เอเยนซี - “กระทิงดุ” สเปน กลายเป็นชาติที่ 5 ซึ่งกลับมาป้องกันแชมป์ แต่มีอันต้องตกรอบแรกต่อจาก อิตาลี (1950 กับ 2010), บราซิล (1966) และ ฝรั่งเศส (2002) หลังเกมฟุตบอลโลก 2014 นัดสอง กลุ่ม บี เมื่อวันพุธที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมาพ่าย ชิลี 0-2 แพ้รวดรั้งบ๊วย เหมือนเป็นการปิดฉากยุคทองของขุนพล “ลา โรฆา” ที่ก่อนหน้านี้สร้างสถิติคว้าแชมป์ 3 ทัวร์นาเมนต์ติดต่อกัน ทำให้ “เอเอฟพี สปอร์ตส” ต้องขุดคุ้ยหาสาเหตุมาชำแหละกัน
แข้งอาวุโสหมดสภาพ
หลังแพ้ เนเธอร์แลนด์ส แบบย่อยยับ 1-5 บิเซนเด เดล บอสเก กุนซือสเปน เหมือนดูบีบให้เปลี่ยนแปลงด้วยการเลือกดร็อป ชาบี เอร์นานเดซ ห้องเครื่องวัย 34 ปีและ เคราร์ด ปิเก กองหลัง บาร์เซโลนา แทนที่โดย เปโดร โรดริเกวซ ตัวรุก บาร์ซา กับ ฆาบี มาร์ติเนซ ของ บาเยิร์น มิวนิค ตามลำดับ สุดท้ายไม่เวิร์ค ต้องส่ง โกเก กองกลางวัยหนุ่มที่มีพลังขับเคลื่อนมากกว่าลงมาแทน ชาบี อลอนโซ นาที 46 แต่เหมือนจะสายเกินไป ส่วนการให้โอกาส อิเคร์ คาซิยาส มือกาวกัปตันทีม เพื่อปลุกความเชื่อมั่นจากนัดแรกเหมือนจะคิดผิด เพราะมีส่วนที่ทำให้เสียประตูที่ 2 ทุบบอลมาเข้าทาง ชาร์ลส อารันกีซ ส่วนหนึ่งเพราะปีที่ผ่านมาไม่ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอให้กับ รีล มาดริด
ถือเป็นการปิดฉากยุคทองของ สเปน อย่างน่าอับอาย เพราะนักเตะแต่ละคนอายุ 30 ปีขึ้นไป ไล่ตั้งแต่ คาซิยาส 33 ปี, เปเป เรนา 31 ปี, อันเดรส อิเนียสตา 30 ปี, ชาบี 34 ปี, ชาบี อลอนโซ 32 ปี, ดาบิด บีญา 32 ปี และ เฟร์นานโด ตอร์เรส 30 ปี โดยเฉพาะมือกาว รีล มาดริด ที่ติดธงมาแล้วถึง 156 นัดต้องลุ้นว่าจะได้รับชาติอีกหรือไม่
แนวรับผิดพลาด
2 นัดเสีย 7 ประตูรั้งบ๊วยของกลุ่ม ทั้งที่ 4 ปีก่อนที่เป็นแชมป์ ณ แอฟริกาใต้ เสีย 2 ประตู ตามด้วยแชมป์ ยูโร 2012 เสียลูกเดียว คาซิยาส ในฐานะด่านสุดท้ายต้องถูกวิจารณ์ตามระเบียบ ต่อด้วย ปิเก กับ เซร์คิโอ รามอส คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ โดยขาดนักเตะผู้นำอย่าง การ์เลส ปูโยล ด้าน มาร์ติเนซ กองกลางตัวรับที่ถูกส่งมายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ เดล บอสเก ทั้งที่มี ฆวนฟราน กับ ราอูล อัลบิโอล กองกลางยังไม่มีตัวตัดเกมอาชีพไร้ลูกหนัก ก่อนถูกเจาะริมเส้นจนขาดเป็นริ้วๆ
เลือก ดิเอโก กอสตา
เดล บอสเก เลือกใช้บริการของ ดิเอโก กอสตา เป็นหน้าเป้าจากผลงานยิงให้ แอตเลติโก มาดริด 27 ประตูคว้าแชมป์ ลา ลีกา เมื่อปีที่แล้ว แต่ร่างกายกรอบ เพราะลงรวมทุกรายการไปถึง 52 นัด ขณะที่ตัวสำรองอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็หมดสภาพ ดูแล้ว สเปน ยังไม่มีกองหน้าที่เข้ากับสไตล์การเล่น ไม่สามารถเจาะเซนเตอร์ฮาล์ฟ 3 คนของ ชิลี เข้าไปยิงได้ รวมถึงนัดแรกเจอแผงรับ 5 คนของ เนเธอร์แลนด์ส ก็ยิงได้แค่ลูกเดียวจากจุดโทษ
ไร้การปรับตัว
สเปน ไม่มีการยืดหยุ่น ดูเหมือนเชื่อมั่นในสไตล์ “ตีกี้ ตาก้า” มากเกินไป ซึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา บาร์เซโลนา ก็ไม่ประสบความสำเร็จไร้แชมป์ติดมือ ต่างกับสโมสรอย่าง แอตเลติโก มาดริด และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เล่นเกมรุกเต็มสูบ ซึ่งการที่ รีล มาดริด ถล่ม บาเยิร์น มิวนิค ที่ยึดรูปแบบนี้ภายใต้การคุมทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา รอบรองชนะเลิศ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รวม 2 นัดสกอร์ 5-0 เมื่อปีที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ลูกทีม เดล บอสเก น่าเบื่อเน้นครองบอลต่อเกมมากเกินไป โดยเมื่อ 4 ปีก่อนยิงได้ 8 ประตูจาก 7 นัดถือว่าน้อยที่สุดในบรรดาชาติที่เคยก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์โลก ซึ่ง ชิลี ก็ใช้กลยุทธ์ความเร็ว บีบพื้นที่ และลูกหนัก สุดท้ายก็เป็นการกดดันให้ “กระทิงดุ” ผิดพลาดเอง
แดนละตินทำพิษ
ถือเป็นความท้าทายของชาติยุโรปที่ต้องมาเล่นบนทวีป อเมริกาใต้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เคยมีใครหน้าไหนมาหยามปักธงชัยได้สำเร็จ ศึก ฟีฟา คอนเฟเดอเรชันส์ คัพ นัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2013 สเปน ก็แพ้ บราซิล ยับเยิน 0-3 ที่นี่จึงเหมือนเป็นนรกของผู้มาเยือนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพอากาศร้อนชื้นที่สนาม มาราคานา แห่งเดียวกับที่ “กระทิงดุ” พังพาบให้ ชิลี 0-2
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *