เพราะหากพิจารณาให้ดี เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดร้ายแรง เป็นเพียงความเข้าใจผิด ความไม่เข้าใจกันมากกว่า สมาคมยังเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของน้องก้อย และเพื่อนๆ นักกีฬาทุกคนพร้อมเปิดใจรับ ที่สำคัญสังคมส่วนใหญ่พร้อมให้อภัยน้องก้อยเช่นกัน
"เราต้อง เข้าใจจิตใจของเด็ก แน่นอนเรื่องอารมณ์มีส่วนสำคัญมาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมาก ประกอบกับเป็นวัยรุ่นใจร้อน ไม่ทันได้ฉุกคิดว่าเมื่อทำอะไรไปแล้วผลของการกระทำจะออกมาในทิศทางใด ประกอบกับคงปรึกษากับเพื่อนๆ ที่สนิทสนม จึงด่วนตัดสินใจเร็วโพสต์ข้อความ แสดงความรู้สึกผ่านทางโลกออนไลน์ จนเหตุการณ์บานปลาย และไม่ได้ปรึกษาผู้ใหญ่หรือไปปรึกษาผู้ใหญ่ที่มีอคติ เรื่องราวจึงถูกถ่ายทอดออกมาในด้านลบ น้องก้อยยิ่งถูกโจมตีหนักขึ้นอีก" อดีตรองผู้ว่าการ กกท.กล่าว
นอกจากนี้ ดร.สมคิด กล่าวอีกว่า ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจน้องนักกีฬาทุกคนว่า เมื่อใดที่เรื่องราวทำนองนี้ ทั้งผิดใจกับโค้ชหรือเพื่อนๆ นักกีฬา สิ่งแรกที่ต้องทำคือ กำจัดอารมณ์โมโหออกไปให้ได้ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจทำอะไรลงไปแบบทันควัน ปล่อยให้เรื่องผ่านไปสัก 2-3 วัน เชื่อว่าน่าจะสามารถทบทวนได้ และป้องกันเหตุบานปลายได้อีกด้วย แต่ถ้ายังไม่คลายสงสัยหรือยังโกรธอยู่ ให้ปรึกษาผู้ใหญ่ที่ไว้ใจที่สุด อีกทั้งผู้ใหญ่ที่มาให้คำแนะนำต้องเปิดใจ กว้าง มากๆ และหากน้องก้อยพร้อม ก็กลับมาติดทีมชาติได้อีกอย่างแน่นอน
ส่วนแนวทาง แก้ปัญหาในอนาคตนั้น ดร.สมคิด กล่าวว่า สมาคมอยู่ระหว่างร่างมาตรการข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยภาพรวมแล้วก่อนเก็บตัวสู้ศึกรายการต่างๆ จะเชิญนักกีฬา และผู้ปกครอง มาสร้างความเข้าใจถึงแนวทางการฝึกซ้อม ที่ต้องเข้มงวดจริงจังเพื่อความสำเร็จของชาติ เชื่อว่าจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจมากขึ้น และผู้ปกครองจะได้เข้าถึงความต้องการของสมาคม ที่ไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น นอกเสียจากให้นักกีฬาได้อยู่ในระเบียบวินัย มีการพัฒนา ตัวเอง
ขณะที่ นายวิมล ขุระสะ ปู่ของน้องก้อย เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าหลานสาวพร้อมครอบครัวเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน จ.พิจิตร เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา และเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น โดยช่วงที่มาเห็นหลานมีความเครียดจนถึงกับเป็นไข้ ต้องไปหาหมอ ซึ่งได้บอกกับลูกชาย ลูกสะใภ้ และน้องก้อยว่าให้ยุติเรื่องนี้เสียเพราะเราคงไปสู้เขาไม่ได้ เสียเปรียบทุกอย่างอย่าไปต่อล้อต่อเถียงเพราะคนเขาเยอะกว่า และขอให้หลานสาวทำใจ ถึงแม้ว่าน้องก้อย หลานสาวจะเป็นผู้ถูกกระทำก็ตาม พร้อมกับบอกหลานสาวขอให้เลิกเล่นวงการนี้ เพราะอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว
"ผมในฐานะปู่ อยากให้สังคมเห็นใจและให้ความเป็นธรรม อย่าประณามหรือด่าน้องก้อยทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์" นายวิมลกล่าว
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *