เอเยนซี - เจมส์ โรดริเกวซ เพลย์เมกเกอร์จาก โมนาโก ถือเป็นนักเตะโดดเด่นที่สุดเวลานี้ของศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล ก็ว่าได้ เนื่องจากซัดไปแล้ว 5 ลูกพาทีมชาติโคลอมเบีย ทะลุเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งด้วยสไตล์การเล่นทั้งปั้นเกมและยิงประตูการันตีด้วยหมายเลข 10 สกรีนอยู่เบื้องหลัง ทำให้ถูกมองว่าจะขึ้นมาเทียบตำนานลูกหนังโลกที่ล้วนต้องเจ๋งจริงถึงจะคู่ควรกับเบอร์นี้ ซึ่งระยะหลังถูกลดความสำคัญลงไปพอสมควร
หลายยุคหลายสมัยของการฟาดแข้งทัวร์นาเมนต์อันยิ่งใหญ่อย่าง “เวิลด์ คัพ” มักจะมีผู้เล่นดีกรี “ฮอลล์ ออฟ เฟม” มากมายที่สวมเสื้อบ่งบอกความสำคัญต่อทีมและนำความสำเร็จมาสู่บ้านเกิด ไล่เรียงตั้งแต่ “ไข่มุกดำ” เปเล ตำนานหัวหอก บราซิล, ดีเอโก มาราโดนา เทพบุตรคราบซาตานของ อาร์เจนตินา จนกระทั่งคนสุดท้าย ซีเนอดีน ซีดาน นโปเลียนลูกหนังชาวฝรั่งเศส
หากพิจารณาโลกลูกหนังปัจจุบันให้ความสำคัญกับนักเตะเบอร์ 10 น้อยลง ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ถือเป็นหมายเลขสุดขลังต้องเจ๋งจริงถึงจะคู่ควร โดย เวิลด์ คัพ เมื่อ 4 ปีก่อนแชมป์โลกอย่าง สเปน ก็หาได้มีผู้เล่นตามที่กล่าวมานี้เป็นแกนหลัก อย่างไรก็ตาม ณ แดนละติน หนนี้ โรดริเกวซ มิดฟิลด์วัย 22 ปี กลายเป็นกำลังสำคัญของ โคลอมเบีย และเริ่มถูกจับตามองขึ้นเรื่อยๆ จากลูกวอลเลย์ด้วยซ้ายใบไม้ร่วงเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายดับ อุรุกวัย 2-0
ก่อนหน้านี้ โฮเซ เปเกอร์มัน เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ ปรามาสว่าอาจต้องแพ็กกระเป๋ากลับบ้านอย่างรวดเร็ว หลังหั่นชื่อ ราดาเมล ฟัลเกา ศูนย์หน้าตัวความหวังที่บาดเจ็บเข่า ออกจาก 23 ขุนพล ทว่าด้วยความโดดเด่นของ โรดริเกวซ ทำเอาแฟนๆ ชาวโคลอมเบีย ลืมเลือนจุดด้อยเสียสนิท พร้อมไปนึกถึง คาร์ลอส วัลเดอร์รามา อดีตมิดฟิลด์ทรงผมแอโฟร ซึ่งเป็นเสาหลักของทีมตั้งแต่ปี 1985 - 1998 ลงเล่น 111 นัด ยิง 11 ประตู และนับตั้งแต่ปิดฉาก “ฟรองซ์ 98” ยังไม่มีนักเตะท้องถิ่นคนใด ขึ้นมาทาบรัศมีได้เลย ก่อนหายหน้าหายตาจาก สังเวียนฟาดแข้งระดับโลก นานถึง 16 ปี
ส่วนของเกร็ดน่ารู้ โรดริเกวซ มีชื่อเต็มว่า “เจมส์ ดาบิด โรดริเกวซ รูบิโอ” เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 1992 ที่เมืองกูคูตา ประเทศโคลอมเบีย โดยคุณแม่ตั้งชื่อตามตัวเอกจากภาพยนตร์อมตะแนวแอ็คชัน “เจมส์ บอนด์” สายลับเจ้าของรหัส 007 ถูกจัดว่าเป็นตัวสารพัดประโยชน์ในแนวรุก ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลาง หรือกระชากลากเลื้อยริมเส้น ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่หวงบอล ทำให้เพื่อนร่วมสังกัด ได้ประโยชน์ในจังหวะเข้าทำ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายทะลุช่อง หรือการโยนจากด้านข้าง
ตั้งแต่วัยเยาว์ โรดริเกวซ ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สู้ดี เมื่ออายุ 16 ปี ก็ถูก กุสตาโว โลเปซ อดีตผู้สมรู้ร่วมคิดกับ ปาโบล เอสโคบาร์ เจ้าพ่อค้ายาเสพติดระดับประเทศ ชักชวนมาเล่นให้ เอ็นวิกาโด สโมสรซึ่ง โลเปซ เป็นหุ้นส่วน ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งกับ แบนฟิลด์ ของ อาร์เจนตินา สร้างสถิติเป็นนักเตะต่างชาติคนแรกอายุน้อยสุด ที่สามารถยิงประตูในลีกสูงสุดแดนฟ้าขาว พร้อมได้รับฉายาจากแฟนๆ ว่า “เจมส์ บอนด์ แห่งแบนฟิลด์”
เข้าสู่ปี 2010 เด็กหนุ่มจากเมืองกูคูตา เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาค้าแข้งกับ ปอร์โต ทีมดังจากโปรตุเกส ทะลวงตาข่าย 32 ประตู ใส่พานให้เพื่อน 21 ครั้ง จากการลงสนาม 105 นัด คว้าแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัยรวด ก่อนถูก โมนาโก สโมสรเงินถุงเงินถังแห่ง ลีก เอิง ทุ่มทุนดึงมาร่วมทีม 45 ล้านยูโร (ประมาณ 1.7 พันล้านบาท) หลังเลื่อนชั้นสู่ดิวิชัน 1 เมื่อซัมเมอร์ปี 2013 ซึ่งเป็นค่าตัวสูงสุด รองจาก ฮัล์ค กองหน้าจอมพลังชาวบราซิเลียน
จากผลงานตลอด ฟุตบอลโลก 2014 โรดริเกวซ ย่อมถูกสโมสรชั้นนำของยุโรป จ้องตาเป็นมัน แม้ โมนาโก จะยึดโควตา ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2014-15 ก็ตาม โดย เจ้าตัวยอมรับว่าอยากจะสำแดงฝีเท้าบนเวที ลา ลีกา สเปน กับ บาร์เซโลนา และ รีล มาดริด 2 มหาอำนาจลูกหนังเมืองกระทิงดุ ด้วยทักษะและพรสวรรค์อันเปี่ยมล้น คงไม่ใช่เรื่องยากหากจะสร้างชื่อ และน่าจะมีโอกาสไขว่คว้าแชมป์รายการใหญ่ๆ มากกว่าการปักหลักถิ่น สตาด หลุย เดอซ์ ต่อไป เรียกได้ว่า “โกลเดนบอย” คนใหม่ คงถูกนำมาโยงกับการย้ายสังกัด ช่วงเปิดตลาดนักเตะฤดูร้อนนี้แน่นอน เพราะผู้เล่นสไตล์แบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ โดยอาจจะต้องเตรียมเสื้อหมายเลข 10 เอาไว้ให้ด้วย
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *