ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกดาวรุ่งชาวอังกฤษเชื้อสายจาเมกา สวมบทฮีโร่เหมา 2 ประตู ช่วย ลิเวอร์พูล บุกมาเชือด นอริช ซิตี หวุดหวิด 3-2 เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ขึ้นนำจ่าฝูง พรีเมียร์ ลีก ทิ้งห่าง เชลซี 5 แต้ม
ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
นอริช ซิตี 2-3 ลิเวอร์พูล
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ลิเวอร์พูล เจอปัญหาแดนกลาง ขาด จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งติดโทษแบน 3 หลังโดนไล่ออกสัปดาห์ที่แล้ว แนวรุกขาด แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ไม่ผ่านความฟิต ทิ้ง หลุยส์ ซัวเรซ ประสานงาน ราฮีม สเตอร์ลิง และ ฟิลิปเป คูตินโญ ล่าตาข่าย บุกรัง คาร์โรว์ โรด รับมือ นอริช ซิตี ที่กำลังหนีตาย โดยหวังเก็บชัยชนะ ขยายช่องว่างจากอันดับ 2 เชลซี เป็น 5 แต้ม
เสียงนกหวีดดังขึ้น ลิเวอร์พูล เปิดฉากขึงเกมรุกทันที ก่อนขึ้นนำอย่างรวดเร็วเพียงโอกาสครั้งแรกนาทีที่ 4 ฟิลิปเป คูตินโญ จ่ายเรียดจากซ้ายเข้ากลางให้ ราฮีม สเตอร์ลิง เลี้ยงหนีตัวประกบ แล้วสับไกระยะประมาณ 25 หลาเสียบมุมซ้ายมือ ต่อมานาทีที่ 8 นอริช ซิตี ตอบโต้ โรเบิร์ต สนอร์ดกราสส์ เก็บตกบอลทางกราบซ้าย โยนเข้ากลางให้ แกรี ฮูเปอร์ โหม่งเสยเสาแรกข้ามคาน
ทีมเยือน บุกอย่างดุดัน และทิ้งห่างไปอีกนาที 11 ราฮีม สเตอร์ลิง ทะลุมาทางกราบซ้าย จ่ายเรียดเข้ากลางให้ หลุยส์ ซัวเรซ สอดมาแปนิ่มๆ ผ่าน จอห์น รัดดี เสียบโคนเสาไกล จากนั้น เจ้าถิ่นขยับบีบพื้นที่แดนหน้าจนคู่แข่งขึ้นบอลไม่ถนัด ทำให้เกมสูสีจนกระทั่งได้เสียวนาที 33 นาธาน เรดมอนด์ ตะบันระยะประมาณ 35 หลาหน้าเขตโทษด้านซ้าย ซิมง มิโญเลต์ ต้องทุบทิ้ง ถัดมานาที 44 “หงส์แดง” มีลุ้น ฟิลิปเป คูตินโญ ปั่นไซด์โป้งตรงเขตโทษด้านซ้ายเฉี่ยวสามเหลี่ยมเสาไกล ครบ 45 นาที ลิเวอร์พูล นำ 2-0
ครึ่งหลังเปิดฉากมา 4 นาที ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เกือบบวกเม็ด 3 หลุยส์ ซัวเรซ วางยาวจากกลางสนามฝั่งขวาเข้าเขตโทษด้านซ้าย ฟิลิปเป คูตินโญ ไหลย้อนมาตรงหัวกะโหลกให้ ราฮีม สเตอร์ลิง แปเน้นๆ ข้ามสามเหลี่ยมเสาแรกนิดเดียว จากนั้น “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” บดต่อเนื่อง ก่อนตีไข่แตกนาที 54 จังหวะโยนจากกราบขวา ซิมง มิโญเลต์ ชกมาเข้าทาง แกรี ฮูเปอร์ ยิงง่ายๆ ซุกก้นตาข่าย
อาคันตุกะจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ตั้งหน้าตั้งตาบุกกันต่อ และหวิดโขยกหนีไปอีกนาที 59 เกล็น จอห์นสัน จ่ายเรียดจากขวาเข้ากลางให้ หลุยส์ ซัวเรซ ล็อกหนีตัวประกบ แล้วซัดด้วยขวาเฉี่ยวเสาไกล ก่อนความพยายามสัมฤทธิ์ผลอีก 3 นาทีต่อมา ราฮีม สเตอร์ลิง ตัดบอลกลางสนาม โซโลเดี่ยวเข้าเขตโทษ แล้วยิงแฉลบ แบรดลีย์ จอห์นสัน ลอยข้ามมือ จอห์น รัดดี ตุงตาข่าย
“เดอะ คานาร์รีส์” โหมบุกเป็นระลอกจนตีตื้นสำเร็จนาที 77 มาร์ติน โอลส์สัน เติมมาทางกราบซ้าย แล้วโยนเข้ากลางให้ สนอร์ดกราสส์ โหม่งย้อยๆ เสียบมุมเสาไกล ต่อมานาที 83 ทีมของ นีล อดัมส์ พลาดโอกาสทอง นาธาน เรดมอนด์ โยนจากกราบซ้ายมาเสาสอง ริคกี ฟาน โวล์ฟสวิงเคล ตัวสำรอง โหม่งกดลงพื้น ซิมง มิโญเลต์ ล้มตัวรับบนเส้นประตู
ช่วงท้าย “เดอะ เรดส์” อาศัยการดึงเกมช้าเผาเวลาไปเรื่อยๆ และน่าตอกฝาโลงแบบสุดๆ ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3 (4 นาที) หลุยส์ ซัวเรซ รับบอลจาก วิคเตอร์ โมเซส ตัวสำรอง หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วผ่านเรียดมาให้ ลูคัส เลวา ยิงจ่อๆ ติดเซฟ จอห์น รัดดี ก่อนซ้ำติดบล็อก จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะไป 3-2 เก็บเพิ่มเป็น 80 แต้ม จาก 35 นัด ต้องการอีก 7 แต้ม จาก 3 นัดสุดท้าย ก็จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก หนแรกในรอบ 24 ปี
รายชื่อ 11 ตัวจริง
นอริช : จอห์น รัดดี , รัสเซลล์ มาร์ติน , สตีเวน วิตเทเกอร์ , ไมเคิล เทอร์เนอร์ , มาร์ติน โอลส์สัน , แบรดลีย์ จอห์นสัน , โรเบิร์ต สนอร์ดกราสส์ , โจนาธาน โฮว์สัน , นาธาน เรดมอนด์ , เลรอย เฟอร์ , แกรี ฮูเปอร์
ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเลต์ , เกล็น จอห์นสัน , มามาดู ซาโก , มาร์ติน สเคอร์เทล , จอห์น ฟลานาแกน , สตีเวน เจอร์ราร์ด , ลูคัส เลวา , โจ อัลเลน , หลุยส์ ซัวเรซ , ฟิลิปเป คูตินโญ , ราฮีม สเตอร์ลิง
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
นอริช ซิตี 2-3 ลิเวอร์พูล
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ลิเวอร์พูล เจอปัญหาแดนกลาง ขาด จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งติดโทษแบน 3 หลังโดนไล่ออกสัปดาห์ที่แล้ว แนวรุกขาด แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ไม่ผ่านความฟิต ทิ้ง หลุยส์ ซัวเรซ ประสานงาน ราฮีม สเตอร์ลิง และ ฟิลิปเป คูตินโญ ล่าตาข่าย บุกรัง คาร์โรว์ โรด รับมือ นอริช ซิตี ที่กำลังหนีตาย โดยหวังเก็บชัยชนะ ขยายช่องว่างจากอันดับ 2 เชลซี เป็น 5 แต้ม
เสียงนกหวีดดังขึ้น ลิเวอร์พูล เปิดฉากขึงเกมรุกทันที ก่อนขึ้นนำอย่างรวดเร็วเพียงโอกาสครั้งแรกนาทีที่ 4 ฟิลิปเป คูตินโญ จ่ายเรียดจากซ้ายเข้ากลางให้ ราฮีม สเตอร์ลิง เลี้ยงหนีตัวประกบ แล้วสับไกระยะประมาณ 25 หลาเสียบมุมซ้ายมือ ต่อมานาทีที่ 8 นอริช ซิตี ตอบโต้ โรเบิร์ต สนอร์ดกราสส์ เก็บตกบอลทางกราบซ้าย โยนเข้ากลางให้ แกรี ฮูเปอร์ โหม่งเสยเสาแรกข้ามคาน
ทีมเยือน บุกอย่างดุดัน และทิ้งห่างไปอีกนาที 11 ราฮีม สเตอร์ลิง ทะลุมาทางกราบซ้าย จ่ายเรียดเข้ากลางให้ หลุยส์ ซัวเรซ สอดมาแปนิ่มๆ ผ่าน จอห์น รัดดี เสียบโคนเสาไกล จากนั้น เจ้าถิ่นขยับบีบพื้นที่แดนหน้าจนคู่แข่งขึ้นบอลไม่ถนัด ทำให้เกมสูสีจนกระทั่งได้เสียวนาที 33 นาธาน เรดมอนด์ ตะบันระยะประมาณ 35 หลาหน้าเขตโทษด้านซ้าย ซิมง มิโญเลต์ ต้องทุบทิ้ง ถัดมานาที 44 “หงส์แดง” มีลุ้น ฟิลิปเป คูตินโญ ปั่นไซด์โป้งตรงเขตโทษด้านซ้ายเฉี่ยวสามเหลี่ยมเสาไกล ครบ 45 นาที ลิเวอร์พูล นำ 2-0
ครึ่งหลังเปิดฉากมา 4 นาที ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เกือบบวกเม็ด 3 หลุยส์ ซัวเรซ วางยาวจากกลางสนามฝั่งขวาเข้าเขตโทษด้านซ้าย ฟิลิปเป คูตินโญ ไหลย้อนมาตรงหัวกะโหลกให้ ราฮีม สเตอร์ลิง แปเน้นๆ ข้ามสามเหลี่ยมเสาแรกนิดเดียว จากนั้น “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” บดต่อเนื่อง ก่อนตีไข่แตกนาที 54 จังหวะโยนจากกราบขวา ซิมง มิโญเลต์ ชกมาเข้าทาง แกรี ฮูเปอร์ ยิงง่ายๆ ซุกก้นตาข่าย
อาคันตุกะจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ตั้งหน้าตั้งตาบุกกันต่อ และหวิดโขยกหนีไปอีกนาที 59 เกล็น จอห์นสัน จ่ายเรียดจากขวาเข้ากลางให้ หลุยส์ ซัวเรซ ล็อกหนีตัวประกบ แล้วซัดด้วยขวาเฉี่ยวเสาไกล ก่อนความพยายามสัมฤทธิ์ผลอีก 3 นาทีต่อมา ราฮีม สเตอร์ลิง ตัดบอลกลางสนาม โซโลเดี่ยวเข้าเขตโทษ แล้วยิงแฉลบ แบรดลีย์ จอห์นสัน ลอยข้ามมือ จอห์น รัดดี ตุงตาข่าย
“เดอะ คานาร์รีส์” โหมบุกเป็นระลอกจนตีตื้นสำเร็จนาที 77 มาร์ติน โอลส์สัน เติมมาทางกราบซ้าย แล้วโยนเข้ากลางให้ สนอร์ดกราสส์ โหม่งย้อยๆ เสียบมุมเสาไกล ต่อมานาที 83 ทีมของ นีล อดัมส์ พลาดโอกาสทอง นาธาน เรดมอนด์ โยนจากกราบซ้ายมาเสาสอง ริคกี ฟาน โวล์ฟสวิงเคล ตัวสำรอง โหม่งกดลงพื้น ซิมง มิโญเลต์ ล้มตัวรับบนเส้นประตู
ช่วงท้าย “เดอะ เรดส์” อาศัยการดึงเกมช้าเผาเวลาไปเรื่อยๆ และน่าตอกฝาโลงแบบสุดๆ ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 3 (4 นาที) หลุยส์ ซัวเรซ รับบอลจาก วิคเตอร์ โมเซส ตัวสำรอง หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วผ่านเรียดมาให้ ลูคัส เลวา ยิงจ่อๆ ติดเซฟ จอห์น รัดดี ก่อนซ้ำติดบล็อก จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะไป 3-2 เก็บเพิ่มเป็น 80 แต้ม จาก 35 นัด ต้องการอีก 7 แต้ม จาก 3 นัดสุดท้าย ก็จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก หนแรกในรอบ 24 ปี
รายชื่อ 11 ตัวจริง
นอริช : จอห์น รัดดี , รัสเซลล์ มาร์ติน , สตีเวน วิตเทเกอร์ , ไมเคิล เทอร์เนอร์ , มาร์ติน โอลส์สัน , แบรดลีย์ จอห์นสัน , โรเบิร์ต สนอร์ดกราสส์ , โจนาธาน โฮว์สัน , นาธาน เรดมอนด์ , เลรอย เฟอร์ , แกรี ฮูเปอร์
ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเลต์ , เกล็น จอห์นสัน , มามาดู ซาโก , มาร์ติน สเคอร์เทล , จอห์น ฟลานาแกน , สตีเวน เจอร์ราร์ด , ลูคัส เลวา , โจ อัลเลน , หลุยส์ ซัวเรซ , ฟิลิปเป คูตินโญ , ราฮีม สเตอร์ลิง
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *