วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าสัวคิง เพาเวอร์ ในฐานะประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี มั่นใจขอเวลาตั้งหลัก 3 ปี ก่อนพา “จิ้งจอกสยาม” ติดท็อป 5 ศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ หรือได้ลุ้นแชมป์ฟุตบอลถ้วยแน่นอน ด้านลูกชาย “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ยืนยันยังไม่มีความคิดขายทีมแม้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 30 เท่า
หลังจากที่ทัพนักเตะและสตาฟฟ์โค้ชชุดใหญ่ของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี เจ้าของแชมป์ ศึกแชมเปียนชิป อังกฤษ และว่าที่น้องใหม่ พรีเมียร์ ลีก ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีฤดูกาล 2014/2015 เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อเช้าตรู่วันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และได้เยี่ยมชมวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ก่อนลัดฟ้าไปพักผ่อนที่จังหวัดภูเก็ตอย่างเต็มอิ่มเป็นเวลา 3 วัน เพื่อฉลองความสำเร็จ
ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 ทัพ “สุนัขจิ้งจอก” นำโดย ไนเจล เพียร์สัน ผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ และ เวส มอร์แกน กัปตันทีม พร้อมด้วย วิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในฐานะประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี และลูกชาย “ต๊อบ” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา รองประธาน จัดงานแถลงข่าว “เลสเตอร์ ซิตี ทีมของคนไทย ความภูมิใจของไทย” พร้อมเปิดตัวถ้วยแชมป์ แชมป์เปียนชิป อังกฤษ ณ ห้องอินฟินิตี โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ (ซอยรางน้ำ)
โดย วิชัย ที่ทุ่มทุนเข้าเทกโอเวอร์เลสเตอร์ และใช้เวลาเพียง 4 ปี พา “เดอะ ฟ็อกซ์” คัมแบ็กสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งหลังจากต้องตกชั้นลงมาอยู่ลีกรองเมื่อซีซัน 2003/2004 หรือกว่า 10 ปีเต็ม กล่าวถึงเป้าหมายในฤดูกาลแรกบนเวทีพรีเมียร์ ลีก ว่า ต้องการให้สโมสรยืนระยะให้ได้ในช่วงต้น “ต้องยอมรับว่าศึกพรีเมียร์ ลีก เป็นงานที่หนักสำหรับเรา แต่ละทีมมีการสนับสนุนจากภาครัฐและแฟนบอลต่างกับเราที่ตอนนี้มีสปอนเซอร์หลักอยู่ 3 ราย คือ เบียร์สิงห์ แอร์เอเชีย และการท่องเที่ยว ดังนั้น ทางสโมสรจะต้องไม่ประมาทเด็ดขาด ซึ่งฤดูกาลแรกผมคงไม่มองที่อันดับ 1 ถึง 5 ถ้าเป็นไปได้อยากอยู่กลางตารางราวที่ 10 กว่าๆ และยืนระยะตรงนี้ให้ได้อีกสัก 2-3 ปี เพื่อให้ทีมมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น จากนั้นค่อยก้าวสู่การเป็นท็อป 10 หรือท็อป 5 รวมถึงลุ้นฟุตบอลถ้วยลีก คัพ”
ขณะที่เรื่องงบประมาณการทำทีมนั้น “เจ้าสัวคิง เพาเวอร์” กล่าวว่าตนไม่สามารถประเมินออกมาได้ในตอนนี้ เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงเวลาหรือทุกครั้งที่ตลาดซื้อ-ขายนักเตะเปิดแล้วจึงดูว่าทีมต้องการผู้เล่นเข้ามาเพิ่มขนาดไหน ซึ่งขณะนี้ทีมกำลังอยู่ระหว่างการหาซื้อตัวผู้เล่นเก่งๆเข้าร่วมทีม แต่อย่างไรก็ตาม ทางสโมสรยังเน้นการพัฒนานักเตะให้มีคุณภาพสูงสุดด้วยการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและสนามฝึกซ้อมให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ วิชัย ยังเผยต่อว่าเป็นไปได้สูงที่จะดึงแข้งไทยไปโลดแล่นในลีกเมืองผู้ดี “ปีที่ผ่านมาอะคาเดมีของเราก้าวขึ้นสู่ระดับพรีเมียร์ ลีก ไปแล้ว ตอนนี้ผมต้องการหาพันธมิตรเพื่อที่จะรวบรวมและคัดหาเยาวชนไทย 11 คนไปร่วมฝึกซ้อมกับอะคาเดมีของเลสเตอร์ ซึ่งหากใครมีความพร้อมก็จะมีสิทธิ์ลงเล่นได้แน่นอน ส่วนเรื่องเวิร์คเพอร์มิตนั้นเรามีวิธีที่จะขอให้ได้หากอยู่ฝึกซ้อมกับทีมราว 1 ปี”
“ผมอยากให้มองว่าสโมสรเลสเตอร์ไม่ใช่แค่ของผมเพียงคนเดียวแต่เป็นของคนไทยทุกคน และนี่คือความภาคภูมิใจของคนไทยที่มีส่วนร่วมในเวทีพรีเมียร์ ลีก ซึ่งแม้หลายคนอาจจะมีทีมในดวงใจอยู่แล้ว แต่ผมขอฝากเลสเตอร์เป็นสโมสรที่สองของทุกคนด้วยครับ” นายใหญ่จิ้งจอกพันธุ์ไทยทิ้งท้าย
ด้าน อัยยวัฒน์ เผยว่าการขึ้นสู่พรีเมียร์ ลีก ครั้งนี้ทำให้มูลค่าการตลาดของทีมเพิ่มขึ้น 20-30 เท่าเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ฉวยโอกาสจากแฟนบอลเด็ดขาด เห็นได้จากราคาตั๋วปีที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ตกอยู่ที่ราว 370 ปอนด์ (ประมาณ 20,400 บาท) “วันนี้คนอังกฤษได้รู้จักคนไทย และเลสเตอร์ก็รักคนไทยแล้วเช่นกัน ดังนั้น เราจะไม่คิดถึงเรื่องธุรกิจเป็นหลัก แม้การทำธุรกิจฟุตบอลจะต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะมีกำไร แต่ผมยืนยันเลยว่าจะแม้เราจะได้กำไร แต่เราก็ยังไม่คิดเรื่องการขายทีมแน่นอน ตอนนี้เลสเตอร์กับคิง เพาเวอร์ เป็นเสมือนหนึ่งเดียวกันแล้ว มันเป็นมากกว่าความผูกพัน”
นอกจากนี้ “ต๊อบ” ยังเผยต่อว่าในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ตนจะนำสโมสรเลสเตอร์มาอุ่นเครื่องที่ประเทศไทย โดยคู่แข่งจะเป็นทีมในพรีเมียร์ ลีก หรือทีมจากลีกสูงสุดประเทศอื่นทีมใดทีมหนึ่ง
ทางฝั่ง เพียร์สัน กุนซือใหญ่ กล่าวว่าถึงความพร้อมของทีมว่า ตนจะไม่พูดถึงผู้เล่นใหม่ต่อหน้าลูกทีม ซึ่งตอนนี้เรามีทีมที่มหัศจรรย์อยู่แล้ว ทุกคนทำงานหนักและสมควรได้รับโอกาสบนเวทีสูงสุด “ผมบอกไม่ได้ว่าเราจะรับหรือรุกมากขึ้น และด้วยสไตล์ของผมแล้วผมไม่สามารถสัญญาได้ว่าทีมจะก้าวสู่ 1 ใน 10 หรือไม่ แต่เราจะทำให้ดีที่สุด และตอนนี้นักเตะทุกคนก็ฟิตซ้อมอย่างดีและพร้อมแล้วที่จะสู้กับทีมใหญ่ทุกทีม อย่างไรก็ตาม ผมต้องขอขอบคุณผู้บริหารทั้ง 2 ท่านที่ให้เกียรติกับเราและมีความเป็มมืออาชีพ รวมถึงให้ความเชื่อใจและไม่เคยแทรกแทรงตลอดเวลาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกันมากว่า 4 ปี จนประสบคามสำเร็จ”
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *