นายกสมาคมเทควันโดเผยโทร.คุยกับ “โค้ชเช” ล่าสุด ระบุยังไม่กลับไทย ยังไม่มีกำหนด เชื่อโค้ช 4 คน ไม่ผิดพลาดขนาดที่นักกีฬาอ้างแน่ ชี้นักกีฬาผิดจริง อัด “น้องก้อย” อยากได้ความสะใจให้ “โค้ชเช” ขอโทษผ่านสื่อเป็นการ “พลีชาติเพื่อชีพ” เกินไปไหม ลั่นถ้าไม่เคลียร์จะบินไปเกาหลีไปตามกลับ
เช้าวันนี้ (17 ก.ค.) นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง 3 ทางโทรศัพท์จากประเทศสหรัฐอเมริกา กรณีปัญหา “โค้ชเช” เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเกาหลีใต้ที่ลงไม้ลงมือทำโทษ “น้องก้อย” รุ่งระวี ขุระสะ นักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ดีกรีเหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย 2014 รุ่น 62 กิโลกรัม โดยเจ้าตัวออกมาแฉว่าโดนโค้ชเช ชกเข้าที่ใบหน้า และต่อยท้อง หลังโมโหที่ตนลงแข่งขันช้า และไม่พร้อมในการลงสนาม ส่งผลให้พ่ายการแข่งขันกับเจ้าถิ่นไป โดย นายพิมล เปิดเผยล่าสุดว่า “โค้ชเช” อาจไม่กลับมาเมืองไทยแล้ว
“ผมคุยกับโค้ชเชและก็โค้ชแม็กซ์นะฮะ โค้ชแม็กซ์ ตอนที่ผมคุยโค้ชเชเขาก็เงียบไปนะฮะ ผมก็ถามว่า จะกลับมาวันที่ 17 นี้ไหม เขาก็เงียบไป แล้วผมก็คุยกับโค้ชแม็กซ์ โค้ชแม็กซ์ก็บอกผมว่าไม่กลับครับ แล้วผมก็ถามว่าจะกลับเมื่อไหร่ เขาก็บอกว่าไม่ทราบครับ ผมก็เลย นี่แหละครับ” นายพิมลกล่าว
เมื่อถามต่อว่าเมื่อได้คุยกับโค้ชทั้ง 3 คน แล้วได้ข้อสรุปว่าอย่างไร นายพิมล เล่าว่า นักกีฬาก็ผิดจริง เพราะไม่ได้เอาไอดีการ์ดมา ไม่ได้เอาถุงมือมา ส่วนกรณีโค้ชวิชิตพูดผิดหรือบอกผิด ให้ไปรอผิดที่ หรือไม่เตรียมตัวก็ได้ ก็ไม่เป็นความจริง หรือการวอร์มอัป ที่นักกีฬาก็ไม่ได้วอร์มอัป และใส่อุปกรณ์ให้ครบเพื่อเตรียมตัวลงสนาม โดยตนยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่โค้ชที่ผ่านการแข่งขันมาแล้วระดับโลกจะทำผิดพลาดขนาดนี้
“ก็ไม่ทราบว่านักกีฬาคนที่เป็นปัญหาอยู่นี้ ไม่ได้ฟัง หรือว่าไม่ได้ใส่ใจ หรือว่ากุเรื่องขึ้นเองผมไม่ทราบ แต่ผมไม่เชื่อว่าเป็นความผิดที่โค้ช” นายกสมาคมเทควันโดระบุ
เมื่อพิธีกรถามต่อว่า “น้องก้อย” ยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุโค้ชชิตบอกให้เขารออยู่ตรงนั้น โค้ชบอกให้เขาถอดก่อน เพราะอึดอัด แต่ถึงเวลาสื่อสารผิดพลาด มีวิทยุมาตาม พอตกใจทำให้ลืมไอดีการ์ด วอร์มอัปก็ยังไม่ได้วอร์ม เครื่องไม้เครื่องมือก็ยังไม่ได้ใส่ ด้านนายพิมลก็กล่าวว่า สอบถามดูแล้วปรากฏว่านักกีฬาลืมไอดีอยู่ที่โรงแรม และไม่เคยมีการบอกให้ถอดอุปกรณ์ก่อนได้ ยังไม่ต้องรีบใส่ เพราะเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว ณ จุดวอร์มอัปนักกีฬาต้องใส่อุปกรณ์รอ
“นักกีฬาคนนี้เท่าที่ได้ฟังมา ไม่ได้ทำอะไร ก็นั่งๆ ไป ก็เป็นอย่างนั้น” นายพิมล ระบุ ส่วนกรณีการทำร้ายร่างกายนักกีฬาที่น้องก้อยอ้างว่าโดนต่อยเป็นสิบครั้งทั้งที่หน้าและที่ท้องนั้น นายกสมาคมระบุว่า การตรวจร่างกายของนักกีฬาเทควันโดนั้น แน่นอนว่าต้องมีอาการฟกช้ำอย่างแน่นอน และไม่ควรไปป้ายสีโค้ชเชเช่นนี้
“ผมก็ถามเชว่าเกิดอะไรขึ้น เชเขาก็ทุบเอา และเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ทำแรงอย่างที่ว่า ผมก็ถามว่ามันแรงขนาดไหน เพราะถ้าแรงมากคนก็ต้องลงไปกองแล้ว เพราะโดนต่อยหน้า ตาปูด และเห็นว่าตอนที่นักกีฬากลับมาก็เลี่ยงผู้สื่อข่าว ก็ไม่ได้ไปเจอนะฮะ เพราะอาจห่วงว่าไม่มีรอยหรือเปล่า เพราะโดนกำหมัดต่อยหน้าโดนผู้ชาย หรือผู้ชายต่อผู้ชายเองก็เถอะ ไม่ต้องผู้ชายต่อยผู้หญิงหรอก โดนต่อยท้องก็ต้องลงไปกองแล้วมั้งฮะ แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอย่างนั้นนะฮะ คือไม่ว่าจะยังไง เขาที่ทำไปก็เพราะด้วยความรัก ความหวังดี อยากจะให้จำ อยากให้เก็ต แล้วมาทำแบบนี้ ผมไม่คิดว่ามันสมควร” นายพิมล ระบุ
เมื่อถามถึงความรู้สึกของโค้ชเช นายพิมล กล่าวว่า โค้ชเชแสดงความเสียใจต่อตนที่ทำให้ตนลำบาก แต่ตนก็บอกว่าตนไม่ถือ และอยากให้กลับมาคุยกันให้เรียบร้อย พร้อมกันนั้น โค้ชเชได้กล่าวว่าที่เขาทำลงไปก็เพราะหวังดี และรักนักกีฬาทุกคน ไม่ได้มีความตั้งใจจะไประบายอารมณ์
นายพิมล เล่าด้วยว่า ตนบอกโค้ชเชว่าไม่ให้ท้อแท้ เพราะนักกีฬาเพียงคนเดียว เนื่องจากมีนักกีฬาที่เป็นลูกศิษย์ของโค้ชเชอีกเป็นร้อยคน รวมถึงชาวไทยที่ให้กำลังใจอยู่ ซึ่งโค้ชเชก็ตอบมาเพียงว่า “ครับผม ครับผม” ทว่า ที่คุยกับโค้ชแม็กซ์ล่าสุด โค้ชชาวไทยจะกลับเมืองไทย แต่โค้ชเชไม่กลับ ขณะที่ลูกและภรรยาก็กลับไปเกาหลีแล้ว
“ลูกโค้ชเชก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนศรีวิกรม์จากทุนการศึกษาที่ผมให้ลูกเขา เขาก็ไปเกาหลี ส่วนภรรยาก็ไปเกาหลีเช่นกัน ไปเมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่ลาเรียนไป ผมยังไม่ได้สอบไปที่โรงเรียนว่าไปเมื่อไหร่ และกลับเมื่อไหร่” นายกสมาคมเทควันโดเผย
“ผมก็จะต้องพยายามคุยกับโค้ชเชให้เขากลับมา ถ้าเขาไม่กลับมาผมก็ต้องบินไปตามให้เขากลับมา ต้องพยายามทุกๆ ทางที่จะทำได้ ไม่ได้แต่ว่าเฉพาะเหรียญอย่างเดียว แน่นอนว่าเหรียญก็สำคัญ เราก็มองว่าโค้ชเชก็เป็นสมาชิกครอบครัวเรา ชาวเกาหลีหัวใจไทย แต่ว่าเขาก็รู้สึกกดดัน ในหลายๆ ทางสื่อที่เกาหลีก็เอาสื่อไทยไปแปล ชาติอื่นก็มาจีบบ้างอะไรบ้าง เขาก็มึนงง เขาก็ต้องขอตั้งสติสักพักหนึ่ง เพราะเวลาเขาทำอะไรเขาก็ทุ่มเท กรณีนี้เขาก็ทั้งท้อแท้และผิดหวัง ก็คงต้องให้เวลาสักนิดหนึ่ง ถ้ามันยังไม่คลี่คลายผมก็คงต้องบินไปคุยกับเขา”
นอกจากนี้ นายพิมล ยังกล่าวถึง “น้องก้อย” รุ่งระวี ด้วยว่าตนอยากให้น้องรุ่งระวีไตร่ตรองดูว่าเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ในฐานะเป็นนักกีฬาทีมชาติ ซึ่งตนเคยย้ำหลายครั้งว่าเวลานักกีฬาไปแข่งนั้นเป็นการเสียสละเพื่อประเทศชาติ เหมือนทหารเวลาไปรบก็ต้องพลีชีพเพื่อชาติ แต่สิ่งที่รุ่งระวีทำนั้นเป็นการ “พลีชีพเพื่อชาติ” หรือเปล่า
“คุณทำไปอย่างนี้ประเทศชาติเสียหาย จะให้สะใจ จะต้องให้ขอโทษในที่สาธารณะผ่านสื่อให้ทุกคนรู้ โค้ชเชต้องมาขอโทษเนี่ย โดยที่เขาทำไปทั้งหมดด้วยความรักและหวังดี มันสมควรหรือ เพราะว่าถ้าโค้ชเชไม่กลับมา เรามีเหรียญยูธโอลิมปิก เหรียญเอเชียนเกมส์ ที่เราเคยได้ทอง มันก็ริบหรี่ๆ แล้วคุยก็อาจเป็นนักกีฬาทีมชาติคนแรกที่คนไทยไม่เชียร์ เพื่อความสะใจของตัวเอง ก็อยากให้นักกีฬาไปไตร่ตรองดูว่าอะไรผิดอะไรถูก” นายพิมลระบุ