xs
xsm
sm
md
lg

วันตัดสิน ฟุตบอลไทย / กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

คงยังจำกันได้นะครับว่า การเลือกตั้ง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย หนล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ปีที่แล้ว แม้ว่าทางฝ่าย วรวีร์ มะกูดี จะได้รับชัยชนะด้วยผลการนับคะแนน แต่ บิ๊กกร๊อง วิรัช ชาญพานิชย์ เชื่อว่ามีความไม่ชอบมาพากล มีความไม่ถูกต้อง จึงนำความไปฟ้องร้องต่อ ศาลอนุญาโตตุลาการทางด้านกีฬา (Court of Arbitration for Sport - CAS) หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า ศาลกีฬาโลก เดิมทีจะตัดสินวันที่ 18 มิถุนายนนี้ แต่ล่าสุดได้มีการเลื่อนไปเป็นวันที่ 1 กรกฎาคมแทน

ในอดีตหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่เคยเกิดปัญหาอย่างนี้ขึ้น เนื่องจากผลงานของทีมชาติไทยอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ คือเป็นไปตามศักยภาพหรือดีขนาดผูกปีคว้าแช้มพ์แถบอนุภูมิภาคมาได้เป็นประจำเสียด้วยซ้ำ หากเปรียบเทียบกันในระดับโลกนั้น เราเคยอยู่อันดับดีที่สุดคือ 43 เมื่อเดือนกันยายน 1998

ในยุคนั้นการแข่งขันลีกในประเทศก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจ ทำให้การเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ก็ไม่มีใครแยแสมากนัก แม้ว่าจะมีเสียงขับไล่ผู้นำองค์กรอยู่บ้าง ซึ่งความจริงก็มีการสร้างเครือข่ายผูกล็อคเอาไว้อยู่ด้วย ใครที่อาจหาญเข้ามาชิงตำแหน่งก็ต้องลองขยับเพื่อสัมผัสกำลังให้รู้ก่อนว่าไหวหรือไม่ แล้วบ่อยครั้งที่ต้องสลายตัวไปอย่างเงียบๆ ดังนั้นการเลือกตั้งหลายครั้งจึงเป็นไปแบบยอมสยบ ไร้คู่แข่ง

แต่ 7-8 ปีที่ผ่านมานี้ ผลงานทีมชาติกลับตกต่ำลงเรื่อยๆ หลายทอร์นาเม้นท์ทำเอาแฟนบอลต้องช็อค ไม่เชื่อสายตาตนเองว่า ไทยตกรอบแรกซ้ำแล้วซ้ำเล่า อันดับโลกดิ่งลงต่ำ เลวที่สุดก็เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2012 รูดลงไปถึงอันดับที่ 152

แม้จะมีการรวมลีกในประเทศเป็นการเริ่มศักราชใหม่ของวงการฟุตบอลไทย หลายทีมถูกสร้างขึ้นด้วยเงินก้อนโตยิ่งๆ ขึ้นอย่างรวดเร็ว ฟุตบอลไทยคึกคักมาก เม็ดเงินหันมาเทใส่วงการเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ผลประโยชน์ก็ยิ่งมากขึ้น ดูเผินๆเสมือนว่าดี ขาดก็แต่ทีมชาติที่ยังทำผลงานสวนทางกับพัฒนาการระดับสโมสร ยิ่งไปกว่านั้น การบริหารองค์กรก็มีหลายคนตั้งคำถามถึงความโปร่งใส จนนำไปสู่เสียงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนผู้นำ

แล้วในที่สุดก็มีผู้ขอท้าชิงอย่างเอาจริงเอาจัง ทั้งนี้ก็หวังที่จะเข้ามาทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อนำฟุตบอลไทยก้าวไปข้างหน้าด้วยวิธีการที่มีอนาคตและโปร่งใสด้วย แต่ก็ต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ ที่ไม่อาจยอมรับได้ ครั้งต่อมาดูเสมือนว่าการบริหารจัดการเลือกตั้งจะถูกทำให้รัดกุมขึ้นอีกด้วยการมี คณะกรรมการการเลือกตั้ง และ คณะคณะกรรมการอุทธรณ์การเลือกตั้ง แต่แฟนบอลชาวไทยก็ต้องเผชิญกับการดำเนินการที่ไม่ปกติอยู่ดี

ในการเลือกตั้งนั้น คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ต้องไม่สวมบทบาทเป็นตัวแทนสโมสรสมาชิกมาลงคะแนน แต่ก็มีการอ้างกันว่าได้มีการเซ็นหนังสือลาออกกันหมดแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่มีการประกาศลาออกต่อสาธารณะ ต่อสื่อมวลชน หรือใครก็ตามให้ได้ทราบทั้งสิ้น มันเป็นการลาออกในใจหรืออย่างไร อันนี้เป็นหนึ่งเรื่องสำคัญในสองเรื่องที่ฝ่ายโจทก์นำไปฟ้องต่อ ศาลกีฬาโลก

สำหรับความคืบหน้าทางศาลนั้น ผมได้ยินว่า คนที่ลงทุนเดินทางไป สวิส แล้วให้การกลับไปกลับมาคนนั้นเสมือนเป็นตัวหลอกล่อทำฝ่ายโจทก์เสียกระบวนในฐานะนำหลักฐานเท็จมาแจงต่อศาล กลับโดนศาลตักเตือนว่าให้ระวังในเรื่องการให้การเท็จ งานนี้ฝ่ายโจทก์มีหลักฐานว่าหมอนี่ให้ความร่วมมือจริงในตอนแรก

ส่วนเงินจำนวน 41,000 สวิสฟร็องก์ หรือประมาณ 1.4 ล้านบาท ที่ต้องแบ่งกันชำระศาลฝ่ายละครึ่งนั้น ก็คงไม่ต้องห่วงอะไร ฝ่ายโจทก์จ่ายไปทั้งหมดนานแล้ว และถ้าโจทก์เป็นฝ่ายชนะก็จะได้รับคืนในส่วนครึ่งของตน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่ถือว่าจ่ายแทนอีกฝ่ายนั้น อันนี้ต้องไปฟ้องเรียกคืนจากเขาเอง แต่หากฝ่ายโจทก์แพ้คดี ทางศาลจะคืนส่วนที่โจทก์จ่ายแทนฝ่ายที่ถูกฟ้องมาให้

การตัดสินคดีนั้น ทางศาลกีฬาโลกจะส่งคำตัดสินให้ 3 ฝ่ายคือ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย บิ๊กกร๊อง และฟีฟ่า นอกจากนั้นก็จะตีพิมพ์ในเว็บไซ้ท์ของ ศาลกีฬาโลก ซึ่งการส่งคำตัดสินให้ ฟีฟ่า นั่นก็หมายถึงอำนาจการพิจารณาคดีของ ศาลกีฬาโลก เป็นที่ยอมรับ เพราะมีปรากฏอยู่ในข้อบังคับของ ฟีฟ่า ด้วย ดังนั้น ใครจะบอกว่า ไม่สนใจหาก ศาลกีฬาโลก ตัดสินให้แพ้คดี ไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยว ฟีฟ่า ก็บังคับให้ปฏิบัติตามเองครับ

* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *


กำลังโหลดความคิดเห็น