ASTV ผู้จัดการรายวัน - เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รองแชมป์ศึกลูกหนัง โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลที่แล้ว เป็นทีมแรกในซีซันนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกุนซือ หลังประกาศแยกทางกับ สกอตต์ คูเปอร์ เทรนเนอร์ชาวอังกฤษ ทำให้หลายฝ่ายจับตามองว่าเฮดโค้ชรายใหม่ที่จะเข้ามานั้นเป็นใคร เพราะแม้ว่ากุนซือขัดตาทัพอย่าง พล ชมชื่น จะทำผลงานได้ดีพาทีมรั้งจ่าฝูงขณะนี้ แต่ด้วยสไตล์ของ “กิเลนผยอง” ที่มักเน้นโค้ชมีดีกรีเป็นหลักเพื่อเป็นประโยชน์ทางอ้อมในการติดต่อกับต่างประเทศแล้ว จึงเป็นโอกาสยากที่เจ้าตัวจะได้ทำทีมระยะยาว MGR SPORT จึงถือโอกาสเดาใจผู้บริหารทีม พร้อมนำแคนดิเดตที่น่าจะเป็นไปได้มาให้ได้รู้จักกัน
ทาเคชิ โอกาดะ : อดีตกุนซือผู้เคยพาทีมชาติญี่ปุ่น ลุยศึกฟุตบอลโลกมาแล้ว 2 สมัย (ปี 1998 และ 2010) รวมถึงพาสโมสร โยโกฮามา เอฟ มารินอส คว้าแชมป์เจ-ลีก ปี 2003 และ 2004 เป็นรายชื่อแรกที่อยู่ในโผ เพราะด้วยชื่อชั้นและความสามารถแล้วตอบโจทย์ครบทุกอย่าง ซึ่งโอกาสที่จะดึงตัวมาร่วมงานก็ไม่ถึงกับเกินฝัน เพราะเทรนเนอร์วัย 57 ปี เคยถูกสโมสรไทยอย่าง ชลบุรี เอฟซี และ บางกอกกล๊าส เอฟซี ทาบทามมาบ้างแล้ว ที่สำคัญ รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทองฯ ได้ยอมรับว่า โอกาดะ เองเป็น 1 ในลิสต์ของทีมเช่นกัน ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าอดีตแชมป์ลีกสูงสุด 3 สมัยจากประเทศไทย จะสู้ค่าเหนื่อยที่คาดว่าสูงถึง 37 ล้านบาทต่อปี ของกุนซือชาวอาทิตย์อุทัยรายนี้หรือไม่
ดราแกน สตอยโควิช : ตำนานกองกลางทีมชาติยูโกสลาเวีย และกัปตันทีมเรด สตาร์เบลเกรด วัย 49 ปี เพิ่งโบกมือลา นาโกยา แกรมปัส เอต ในศึกเจ-ลีก แดนปลาดิบ เมื่อปลายปี 2013 หลังเคยพาทีมเถลิงแชมป์ลีก พร้อมคว้ารางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยม ในปี 2010 ที่สำคัญเจ้าตัวยังเคยนำลูกทีมบุกมาปราบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-0 คว้าแชมป์รายการพิเศษ โตโยต้า พรีเมียร์ คัพ 2012 มาแล้ว ซึ่งฝีไม้ลายมือนั้นถือว่าไม่ธรรมดาถึงขนาดที่ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซนอล ในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เอ่ยปากอยากให้มารับไม้ต่อสืบทอดเก้าอี้ของตนเองในอนาคต เนื่องจากมีปรัชญาการทำทีมที่คล้ายคลึงกัน และด้วยโปรไฟล์ที่เพียบพร้อม แถมมีประสบการณ์ในฟุตบอลเอเชียมากว่า 20 ปี จึงไม่แปลกใจเลยหาก “กิเลนผยอง” จะทาบทามมาร่วมทีม
สลาวิซา โยคาโนวิช : โค้ชหน้าเก่ามีโอกาสที่จะหวนกลับมาคุมทัพ เอสซีจี เมืองทองฯ อีกคำรบได้เช่นกัน หลังถูกเด้งฟ้าผ่าเมื่อกลางปี 2013 เพื่อหลีกทางให้กับ วินฟรีด เชเฟอร์ อดีตกุนซือทีมชาติไทยเข้ามาทำหน้าที่แทน โดยหลังจากนั้นแม้เจ้าตัวจะได้งานใหม่ที่ เลฟสกี โซเฟีย ในลีกบัลแกเรีย แต่ก็ไปไม่รอด คุมทีมเพียงแค่ 3 เดือนก็ถูกไล่ออกเนื่องจากผลงานย่ำแย่ อย่างไรก็ตามด้วยผลงานที่เคยฝากไว้ในการนำ “กิเลนผยอง” เป็นแชมป์ไร้พ่ายเมื่อปี 2012 ยังสามารถการันตีฝีมือของเทรนเนอร์เซิร์บ วัย 45 ปี รายนี้ได้อย่างดี ที่สำคัญ “ย็อคกา” ไม่ต้องใช้เวลาปรับจูนอะไรมาก เหมาะกับช่วงเวลาเปลี่ยนม้ากลางศึกในตอนนี้ที่สุด
ฟิลิปป์ ทรุสซิเยร์ : เจ้าของฉายา “พ่อมดขาว” วัย 59 ปี คลุกคลีกับลูกหนังเอเชียมาอย่างโชกโชน และถือเป็นผู้วางรากฐานให้กับทีมชาติญี่ปุ่นจนประสบความสำเร็จทุกวันนี้ หลังพาทีมคว้าแชมป์เอเชียน คัพ เมื่อปี 2000 และผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกปี 2002 นอกจากนี้ยังเคยรับงานระดับชาติทั้ง ไอวอรีโคสต์, ไนจีเรีย, แอฟริกาใต้, กาตาร์ และ โมร็อกโก รวมถึงสโมสรอีกมากมาย ซึ่งหาก “กิเลนผยอง” ได้ตัวโค้ชชาวฝรั่งเศสรายนี้มาร่วมงานคงเป็นที่ฮือฮาไม่น้อย แต่ทั้งนี้แม้เจ้าตัวจะเจรจากับทีมชาติมาเลเซียไม่ลงตัว แต่ยังมีทีมในเจ-ลีกที่สนใจจะปาดหน้าไปเช่นกัน ด้วยค่าเหนื่อยราว 27 ล้านบาทต่อปี รวมกับผู้ช่วยอีก 2 คน รายละ 7.6 ล้านบาทต่อปี
ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน : “เพชฌฆาตหน้าหยก” แหวกโผโค้ชนอกเข้ามาเป็น 1 ในแคนดิเดต หลังออกมายอมรับว่าตนเองสนใจและพร้อมอาสาเข้ามาคุมบังเหียนให้กับเอสซีจี เมืองทองฯ ซึ่งหากผู้บริหารกิเลนผยองสนใจที่จะลองใช้บริการโค้ชไทยดูบ้าง ชื่อของ “เดอะ ตุ๊ก” น่าจะเข้าวินเป็นอันดับต้นๆ แน่นอน เพราะด้วยชื่อเสียงและบารมีแล้วภาษีดีกว่าโค้ชไทยรายอื่นๆ ขณะที่เรื่องฝีมือนั้นอดีตดาวยิงช้างศึกวัย 54 ปี เคยคุมทีมทหารอากาศ คว้าแชมป์ไทย พรีเมียร์ ลีก มาแล้ว 2 สมัย ในปี 1997 และ 1999 รวมถึงฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ประเภท ก และ ไทยแลนด์ เอฟ เอ คัพ อีกทั้งยังเป็นกุนซือทีม สิงห์ ออลสตาร์ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์จากเกาะอังกฤษ 1-0 ในเกมนัดพิเศษมาแล้ว
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *