นายสุวัฒน์ สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยต้องการให้สมาคมเทควันโดเร่งสะสางปัญหาระหว่างโค้ชเช กับ น้องก้อย เพราะหากปล่อยไว้นานจะส่งผลเสียกับ 2 ฝ่ายมากขึ้น เชื่อคนในช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่าคนนอก
จากกรณีปัญหาภายในสมาคมเทควันโดระหว่าง “น้องก้อย” รุ่งระวี ขุระสะ นักเทควันโดสาวทีมชาติไทย ซึ่งออกมาแฉว่า ถูก “โค้ชเช” เช ยอง ซุก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย ชาวเกาหลีใต้ ทำร้ายร่างกายโดยการชกหน้าและท้อง เนื่องจากไม่พอใจที่เตรียมตัวช้าและไม่พร้อมลงแข่งขัน รายการโคเรีย โอเพ่น ที่ประเทศเกาหลีใต้ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้
ล่าสุด นายสุวัฒน์ สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงปัญหาระหว่างโค้ชเช กับ น้องก้อย เชื่อว่าถ้าทั้งคู่ได้มีโอกาสพุดคุยกัน ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยมีผู้ใหญ่ในสมาคมเทควันโดเป็นสื่อกลาง มั่นใจว่าปัญหาดังกล่าวจะจบลงคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี แฮปปี้ด้วยกันทุกฝ่าย
“หากทั้งคู่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน เหตุการณ์ดังกล่าวก็จะไม่ลุกลามบานปลายออกไป เชื่อในเรื่องของความผูกพันใกล้ชิด ระหว่าง โค้ชกับนักกีฬา เหมือนอาจารย์กับลูกศิษย์ น่าจะเข้าใจกันได้ดียิ่งกว่า บุคคลภายนอก และยิ่งปล่อยให้นานวันผลลัพธ์คงออกมาได้ดีทั้งสองคน โค้ชเช กลับมาทำงานหน้าที่โค้ชอยากขึ้น และอาจจะรู้สึกลำบากใจ ส่วนน้องก้อยเองซึ่งเป็นเด็ก อาจจะอยู่ในสังคมอย่างลำบากเช่นกัน ดังนั้น ทางออกที่ดีน่าจะให้โอกาสทั้งคู่ได้คุยปรับความเข้าใจกัน เชื่อว่าภาพนี้ทุกคนทุกฝ่ายคงอยากจะเห็น และน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ดีกว่าพุดกันไปพูดกันมา”
นายสุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวคิดว่าปัญหาดังกล่าวนี้เกิดขึ้นรวดเร็ว เพราะมีการใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไป จนเกิดกระแสการแสดงความคิดเห็นออกไปมากมาย ซึ่งแน่นอนผลกระทบตกถึง โค้ชเช และ น้องก้อย โดยตรง อันที่จริงแล้วสังคมอาจจะไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นทำให้ทั้งคู่ต้องแตกหัก เหมือนที่โลกสังคมออนไลน์กำลังต้องการก็เป็นได้
“ความเป็นจริงทั้งคู่มีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง โค้ชเช ผู้รับผิดชอบต่อนักกีฬา ซึ่งคงยึดเรื่องของระเบียบวินัยเป็นแกนหลัก คงต้องการให้นักกีฬาทำผลงานให้ดี เพื่อชื่อเสียงของตัวเอง และประเทศชาติ ดังนั้น จึงอาจให้ความสำคัญในเรื่องของความพร้อมของนักกีฬา และเรื่องของระเบียบวินัย ด้านนักกีฬาเองจึงต้องการทำผลงานให้ออกมาดี แต่บางทีอาจจะหย่อนยานเรื่องวินัยไปบ้าง เมื่อผลงานออกมาแพ้ โค้ชอารมณ์ร้อน นักกีฬาไม่พร้อมจึงเกิดเหตุขึ้น บรรยากาศเลยไม่ปกติ บวกกับมีการนำเรื่องราวไปลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ก และมีผู้ปกครองเข้ามาเกี่ยวพันด้วย แน่นอนธรรมชาติของพ่อแม่ทุกคนต้องปกป้องลูก และเมื่อขาดการพูดคุยเจรจากันเรื่องราวจึงใหญ่โต เมื่อเหตุการณ์ร้อนแรงก็อาจมีกลุ่มไม่หวังดีต้องการทำลายชื่อเสียงของ สมาคมฯ โค้ช และนักกีฬา ผลเสียจึงตกอยู่ทั้งสามฝ่าย ดังนั้น ผู้ใหญ่ในวงการกีฬา หรือผู้ใหญ่วงการเทควันโด ควรเข้ามาช่วยคลีคลายปัญหาโดยเร็วที่สุด เพราะปล่อยให้โต้กันไปโตกันมา หรือโต้อยู่ฝ่ายเดียวไม่เกิดประโยชน์ต่อวงการกีฬาไทย และวงการเทควันโดแน่นอน”
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงกีฬา ยังได้กล่าวเตือนว่า ส่วนการนำนักกีฬาทั้งอดีต และปัจจุบันออกมาพูดก็ไม่เป็นผลดีต่อสมาคมฯ เพราะความคิดเห็นดังกล่าวเป็นผลดีกับฝ่ายหนึ่ง และไม่เป็นผลดีกับฝั่งตรงข้าม รวมถึงการนำเอาความเห็นของบุคคลสาธารณะ ทั้งนักกีฬา หรือวงการต่างๆ มาเสริมน้ำหนักประเด็น ก็จะกระทบกับอีกฝั่งหนึ่ง ภาพลักษณ์เรื่องความสามัคคีวงการกีฬาจะได้รับผลกระทบ หากปล่อยให้พูดกันไปทะเลาะกันไปก็เสียหายทั้งคู่ ดังนั้น อยากเอาความคิดเห็นที่ไม่เป็นประโยชน์มายัดใส่กัน เพราะไม่ใช่ทางออกที่ดี ส่วนทางออกที่ดีคือหันหน้าคุยกันบนความเข้าใจที่ถูกต้อง ส่งคมไทยมีทั้งเมตตาและปราณี ออกแบบให้กับอภัยซึ่งกันและกัน กายก็เป็นสุข ใจก็เป็นสุข สังคมก็ได้รับความสุข
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *