คอลัมน์ “BUZZER BEAT” โดย “MVP”
ถือว่าเป็นกระแสฮือฮาไม่น้อยกับกรณี โดนัลด์ สเตอร์ลิง เจ้าของทีม แอลเอ คลิปเปอร์ส ที่อยู่ดีๆ ก็ถูกเปิดโปงเรื่องการพูดจาทำนองเหยียดผิว จะว่าไปมันก็ดูแปลกๆ เพราะกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของซูเปอร์สตาร์ก็เป็นคนผิวสีเสียส่วนใหญ่ ซึ่งผลการตัดสินก็เพิ่งออกมาว่า เจ้าตัว จะถูกแบนตลอดชีวิต ด้วยปัญหาเช่นนี้ เหล่าพลพรรค “คลิปส์” จะกลับมาคึกคัก ในการตะลุยเพลย์ออฟต่อก็เป็นได้
สเตอร์ลิง เข้ามาเทกโอเวอร์ “คลิปส์” ตั้งแต่ปี 1981 ถือเป็นเจ้าของที่อยู่กับทีมมานานสุดในลีก นับตั้งแต่ ดร. เจอร์รี บัสส์ ของ เลเกอร์ส เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ตกต่ำมานานร่วม 20 ปี ก่อนจะกลายเป็นทีมระดับหัวแถวของสาย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก เดวิด สเติร์น ประธานคนเก่าควบเจ้าของทีม นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์ (เพลิแกนส์ ปัจจุบัน) คัดค้านการเทรดมา เลเกอร์ส เนื่องจากผู้จัดการทั่วไปบางทีม ไม่ต้องการเห็นความแตกต่างระหว่างทีมเล็กกับทีมใหญ๋ ก่อนจะลงเอยกับ คลิปเปอร์ส เมื่อปี 2011 ผนึกกำลังกับ เบลค กริฟฟิน ฟอร์เวิร์ดจอมห้าว พาทีมเข้าเพลย์ออฟมา 3 ปีติด แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร
ล่าสุด มหาเศรษฐีวัย 80 ปี กลายเป็นเป้าโจมตีจากทั่วทุกสารทิศ ไล่เรียงตั้งแต่ซูเปอร์สตาร์อย่าง เลอบรอน เจมส์ หรือ โคบี ไบรอันท์ ไม่เว้นกระทั่งแฟรนไชส์ของตัวเอง ที่รวมตัวกันสวมชุดวอร์มสีแดง พร้อมกับ เฮดแบนด์ (ผ้าคาดศีรษะ), ปลอกแขน, ผ้ารัดข้อมือ และถุงเท้าสีดำ ในพลย์ออฟ เกม 4 กับ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส หลังจากมีสื่อจอมขุดคุ้ย เอาคลิปเสียงขณะโต้เถียงกับเพื่อนสาวคนหนึ่ง ซึ่งไปแชะภาพกับ แมจิก จอห์นสัน การ์ดตำนาน แอลเอ เลเกอร์ส โพสต์ลงบน “อินตาแกรม” เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นเหตุให้ฝ่ายชายไม่พอใจถึงขั้นจะไม่ให้คนผิวดำ ตีตั๋วชมเกมของตน ณ สนาม สเตเปิล เซ็นเตอร์ เลยทีเดียว
ผลพวงข่าวฉาว ดูเหมือนภาพลักษณ์ ลูกทีมของ ด็อค ริเวอร์ส ยังดูกลมเกลียวกันดี หากพิจารณาจากการประท้วง ที่สนามโอราเคิลส์ อารีนา แต่การถูกสังคมรุมประณามจะไม่กระเทือนต่อจิตใจอันเปราะบางของผู้เล่น ค่อนข้างชัดเจน เมื่อ สตีเฟน เคอร์รี และผองเพื่อน โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส กระซวกใส่ตั้งแต่ควอเตอร์แรกจนนำห่างถึง 20 แต้ม ด้วยกลยุทธ์ “สมอลล์ บอล (ไม่มีเซ็นเตอร์)” ซึ่งอาศัยความคล่องตัวของผู้เล่นเป็นหลัก ท่ามกลางการขับเคี่ยวที่ดูเบียดกันสูสี ถ้าต้องเจอปัญหาภายในเช่นนี้ คงยากจะต้านทานการ์ดแม่ทัพอย่าง เคอร์รี
บทสรุปของปัญหาลงเอยที่ อดัม ซิลเวอร์ ประธานคนใหม่ สั่งแบน สเตอร์ลิง ห้ามข้องแวะกับ คลิปเปอร์ส ตลอดชีวิต และปรับเงิน หากแฟรนไชส์จะมีการเปลี่ยนตัวนายใหญ่ ก็ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด เนื่องจาก แมจิก จอห์นสัน กับกลุ่มทุน “กุกเกนไฮม์ (Guggenheim)” ซึ่งก่อนหน้าก็ร่วมกันบริหาร 2 แฟรนไชส์ของเมืองแอลเอ อย่าง ด็อดเจอร์ส (เบสบอล) และ สปาร์กส (บาสเกตบอลหญิง) รอเสียบอยู่ ด้วยความทรงอิทธิพลภายในท้องถิ่น การกู้วิกฤติจากการถอนตัวของ สปอนเซอร์รายใหญ่ของทีม อาทิ เกีย, เมอร์เซเดส, โคโรนา, เรดบูลล์ ฯลฯ คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ติดตรงที่ ตำนานวัย 54 ปี เคยเป็นอดีตผู้เล่น เลเกอร์ส แฟนๆ จะรับกันได้หรือเปล่าเท่านั้น หรือจะเป็น “เดอะ พริตตี บอย” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นักชกไร้พ่าย ก็ไม่เลว
อย่างไรก็ตาม นับจากผ่านพ้นปัญหา คลิปเปอร์ส ทำท่าจะกลับมามุ่งมั่นกับเกมอย่างเต็มที่ โดยล่าสุดเพิ่งคัมแบ็กเอาชนะ วอร์ริเออร์ส 113-103 แสดงให้เห็นว่า หาก ซิลเวอร์ ขยับตัวช้ากว่านี้อีกสักก้าว ทีมของ ด็อค ริเวอร์ส อาจกระเด็นตกรอบไปเสียก่อน และข่าวลือที่ว่า ริเวอร์ส ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญา 3 ปี 21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 420 ล้านบาท) ยังไม่แน่ใจอนาคตตัวเอง สาเหตุจากมองหน้า สเตอร์ลิง ไม่ติด ก็อาจถึงคราวยุติลงเสียที
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ถือว่าเป็นกระแสฮือฮาไม่น้อยกับกรณี โดนัลด์ สเตอร์ลิง เจ้าของทีม แอลเอ คลิปเปอร์ส ที่อยู่ดีๆ ก็ถูกเปิดโปงเรื่องการพูดจาทำนองเหยียดผิว จะว่าไปมันก็ดูแปลกๆ เพราะกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของซูเปอร์สตาร์ก็เป็นคนผิวสีเสียส่วนใหญ่ ซึ่งผลการตัดสินก็เพิ่งออกมาว่า เจ้าตัว จะถูกแบนตลอดชีวิต ด้วยปัญหาเช่นนี้ เหล่าพลพรรค “คลิปส์” จะกลับมาคึกคัก ในการตะลุยเพลย์ออฟต่อก็เป็นได้
สเตอร์ลิง เข้ามาเทกโอเวอร์ “คลิปส์” ตั้งแต่ปี 1981 ถือเป็นเจ้าของที่อยู่กับทีมมานานสุดในลีก นับตั้งแต่ ดร. เจอร์รี บัสส์ ของ เลเกอร์ส เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ตกต่ำมานานร่วม 20 ปี ก่อนจะกลายเป็นทีมระดับหัวแถวของสาย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก เดวิด สเติร์น ประธานคนเก่าควบเจ้าของทีม นิวออร์ลีนส์ ฮอร์เน็ตส์ (เพลิแกนส์ ปัจจุบัน) คัดค้านการเทรดมา เลเกอร์ส เนื่องจากผู้จัดการทั่วไปบางทีม ไม่ต้องการเห็นความแตกต่างระหว่างทีมเล็กกับทีมใหญ๋ ก่อนจะลงเอยกับ คลิปเปอร์ส เมื่อปี 2011 ผนึกกำลังกับ เบลค กริฟฟิน ฟอร์เวิร์ดจอมห้าว พาทีมเข้าเพลย์ออฟมา 3 ปีติด แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร
ล่าสุด มหาเศรษฐีวัย 80 ปี กลายเป็นเป้าโจมตีจากทั่วทุกสารทิศ ไล่เรียงตั้งแต่ซูเปอร์สตาร์อย่าง เลอบรอน เจมส์ หรือ โคบี ไบรอันท์ ไม่เว้นกระทั่งแฟรนไชส์ของตัวเอง ที่รวมตัวกันสวมชุดวอร์มสีแดง พร้อมกับ เฮดแบนด์ (ผ้าคาดศีรษะ), ปลอกแขน, ผ้ารัดข้อมือ และถุงเท้าสีดำ ในพลย์ออฟ เกม 4 กับ โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส หลังจากมีสื่อจอมขุดคุ้ย เอาคลิปเสียงขณะโต้เถียงกับเพื่อนสาวคนหนึ่ง ซึ่งไปแชะภาพกับ แมจิก จอห์นสัน การ์ดตำนาน แอลเอ เลเกอร์ส โพสต์ลงบน “อินตาแกรม” เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นเหตุให้ฝ่ายชายไม่พอใจถึงขั้นจะไม่ให้คนผิวดำ ตีตั๋วชมเกมของตน ณ สนาม สเตเปิล เซ็นเตอร์ เลยทีเดียว
ผลพวงข่าวฉาว ดูเหมือนภาพลักษณ์ ลูกทีมของ ด็อค ริเวอร์ส ยังดูกลมเกลียวกันดี หากพิจารณาจากการประท้วง ที่สนามโอราเคิลส์ อารีนา แต่การถูกสังคมรุมประณามจะไม่กระเทือนต่อจิตใจอันเปราะบางของผู้เล่น ค่อนข้างชัดเจน เมื่อ สตีเฟน เคอร์รี และผองเพื่อน โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส กระซวกใส่ตั้งแต่ควอเตอร์แรกจนนำห่างถึง 20 แต้ม ด้วยกลยุทธ์ “สมอลล์ บอล (ไม่มีเซ็นเตอร์)” ซึ่งอาศัยความคล่องตัวของผู้เล่นเป็นหลัก ท่ามกลางการขับเคี่ยวที่ดูเบียดกันสูสี ถ้าต้องเจอปัญหาภายในเช่นนี้ คงยากจะต้านทานการ์ดแม่ทัพอย่าง เคอร์รี
บทสรุปของปัญหาลงเอยที่ อดัม ซิลเวอร์ ประธานคนใหม่ สั่งแบน สเตอร์ลิง ห้ามข้องแวะกับ คลิปเปอร์ส ตลอดชีวิต และปรับเงิน หากแฟรนไชส์จะมีการเปลี่ยนตัวนายใหญ่ ก็ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด เนื่องจาก แมจิก จอห์นสัน กับกลุ่มทุน “กุกเกนไฮม์ (Guggenheim)” ซึ่งก่อนหน้าก็ร่วมกันบริหาร 2 แฟรนไชส์ของเมืองแอลเอ อย่าง ด็อดเจอร์ส (เบสบอล) และ สปาร์กส (บาสเกตบอลหญิง) รอเสียบอยู่ ด้วยความทรงอิทธิพลภายในท้องถิ่น การกู้วิกฤติจากการถอนตัวของ สปอนเซอร์รายใหญ่ของทีม อาทิ เกีย, เมอร์เซเดส, โคโรนา, เรดบูลล์ ฯลฯ คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ติดตรงที่ ตำนานวัย 54 ปี เคยเป็นอดีตผู้เล่น เลเกอร์ส แฟนๆ จะรับกันได้หรือเปล่าเท่านั้น หรือจะเป็น “เดอะ พริตตี บอย” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นักชกไร้พ่าย ก็ไม่เลว
อย่างไรก็ตาม นับจากผ่านพ้นปัญหา คลิปเปอร์ส ทำท่าจะกลับมามุ่งมั่นกับเกมอย่างเต็มที่ โดยล่าสุดเพิ่งคัมแบ็กเอาชนะ วอร์ริเออร์ส 113-103 แสดงให้เห็นว่า หาก ซิลเวอร์ ขยับตัวช้ากว่านี้อีกสักก้าว ทีมของ ด็อค ริเวอร์ส อาจกระเด็นตกรอบไปเสียก่อน และข่าวลือที่ว่า ริเวอร์ส ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญา 3 ปี 21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 420 ล้านบาท) ยังไม่แน่ใจอนาคตตัวเอง สาเหตุจากมองหน้า สเตอร์ลิง ไม่ติด ก็อาจถึงคราวยุติลงเสียที
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *